4 สิงหาคม 2568 ถือเป็นวันแรกที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง หลังจากที่ถูกประกาศว่าเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2564 เนื่องจากงบการเงินปี 2563 แสดงให้เห็นว่าส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์
การกลับมาอีกครั้งของหุ้นการบินไทยถือเป็นโอกาสในการพาตัวเองเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และเข้ามาจุดประกายการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อย
ปัจจุบันมีธุรกิจสายการบินที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งหมด 3 บริษัท โดยแต่ละรายมีจุดยืนทางภาพลักษณ์และกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่
การบินไทย – ดำเนินธุรกิจในฐานะสายการบินแห่งชาติ
ไทยแอร์เอเชีย – มุ่งเน้นให้บริการในรูปแบบสายการบินราคาประหยัด
บางกอกแอร์เวย์ส – ให้บริการแบบสายการบินบูติกที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์
แต่ละสายการบินต่างนำเสนอจุดแข็งเฉพาะตัว เพื่อขับเคลื่อนรายได้และผลประกอบการของบริษัทให้อยู่ในการจับจ้องของสายตานักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรก 2568 ในแต่ละสายการบินยังไม่มีการแจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ถ้ามองเพียงไตรมาส 1/2568 การบินไทยถือเป็นผู้ประกอบการเดียวที่มีการเติบโตด้านรายได้ ด้วยรายได้ 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
ในขณะที่ไทยแอร์เอเชียเป็นบริษัทสายการบินที่มีรายได้ลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับทั้ง 3 บริษัท ด้วยรายได้ 13,554 ล้านบาท ลดลง 3% และบางกอกแอร์เวย์ส รายได้ 7,821 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 0.1%
รายได้ทั้งหมดของแต่ละบริษัทครอบคลุมทั้งการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร ขนส่งสินค้า และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ภายใต้บริษัทจดทะเบียนเดียวกัน
สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า บางกอกแอร์เวย์สมีผลกำไรลดลง ในขณะที่การบินไทยและไทยแอร์เอเชียมีกำไรเพิ่มขึ้น

เมื่อมองไปที่เป้าหมายทางธุรกิจของ 3 บริษัทสายการบินในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในสิ้นปี 2568 พบว่า
การบินไทยได้วางเป้าหมายรายได้เติบโตมากกว่า 16% ผ่านกลยุทธ์มุ่งเน้นขยายเส้นทางบินและเพิ่มความถี่ในการบินที่เชื่อมต่อกันในรูปแบบเครือข่ายเส้นทางการบิน และขายตั๋วเครื่องบินในเส้นทาง Connecting มากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกระจายความเสี่ยงในการให้บริการ พร้อมสร้างประสบการณ์ของผู้โดยสารผ่านการปรับปรุงห้องโดยสารและพัฒนาช่องทางการขาย เพื่อเพิ่มความพึงพอใจและความสะดวกสบายในการใช้บริการ
ไทยแอร์เอเชียวางเป้าหมายรายได้เติบโต 15% ด้วยกลยุทธ์ให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนผู้โดยสารเส้นทางในประเทศ พร้อมกับเพิ่มเส้นทางการบินจากฮับสุวรรณภูมิเป็น 11 เส้นทาง เพื่อรองรับแนวทางบุกตลาด ดึงดูดลูกค้าด้วยทางเลือกในการเดินทางที่มากขึ้นผ่านนโยบาย 2 สนามบินอย่างเต็มรูปแบบ
บางกอกแอร์เวย์สวางเป้าหมายขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน ผ่านจำนวนเที่ยวบินให้บริการ 48,077 เที่ยวบิน อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 82% พร้อมให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การสื่อสารภายใต้ธีม Awesome Experience เน้นสร้างประสบการณ์ผ่านบริการพิเศษ สะดวกสบาย กับผู้โดยสารทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ดี ในไตรมาสแรกของปี 2568 ข้อมูลจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางด้วยสายการบินรวมทั้งสิ้น 39.66 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.67 ล้านคน หรือคิดเป็น 4.40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แบ่งเป็นการเติบโตของผู้โดยสารภายในประเทศ 5.53% และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 3.51% โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน
ส่วนอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2568 ยังเติบโตต่อเนื่อง อ้างอิงจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) พบว่า ผู้โดยสารทั่วโลกเดินทางด้วยสายการบินเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สมาคมสายการบินเอเชียแปซิฟิก (AAPA) รายงานว่า จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 12.8% โดยปริมาณผู้โดยสารและจำนวนที่นั่งที่มีให้บริการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้อัตราการใช้ที่นั่งบนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจาก 81.3% ในไตรมาสแรกของปี 2567 เป็น 82.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้
ส่วนสายการบินในตลาดหลักทรัพย์ไทยจะเป็นตามที่ได้คาดการณ์ไว้หรือไม่ คงต้องติดตามกันในช่วงสิ้นปี ♦
