Digital Marketing กับ Online Marketing นักการตลาดต้องรู้ให้ลึกว่าแตกต่างกันอย่างไร
แม้หลายคนจะใช้คำว่า Digital Marketing และ Online Marketing แทนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองแนวคิดมีขอบเขตและวิธีการที่แตกต่างกัน ซึ่งความเข้าใจผิดนี้อาจทำให้วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดผิดทิศทางได้ การแยกความหมายอย่างชัดเจนจะช่วยให้ธุรกิจเลือกใช้เครื่องมือและช่องทางได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมาย
1.Digital Marketing – การตลาดดิจิทัล
Digital Marketingคือการทำการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลทุกประเภท ไม่จำกัดว่าอยู่บนออนไลน์หรือออฟไลน์ จุดสำคัญคือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่อสารและวัดผล เช่น
- โฆษณาบนป้ายดิจิทัล (Digital Billboard)
- การส่งข้อความ SMS หรือ MMS โปรโมชัน
- แอปพลิเคชันที่ใช้คูปองหรือระบบสะสมแต้ม
- คีออสก์หน้าร้านที่เป็นจอสัมผัสให้ลูกค้าโต้ตอบได้
กรณีศึกษา
- อาหาร : ร้านชาบูชื่อดังใช้ ตู้คีออสก์ดิจิทัล หน้าร้านให้ลูกค้าเลือกเมนูและจ่ายเงินได้เอง พร้อมพิมพ์คูปองส่วนลดรอบหน้า ลูกค้าไม่ต้องเข้าเว็บไซต์ แต่ยังเป็นDigital Marketingเพราะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
- เครื่องดื่ม : แบรนด์กาแฟพัฒนาแอปฯ สะสมแต้ม เมื่อครบจำนวนแลกรับฟรี พร้อมส่ง Push Notification แจ้งโปรพิเศษ ลูกค้าได้รับแม้ไม่ได้เปิดแอปขณะนั้น
- เสื้อผ้า : แบรนด์แฟชั่นติดตั้ง Digital Billboard หน้าห้าง แสดงแฟชั่นโชว์ล่าสุดพร้อม QR Code ให้สแกนดูสินค้าทั้งคอลเลกชัน
- เครื่องสำอาง : เคาน์เตอร์แบรนด์ดังมี AR Mirror ให้ลูกค้าลองสีลิปสติกเสมือนจริงที่หน้าร้าน โดยไม่ต้องทาเครื่องสำอางจริง
2.Online Marketing – การตลาดออนไลน์
Online Marketing เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของDigital Marketingที่โฟกัสเฉพาะช่องทางบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ทุกกิจกรรมจะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น
- โฆษณาผ่าน Facebook, Instagram, TikTok
- การทำ SEO และ SEM ให้เว็บไซต์ติดอันดับค้นหา
- อีเมลมาร์เก็ตติ้งส่งข่าวสารหรือข้อเสนอพิเศษ
- การไลฟ์สดขายสินค้าบนโซเชียลมีเดีย
กรณีศึกษา
- อาหาร : ร้านอาหารญี่ปุ่นใช้ Facebook Ads ยิงโฆษณาเมนูใหม่ พร้อมปุ่ม จองโต๊ะออนไลน์
- เครื่องดื่ม : แบรนด์ชานมไข่มุกทำแคมเปญ TikTok Challenge ให้ลูกค้าเต้นพร้อมแก้วเครื่องดื่มรุ่นลิมิเต็ดเพื่อชิงรางวัล
- เสื้อผ้า : แบรนด์สตรีทแวร์ทำ Live สดเปิดตัวเสื้อคอลเลกชันใหม่ใน Instagram และให้สั่งซื้อผ่าน DM ได้ทันที
- เครื่องสำอาง : แบรนด์เมคอัพใช้ Influencer รีวิวคอลเลกชันใหม่ใน YouTube พร้อมลิงก์ช้อปออนไลน์ใต้คลิป
3.ความแตกต่างที่ควรจำ
- ขอบเขตการใช้งาน – Digital Marketingครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ขณะที่ Online Marketing จำกัดอยู่ในพื้นที่ออนไลน์
- ช่องทางสื่อสาร – Digital Marketingอาจรวมถึงสื่ออย่างป้าย LED, SMS หรือแอปออฟไลน์ ส่วน Online Marketing ใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก เช่น เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย
- กลยุทธ์การผสาน – ธุรกิจที่เข้าใจความต่าง จะสามารถผสานสองแนวทางเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบวงจร เช่น ใช้โฆษณาออนไลน์ดึงคนเข้าร้าน แล้วต่อยอดด้วยระบบสะสมแต้มดิจิทัลหน้าร้าน
การเข้าใจว่า Digital Marketing กว้างกว่า Online Marketing จะช่วยให้ธุรกิจเลือกลงทุนได้อย่างชาญฉลาด และสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์ของลูกค้าจากโลกออนไลน์สู่ออฟไลน์ได้อย่างราบรื่น สร้างทั้งการรับรู้แบรนด์และยอดขายในระยะยาว 🟥
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
