BEARRUNRUN เปิด 5 เทคนิคใช้ AI “ปิดการขาย” ให้ยอดปังกว่าเดิมในยุคที่ลูกค้าหายาก
นาทีนี้ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็น “ตัวเร่ง” ที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจยุคใหม่ ข้อมูลจาก International Data Corporation (IDC) ชี้ว่ากว่า 60% ขององค์กรทั่วโลกมีแผนจะนำ AI มาใช้ในธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบภายใน 2 ปีข้างหน้า นี่คือสัญญาณที่บอกว่าการแข่งขันในตลาดกำลังจะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่แข่งกันที่ตัวสินค้า แต่แข่งกันที่ความเร็วและความแม่นยำในการเข้าถึงลูกค้า
ในยุคที่ตลาดท้าทาย การหาลูกค้าใหม่มันไม่ง่ายเหมือนเก่า การวัดผลก็ดูจะยุ่งเหยิงไปหมด แถมข้อมูลลูกค้า (CRM) ก็กระจัดกระจายไม่เชื่อมกับ Social Profile ทำให้แคมเปญการตลาดที่ตั้งใจทำไป อาจไม่คุ้มค่าอย่างที่คิด
แต่ถ้ามีเครื่องมือที่เข้ามาช่วยทำให้ทุกอย่าง “เร็วขึ้น ลึกซึ้งขึ้น” และมั่นใจได้ว่าทุกย่างก้าวจะนำไปสู่ยอดขายที่แท้จริงล่ะ? นี่คือสิ่งที่ BEARRUNRUN (แบร์รันรัน) ดิจิทัลเอเจนซี่สุดเจ๋งที่เชี่ยวชาญด้าน AI และ Data กำลังทำอยู่ กับการนำ Agentic AI มาผนวกกับ CRM เพื่อสร้าง 5 เทคนิคที่ใช้ “ปิดการขาย” ได้จริงแบบ Personalized ที่แม่นยำและเร็วกว่าเดิม
เมื่อ AI คือพาร์ทเนอร์คนสำคัญที่ช่วยแก้ Pain Point นักการตลาด

คุณนิพนธ์ แสงธีระพานิชย์, Chief Executive Officer (CEO) ของ BEARRUNRUN เล่าให้ฟังว่า “ในฐานะนักการตลาด เราเข้าใจดีว่าความกดดันและข้อจำกัดในองค์กรใหญ่มีมากแค่ไหน ด้วยแนวทางการทำงานของเรา เราไม่ได้แค่มอบเครื่องมือ แต่จะร่วมกันหาโซลูชั่นที่จะช่วยให้การทำการตลาดของคุณ ‘เร็วขึ้น ลึกซึ้งขึ้น’ และมั่นใจได้ว่าทุกย่างก้าวจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แท้จริง”

คุณจตุพร กลีบแก้ว Chief Technology Officer (CTO) ของ BEARRUNRUN เสริมว่า “ปัญหาสำคัญของนักการตลาดคือ ‘เวลา’ ที่เสียไปกับการรวบรวมข้อมูลที่กระจัดกระจาย กว่าจะรู้ว่าแคมเปญไหนเวิร์ก งบก็ใช้ไปเยอะแล้ว การนำ AI เข้ามาเปลี่ยน ‘ข้อมูลกระจัดกระจาย’ ให้กลายเป็น ‘ความเข้าใจแบบเรียลไทม์’ คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้นักการตลาดเห็น Insight ได้ทันทีและตัดสินใจได้แม่นยำบนพื้นฐานของข้อมูลจริง”

คุณปาณิสรา ธนวงศ์จินดา Chief Operation Officer (COO) ของ BEARRUNRUN ย้ำว่างาน Creative ที่มีพลังมักเกิดจากการ “ตั้งคำถาม” ที่ลึกซึ้งว่าเราเข้าใจปัญหาลูกค้าจริงไหม “ในขณะที่เรามีข้อมูลมากมาย AI จะมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราตั้งคำถามที่ลึกขึ้น และได้คำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น”
5 วิธีใช้ AI เปลี่ยนข้อมูลลูกค้า เป็นยอดขายที่วัดผลได้
- AI Response & Close Sales:ใช้ AI ที่เข้าใจภาษาคน (NLP) ดึงข้อมูลจาก CRM มาตอบแชทลูกค้าแบบ Real-time เพื่อสร้างบทสนทนาที่เฉพาะเจาะจง (Personalized) ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อและปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว
- AI Knowledge Management:ปั้น AI ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแบรนด์คุณโดยเฉพาะ ตอบคำถามลูกค้าได้แม่นยำและทำงานร่วมกับแอดมินได้อย่างราบรื่นตลอด 24 ชั่วโมง
- ส่วน AI Data Collection:ให้ AI ทำหน้าที่เก็บข้อมูลเชิงลึกจากบทสนทนาของลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องใช้พนักงาน ทำให้คุณรู้ความต้องการยอดนิยม และดึงข้อมูลสำคัญอย่าง ชื่อ เบอร์โทร หรืออีเมล มาต่อยอดได้ทันที
- ต่อมา AI Classification & Personalization:ใช้ AI จัดกลุ่มลูกค้าอัตโนมัติจาก Social Profile เช่น กลุ่มคนมีครอบครัว หรือคนเลี้ยงสัตว์ แล้วนำข้อมูลนี้ไปเชื่อมกับ CRM เพื่อส่งข้อเสนอและคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคน เช่น แบรนด์อสังหาฯ สามารถส่งภาพโฆษณาโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงให้กับลูกค้าที่เลี้ยงสัตว์

- สำหรับ AI Co-Creation & Optimized Budgeting:AI ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการสร้างสรรค์คอนเทนต์โฆษณา โดยเฉพาะวิดีโอ ไปจนถึงการบริหารงบประมาณโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการส่งเนื้อหาที่ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลาแบบอัตโนมัติ (Automated)
เคสจริง! BOOKOLA แพลตฟอร์ม AI ที่ช่วยโรงแรมปิดการขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

คุณกฤษฎา หลินภัทรชัย Chief Marketing Officer บริษัท บุโคล่า จำกัด ผู้พัฒนา AI Chatbot Automation Platform “BOOKOLA” ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับBEARRUNRUNเล่าให้ฟังว่า “BOOKOLA เกิดจากความเชื่อว่าโรงแรมไม่ใช่แค่ที่พัก แต่คือ ‘Experience’ ที่เริ่มต้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ลูกค้าแชทเข้ามา”
ปัญหาที่โรงแรมเจอบ่อยคือ “พลาดโอกาส” ในการสร้างความประทับใจบนโซเชียลมีเดีย เพราะทีมงานตอบลูกค้าไม่ทัน แต่เมื่อใช้ BOOKOLA ซึ่งเป็น AI Chatbot ที่ถูกพัฒนามาสำหรับธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถจองและชำระเงินได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
เพียงแค่โรงแรมเปลี่ยน Social Media จากช่องทางการตลาดธรรมดา ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ที่ดีกว่า ก็สามารถเพิ่มยอดขายได้ตลอดเวลา ปัจจุบันมีโรงแรมใช้บริการ BOOKOLA มากกว่า 50 แห่งในระยะเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพที่แท้จริง โดยงานวิจัยจากสถาบัน TCI ยังพบว่าองค์กรไทยส่วนใหญ่ที่นำ AI มาใช้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและให้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้

BEARRUNRUN ตอกย้ำว่า การนำ AI มาใช้ในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องมือ แต่คือการสร้างสมดุลระหว่าง “Faster Technologies” ที่ตอบโจทย์ประสิทธิภาพ และ “Deeper Creativities” ที่เข้าใจ Insight ของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง การประยุกต์ใช้ AI ในองค์กรจึงเปรียบเสมือนการปลดล็อกศักยภาพด้านการตลาด ทำให้แบรนด์สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า สร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ติดตามและทำความรู้จักBEARRUNRUN #RUN วงการตลาด ให้มากขึ้นได้ที่ https://www.bearrunrun.com/
Website : Marketeeronline.co /
