ตระกูล “วานิช” หนึ่งในกลุ่มทุนท้องถิ่นที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดในจังหวัดภูเก็ต อยู่เบื้องหลังธุรกิจสำคัญหลายอย่างของเมือง เช่น เหมืองแร่, สวนปาล์ม, ขนส่ง, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริการโรงพยาบาล

วันนี้กำลังลงทุนครั้งประวัติศาสตร์กับโครงการที่มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อสร้าง “เมืองใหม่” ใจกลางภูเก็ต

นี่อาจเป็นหนึ่งใน “จุดเปลี่ยนยุค” ของตระกูลเก่าแก่ที่สำคัญที่สุด

ยุคที่ 1: จากเด็กขายขนม… นักทำเหมือง

เริ่มจาก เจียร วานิช ชายหนุ่มชาวพังงา ที่ล้มลุกคลุกคลานตั้งแต่เด็ก เขาทำงานสารพัดอาชีพ ตั้งแต่ขายขนม ตัดไม้ ขายปลา จนมีเงินเก็บพอซื้อเรือออกไปทำโป๊ะจับปลา และต่อยอดสู่การรับจ้างขนอุปกรณ์เหมืองแร่ให้บริษัทฝรั่ง

ด้วยความขยันและความซื่อสัตย์ เขาได้รับความไว้วางใจจนได้เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ของบริษัทต่างชาติ ก่อนจะตัดสินใจเปิดเหมืองแร่ดีบุกของตนเองในจังหวัดพังงา

จากนั้นกิจการขยายตัวไปถึงการขนส่งทางเรือ เปิดสำนักงานที่ภูเก็ต และทำโรงงานยาง โรงงานน้ำมันมะพร้าว รวมถึงเดินเรือระหว่างประเทศ

ในยุคสงครามโลก เขายังถูกแต่งตั้งเป็น “ผู้จัดการบริษัทจังหวัด” ดูแลจัดหาสินค้าจำเป็นให้ประชาชน

สะท้อนให้เห็นบทบาทของตระกูลที่มากกว่าการทำธุรกิจ แต่ “เป็นเสาหลักของชุมชน”

ยุคที่ 2: เอกพจน์ วานิช – ผู้ขยายอาณาจักรสู่ภาคใต้ทั้งภูมิภาค

ลูกชายคนเดียวคือ เอกพจน์ วานิช ซึ่งเรียนจบจากต่างประเทศ และเข้ามาช่วยบริหารจนธุรกิจเดินหน้าอย่างก้าวกระโดด เขาสร้างการเติบโตครั้งใหญ่ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ เดินเรือ–ท่าเรือ และเหมืองแร่

ขยายเหมืองดีบุก, ยิปซั่ม, วุลแฟรม ไปยังนครศรีธรรมราช–สุราษฎร์–กาญจนบุรี และอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน

ธุรกิจนี้ถือเป็น “เสาหลักทองคำ” ของตระกูล

นอกจากนี้ยังขยายไปสู่โรงพยาบาลเอกชล ชลบุรี ซึ่งกลายเป็นโรงพยาบาลเอกชนสำคัญในเมืองชลบุรี

ยุคของเอกพจน์จึงเป็นยุค “สร้าง–ขยาย–ปักธง” ให้ตระกูลวานิชเป็นตระกูลธุรกิจรายใหญ่ของภาคใต้

 ยุคที่3

แม้ตระกูลวานิชจะตั้งใจสานต่อธุรกิจเดิมอย่างสวนปาล์ม–อุตสาหกรรม–โลจิสติกส์

แต่ในวันที่ภูเก็ตเปลี่ยนภูมิทัศน์จากเหมืองแร่เป็นเมืองท่องเที่ยว ทายาทของตระกูลต้องปรับตัวตามบริบทของพื้นที่

 การขยายอาณาจักรสู่ “เรียลเอสเตต” เมื่อ 30 กว่าปีก่อน จึงเกิดขึ้นเป็นแขนขาใหม่ของอาณาจักรมรดกวานิช

ปัจจุบันจากเมืองท่องเที่ยวตามฤดูกาล สู่ศูนย์กลางการพักผ่อนและการอยู่อาศัยระดับโลก ความต้องการใหม่ ๆ กำลังเกิดขึ้นอย่างชัดเจน

ตัวเลขสะท้อนว่าอัตราการกลับมาของนักท่องเที่ยวยังคงสูง

ขณะเดียวกันภูเก็ตยังดึงดูดทั้ง Digital Nomad และกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานระดับ Ultra Luxury Network เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

มาถึงวันนี้… รุ่นหลานกำลังสร้าง เมืองจริง ๆ 

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 คือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่  โดยอภิรักษ์ วานิช (ลูกชายเอกพจน์) และ จันทร์ทิพย์ (ภรรยา) ประกาศเปิดตัวโครงการระดับ “เมืองต้นแบบ”

Synthesis Ark Phuket มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท บนพื้นที่เกือบ 500 ไร่ กลางตำบลศรีสุนทร ถลาง ภูเก็ต

นี่ไม่ใช่แค่หมู่บ้าน หรือมอลล์ แต่เป็นการสร้าง “เมืองใหม่” แบบผสมผสาน (Integrated Mixed-use)

ประกอบด้วย คอนโด, บ้านจัดสรร & วิลล่าหรู, อาคารสำนักงาน, โรงแรม & เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, ศูนย์สุขภาพ–ความงาม, พื้นที่และศูนย์การค้าระดับโลก

มีพื้นที่สีเขียวและทะเลสาบกว่า 20%

ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ ถนนเทพกระษัตรี ระหว่างสนามบิน–ตัวเมือง ถือเป็นหนึ่งในที่ดิน “ผืนงามที่สุด” ที่ยังพัฒนาได้ของภูเก็ต

โครงการพัฒนาเต็มรูปแบบระหว่างปี 2568–2575

โปรเจกต์นี้ยังได้รับรางวัล Asia Architecture & Design Awards 2025 ในสาขา Asia’s Best Master Planning

 โครงการนี้กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ 3 ด้านใหญ่ของภูเก็ต

1.เปลี่ยนสวนปาล์มเดิมเป็น “เมืองแห่งอนาคต” ที่ดิน 491 ไร่ คือ “สินทรัพย์ที่เก็บสะสมตั้งแต่รุ่นปู่” วันนี้กำลังถูกแปลงเป็น Value ใหม่หลายหมื่นล้าน

2.สร้างศูนย์เศรษฐกิจใหม่ของถลาง  เพราะทำเลนี้อยู่ระหว่างสนามบิน–ตัวเมือง

3.สร้างโมเดล 15-Minute Neighborhood ในเมืองท่องเที่ยวอันดับโลก

เป็นแนวคิด Walkable + Eco + Self-Sufficient เป็นมาตรฐานใหม่ ที่ไม่ค่อยพบในจังหวัดท่องเที่ยวของไทย

นี่คือ “เดิมพันครั้งใหญ่ที่สุด” ของตระกูลวานิชในรอบ 100 ปี แน่นอนไม่ใช่แค่เมกะโปรเจกต์ของภูเก็ต

แต่เป็นบทพิสูจน์ว่า

ตระกูลเก่าแก่สามารถใช้ภูมิปัญญา + ที่ดินมรดก + วิสัยทัศน์ใหม่ เปลี่ยนมรดกเก่าให้เป็นโอกาสใหม่ได้อย่างไร


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer