EventTech.ai ผู้เปลี่ยน งานอีเวนต์ ให้ขับเคลื่อนด้วย Data พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทยสู่มาตรฐานโลก
ในวันที่อุตสาหกรรมอีเวนต์ทั่วโลกกำลังเร่งฟื้นตัวหลังโควิด เบื้องหน้าคือ เวที แสง สี เสียง และจำนวนผู้เข้าร่วมงานเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ขณะที่เบื้องหลังอย่างระบบลงทะเบียน การขายบัตร การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการเชิญชวนผู้มาร่วมงานแบบ Hyper-Personalized ที่ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ตรงใจ แต่ทั้งผู้มาร่วมงานและผู้จัดงานได้ประโยชน์สูงสุด คืออีกหนึ่งความสำเร็จที่เรียกได้ว่า “Complete” ทุกฝ่าย
พื้นที่เบื้องหลังนี้เอง ที่ทำให้ EventTech.ai ไม่เพียงแค่เป็นผู้เล่นในตลาด แต่กำลังก้าวขึ้นเป็น “ผู้กำหนดทิศทางใหม่” ของอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทย
“Pain Point ของคนจัดงานไม่ใช่เครื่องแสง สี เสียง ไม่ใช่แค่ Production แต่คือความกลัวว่า ‘คนจะไม่มางาน’ และ MarTech for Event Ecosystem คือคำตอบของโจทย์นี้”
คุณเต้-เตทัศน์ สุทธินุ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทัชออนไลฟ์ จำกัด ผู้ให้บริการ EventTech.ai กล่าวด้วยความมั่นใจ และผ่านการพิสูจน์มาแล้วจากงานจริงกว่า 100 งานภายในเวลาเพียงหนึ่งปี
จากจุดเริ่มของคนทำงานการตลาดและเทคโนโลยี สู่ผู้สร้างแพลตฟอร์มEventTech.ai MarTech for Event Ecosystem แพลตฟอร์มเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับระบบนิเวศงานอีเวนต์ รายแรกของไทยที่ทำให้เทคโนโลยี “ไม่ใช่ตัวเลือก” แต่เป็น “หัวใจของความสำเร็จของงานอีเวนต์”
นี่คือเส้นทางที่น่าสนใจยิ่งกว่าเรื่องราวของการเติบโต เพราะมันคือเรื่องของ “เหตุผลว่าทำไมเขาเติบโต” และ “ทำไมอุตสาหกรรมต้องฟัง”
จากที่ปรึกษาสู่ผู้สร้าง Ecosystem
ก่อนจะเป็นEventTech.ai คุณเต้คือคนทำงานที่ปรึกษาธุรกิจ ด้าน Branding ด้านการตลาดและด้านเทคโนโลยีให้กับแบรนด์ระดับโลก กระทั้งหันเปิดบริษัทเอเจนซี่ของตัวเองที่ยังคงดำเนินงานมากว่า 11 ปี
จากประสบการณ์สองฝั่งอย่าง Marketing และ Technology กลายเป็นมุมมองที่หาได้ยาก และทำให้เขาเห็นความจริงในอุตสาหกรรมจัดงานแบบที่หลายคนไม่เคยเห็น
“เวลาจัดงานหนึ่งงาน ต้องใช้หลายเครื่องมือ ใช้หลายระบบ มันวุ่นวายเกินไป ไม่มีอะไรเชื่อมกัน” เขาย้อนเล่า
หลังโควิดคือจุดเริ่มต้น เขาลงมือสร้างโซลูชันสำหรับงานอีเวนต์ที่ไม่ใช่แค่ระบบขายบัตร แต่คือระบบที่ช่วยหาคนเข้างาน ด้วย Data ที่แม่นยำและคุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้จัดงานหรือ Organizer ภายใต้ชื่อ EventTech.ai
EventTech.aiคือผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม MarTech สำหรับอุตสาหกรรมอีเวนต์ที่กำลังเติบโตเร็วที่สุดรายหนึ่งของไทย ทำหน้าที่เป็น “Tech Enabler” ที่ช่วยให้ผู้จัดงานดึงคนเข้างานได้จริงด้วยเทคโนโลยี Hyper-Personalization ครอบคลุมตั้งแต่ระบบลงทะเบียน การขายบัตร การทำ Data Intelligence Analytics แบบ One-to-One ไปจนถึง Business Matching, Gamification และการวัดผลพฤติกรรมผู้เข้าร่วมงานแบบ Real-time
จุดสำคัญคือEventTech.aiไม่ได้มองอีเวนต์เป็นแค่กิจกรรม แต่เป็น Ecosystem ที่ต้องเชื่อมทุก Touchpoint เข้าด้วยกัน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและ Omnichannel เพื่อให้ผู้จัดงานสามารถบริหารต้นทุน วัดผล และต่อยอด Insight ได้ในมิติที่ลึกกว่าแพลตฟอร์มยุคก่อน
การเติบโตของEventTech.aiไม่ได้เกิดจากการ “สร้างระบบใหม่” หากเกิดจากการ “สร้างแนวคิดใหม่” ให้กับอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทย เพราะในวันที่ทุกแพลตฟอร์มต่างประกาศว่าตนเองมีฟีเจอร์ มีระบบลงทะเบียน มีการขายบัตร มี QR Check-in และมี Dashboard วิเคราะห์ข้อมูล EventTech.aiกลับเลือกยืนบนฐานคิดที่ลึกกว่า และมีชั้นเชิงกว่า นั่นคือการสร้าง Value จาก Data และประสบการณ์ของมนุษย์ให้ใช้งานได้ง่ายที่สุดเป็นหลัก
KEN: Core Value ที่สร้างความแตกต่าง
คุณเต้สรุปแก่นคิดของบริษัทออกมาเป็น Framework ที่เรียกว่า KEN ซึ่งไม่ใช่แค่ Core Value แต่คือ “DNA” ที่ฝังอยู่ในการตัดสินใจทุกชั้นขององค์กร
K = Knowledge
ไม่ใช่ความรู้ทั่วไป แต่คือ Knowledge ที่กลั่นมาจาก Data จริง จากพฤติกรรมคนเข้างาน จากเหตุผลที่คนเลือกซื้อบัตร จาก Journey ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมอยู่ในงานนานขึ้น สนใจมากขึ้น และกลับมาอีกครั้ง EventTech.aiนำ Data ปริมาณมหาศาลจากงานนับร้อย มาวิเคราะห์เพื่อสร้างมูลค่าใหม่ให้กับผู้จัดงาน แบรนด์ และผู้สนับสนุน ซึ่งเป็นมิติที่ผู้เล่นรายอื่นยังไปไม่ถึง
E = Experience
ประสบการณ์คือหัวใจของงานอีเวนต์ แต่ประสบการณ์ที่ดีในมุมของ EventTech.ai ไม่ใช่ “อลังการ” แต่คือ “เรียบง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” เพราะความยุ่งยากคือสิ่งที่ทำให้คนไม่เข้างาน EventTech.ai จึงออกแบบ UX ที่ Lean ที่สุด ใช้เพียงไม่กี่คลิกในการลงทะเบียน เชื่อมข้อมูลผ่าน LINE ได้ทันทีแบบไม่ต้องยืนยันหลายชั้น และทำให้ทุก Touchpoint ไร้รอยต่อ เหมือนที่คุณเต้บอกว่า “ทุกขั้นตอนต้องจบให้เร็วที่สุด ให้ผู้ใช้ต้องสะดวกที่สุด”
N = Nature
ส่วนที่ทำให้EventTech.aiแตกต่างที่สุดคือ “Nature” แนวคิดเรื่องความยั่งยืน ที่เป็น Mindset และความตั้งใจจริงตั้งแต่วันแรกผู้บริหารอย่างคุณเต้ และทำให้EventTech.aiกลายเป็นเจ้าเดียวในไทยที่สามารถวัด Carbon Emission ในงานอีเวนต์ได้แบบครบวงจร ตั้งแต่การเดินทาง อาหาร ไฟฟ้า ไปจนถึงกิจกรรมภายในงาน และยังสามารถออก Carbon Offset ได้ด้วยระบบที่ได้รับการ Verify ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
“เราตั้งใจฝังเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าไปในระบบตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เพราะเทรนด์ แต่เพราะมันควรเกิดขึ้น และต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน” นี่คือน้ำเสียงของ “ผู้กำหนดมาตรฐานใหม่” ในอุตสาหกรรมที่ยังไม่มีใครทำได้ถึงจุดเดียวกัน
KEN จึงไม่ใช่ Framework แต่คือ “หลักคิดที่ทำให้EventTech.aiเติบโตสวนทางตลาด”

EventTech.ai โดดเด่นด้วยความเข้าใจและเทคโนโลยี
ความได้เปรียบของEventTech.aiเกิดจาก “ความเข้าใจแก่นของอุตสาหกรรม” เพราะลูกค้าไม่ได้ต้องการระบบ แต่ต้องการ “ผลลัพธ์” และผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดของงานอีเวนต์ คือ “จำนวนคนเข้างานที่มากขึ้นอย่างวัดได้จริง”
คุณเต้อธิบายอย่างชัดเจนว่า “เราใช้ Data ทำให้คนมางานจริง ไม่ใช่ยิงโฆษณาหว่าน แต่จับ Interest เจาะตรงคนที่ใช่ และทำแบบ One to One” ซึ่งเป็นความสามารถที่ผู้จัดงานยุคใหม่ต้องการ และเป็นสิ่งที่เราถนัด
สรุปแล้วจุดเด่นของEventTech.aiอยู่ที่การผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับประสบการณ์จริงในอุตสาหกรรมอีเวนต์ จนออกมาเป็นระบบที่ Lean ใช้งานง่าย และทำ Hyper-Personalization ได้ลึกถึงระดับคนต่อคน ทำให้สามารถดึงคนที่ “ใช่จริง” เข้างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมความยืดหยุ่นด้าน Customization ที่เหนือกว่าแพลตฟอร์มทั่วไป ทั้งการออกแบบฟีเจอร์เฉพาะงาน การเชื่อมต่อระบบผ่าน Open API และการรองรับ Service Line มากกว่า 40 รายการที่ปรับใช้ได้ทั้งแบบแยกส่วนและแบบครบชุด ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ งานรัฐ งานเอกชน งานระดับประเทศ สามารถใช้งานได้ทั้งหมด
ขณะเดียวกันEventTech.aiยังเป็นรายเดียวในไทยที่ให้บริการด้าน Sustainability ครบวงจร ตั้งแต่วัด Carbon Emission ไปจนถึงการทำ Carbon Offset ร่วมกับ อบก. ภายใต้กรอบความปลอดภัยและ PDPA ที่ได้มาตรฐาน
ส่งผลให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการในอัตราสูงเพราะเห็นผลลัพธ์เชิงตัวเลขที่จับต้องได้จริง ทั้งในงาน MICE คอนเสิร์ต งานสมาคม และงานระดับประเทศจำนวนมาก
ขณะที่หลายแพลตฟอร์มกำลังแข่งขันด้วยการ “ลดราคา” EventTech.ai กลับเติบโตด้วย “คุณค่าที่วัดได้” ซึ่งเป็นจุดยืนที่ทำให้บริษัทไม่ใช่ผู้เล่นในตลาด แต่เป็น “ผู้ยกระดับมาตรฐานของตลาด” และเป็นเบื้องหลังสำคัญที่ผลักอุตสาหกรรมอีเวนต์ไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลกอย่างมั่นใจ
องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยความเชี่ยวชาญจริง
องค์กรที่สร้างเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมอีเวนต์ ต้องเข้าใจทั้ง “ประสบการณ์ของผู้เข้าร่วม” และ “กลไกเชิงธุรกิจของผู้จัดงาน” อย่างลึกซึ่ง นี่คือเหตุผลที่EventTech.aiเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจาก TED Fund TCEB รวมถึง AWS cloud ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพของระบบ
คุณเต้ย้ำว่า “เราไม่ได้เติบโตเพราะมีคนเยอะ แต่เพราะมีคนที่เข้าใจงานจริง” วัฒนธรรมองค์กรจึงตั้งอยู่บนฐานของ ความเชี่ยวชาญ ความเร็วในการพัฒนา ความสามารถในการฟัง Pain Point ของลูกค้า และการพัฒนา Feature จากความต้องการจริงในตลาด ไม่ใช่สมมติฐานในห้องประชุม
โดยภายใน 1 ปีหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ EventTech.aiทำงานแล้วมากกว่า 100 งาน ครอบคลุมอุตสาหกรรมตั้งแต่ งานสมาคม, งาน MICE, งานสภาอุตสาหกรรม, งาน Entertainment, งาน Fan Meet & Fan Concert ต่างๆ ไปจนถึงงาน Expo ระดับประเทศ
และทุกงานสะท้อนสิ่งเดียวกัน ตัวเลขผู้เข้าร่วมที่เติบโต ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงขึ้น ต้นทุนทางการตลาดลดลง และข้อมูลที่นำไปวางแผนต่อยอดได้จริง
ล่าสุดที่กำลังจะเกิดคืองาน Sea & Stars ที่ร่วมมือกับสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยงานนี้ EventTech.ai โชว์พลังสร้างสรรค์งาน Immersive ที่ผสมผสานเทคโนโลยี แสงสี และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เชื่อมการเดินทางด้วยพันธมิตรภาคเอกชน และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาครัฐหลายหน่วยงาน
โดยช่องทางการจัดจำหน่ายบัตร Chiang Mai Night Aquarium: Sea & Stars ได้ที่: https://www.eventtech.ai/events/chiang-mai-night-aquarium-sea-stars
ถือเป็น Showcase ที่แสดงว่า EventTech.ai สามารถ “ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม” ไม่ใช่แค่ “จัดระบบในงานหนึ่งงาน”
ทำไม “ตอนนี้” ถึงเป็นจังหวะที่ EventTech.ai คือคำตอบ
หลังโควิด อุตสาหกรรมอีเวนต์ไทยกลับมาเร็วกว่าความต้องการจริงของตลาด ผู้จัดงานหลายรายพบตัวเองอยู่ในสนามที่มีงานมากกว่าคนเข้าร่วม บัตรจำนวนมากถูกขายออกไม่ถึงครึ่ง ผู้สนับสนุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น และหลายอีเวนต์ต้องยอมพับแผนเพราะไม่ถึงจุดคุ้มทุน ภาพนี้ทำให้อุตสาหกรรมเห็นชัดว่า งานอีเวนต์ยุคใหม่ไม่ได้วัดกันที่โปรดักชันหรือธีมงาน แต่ชนะกันที่ “วิธีหาคนที่ใช่ให้เข้ามาในเวลาที่ใช่” นั่นคือจุดที่ EventTech.ai เข้ามาเปลี่ยนเกม
“EventTech.ai เราทำหน้าที่เป็นมากกว่าระบบขายบัตรหรือแพลตฟอร์มลงทะเบียน แต่เข้าไปยืนตรงจุดที่สำคัญที่สุดของอีเวนต์ยุคนี้ จุดที่เชื่อมระหว่าง Organizer กับผู้เข้าร่วมจริง ด้วยเทคโนโลยี Data-Driven ที่วิเคราะห์ความสนใจของแต่ละคนแบบ One-to-One ช่วยทำ Audience Acquisition ได้ถูกกลุ่มกว่าเดิมหลายเท่า และยังวัดผลได้แบบ Real-time จนผู้จัดงานรู้ไม่ใช่แค่ว่า “มีใครมางาน” แต่รู้ว่า “ใครคือคนที่ควรกลับมาอีกครั้ง” ท่ามกลางตลาดที่กำลังแผ่ว EventTech.ai กลับเติบโต เพราะมันตอบโจทย์ Pain Point ที่แท้จริงของอุตสาหกรรม และตอบได้ในแบบที่แพลตฟอร์มยุคก่อนทำไม่ได้อีกแล้ว”
อนาคตของ EventTech.ai คือการก้าวจากผู้เล่นไทยสู่ตลาดระดับเอเชีย
ขณะที่หลายบริษัทกำลังพยายามตั้งหลักใหม่หลังตลาดผันผวน EventTech.ai กลับเคลื่อนตัวสู่ระยะถัดไปอย่างเต็มรูปแบบ โดยวางกลยุทธ์รุกตลาด Show Biz ซึ่งกำลังเติบโตสูงที่สุดในระบบอีเวนต์
พร้อมพัฒนาโซลูชันใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการกดบัตรคอนเสิร์ตอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่สะเทือนทั้งค่ายเพลงและผู้บริโภค ด้วยแนวคิดแบบแพลตฟอร์มที่ยึด “ผู้ใช้” เป็นศูนย์กลาง ทีมจึงเดินหน้าปรับ UX ให้เหมาะกับผู้ใช้ต่างเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือผู้ชมระดับอินเตอร์ที่มีพฤติกรรมการใช้งานต่างจากคนไทยโดยสิ้นเชิง
ก้าวต่อไปคือการขยายตลาดไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอาจรวมถึงจีน ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าบริษัทไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียง Tech Provider ของไทย แต่เป็น “New Generation Event Platform” ของเอเชียในอนาคต
ขณะเดียวกัน แผนระยะยาวก็ยิ่งใหญ่กว่านั้น การสร้าง Venue ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีและประสบการณ์แบบ Immersive อย่างเต็มรูปแบบ เป็นการยกระดับมาตรฐานอีเวนต์ไทยให้ทัดเทียมเวทีระดับนานาชาติ
คุณเต้กล่าวทิ้งท้าย “แม้สิ่งที่เราทำวันนี้ อีก 6 เดือนคู่แข่งอาจจะทำได้หมด แต่สิ่งที่เรานำหน้า คือความเข้าใจตลาด และความสามารถในการปรับตัวพัฒนาสิ่งใหม่อย่างรวดเร็ว”
นี่คือนิยามของบริษัทที่ไม่ได้เล่นเกมเดียวกับคู่แข่ง แต่กำลัง “ออกแบบเกมใหม่” ให้ทั้งอุตสาหกรรมเดินตาม
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /


