ปี 2025 ถือเป็นปีที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% กลับมาขยายตัวอย่างสูงอีกครั้ง หลังชะลอตัวลงไปชัดเจนในปี 2024 ที่ผ่านมา ส่วนสำคัญมาจากมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ที่สิ้นสุดลงในช่วงปลายปี ก่อให้เกิดการแข่งขันของสงครามราคาที่รุนแรงระลอกใหญ่ที่สุดมาตลอดปี  

เนื่องจากค่ายรถยนต์ข้ามชาติจีน นำเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมาจัดทำโปรโมชั่นราคา และยังส่งผลให้ค่ายรถยนต์ข้ามชาติอื่น ๆ ก็ต้องมีการสู้กลับในด้านการแข่งขันราคา เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

2025 ปีแห่งรถยนต์ไฟฟ้า 100% 

Price War เร่งยอดขายแตะแสนคัน แต่ปีหน้าอาจกลับมาเครื่องฝืด

ยอดจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) รถยนต์ไฟฟ้า 100% / คัน อัตราเติบโตเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน รถยนต์เบนซิน-ไฟฟ้า (ไฮบริด) / คัน อัตราเติบโตเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ปี 2021 1,935 83.24% 34,233 21.7%
ปี 2022 9,729 402.79% 63,343 85.03%
ปี 2023 76,314 684.4% 84,321 33.12%
ปี 2024 67,954 -10.95% 126,197 49.66%
มกราคม – พฤศจิกายน 2025 104,342 53.55% 127,533 1.06%
ที่มา: สถิติรถจดทะเบียนใหม่ รย. 1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จากกรมการขนส่งทางบก

การแข่งขันด้านสงครามราคาที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายของรถกลุ่มดังกล่าวในปี 2025 ขยับขึ้นไปอยู่ที่ราว 17% จากราว 12% ในปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ยอดขายรถยนต์นั่งรวมปีนี้จะอยู่ที่ราว 600,000 คัน

อีกทั้งเฉพาะในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 ที่ผ่านมา สัดส่วนยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า 100% ยังขยับขึ้นมาแตะระดับ 50% ของยอดจองทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากงานปีก่อนที่มีสัดส่วนประมาณ 40% 

ด้านค่ายยานยนต์ข้ามชาติญี่ปุ่น ในปี 2025 ก็เริ่มปรับตัวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มตัว แม้จะยังวางรถยนต์ไฮบริดเป็นพอร์ตหลัก โดยกลุ่มผู้นำตลาดรถยนต์นั่งในไทยอย่าง Toyota และ Honda ได้มีการส่งรถยนต์รุ่นไฟฟ้า 100% เข้ามาลงเล่นในตลาดอย่างเต็มตัว 

ทั้งนี้ การแข่งขันด้านสงครามราคาที่รุนแรงจากค่ายยานยนต์ข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มค่ายจีน ก็กระทบต่อภาพรวมเม็ดเงินในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ลดลง ส่งผลต่อเนื่องไปยังการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว 

นอกจากนั้น การกลับมาขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ยังส่งผลให้กลุ่มรถยนต์ไฮบริดที่เติบโตในระดับเลขสองหลักมาต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีให้หลัง ชะลอการเติบโตเหลือแค่ตัวเลขหลักเดียวในปี 2025 แต่ก็ยังถือว่าเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสัดส่วนยอดขายสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มรถไฟฟ้า 100% และรถปลั๊กอินไฮบริด

เนื่องจากรถยนต์ไฮบริด สามารถตอบโจทย์ในการใช้งานด้านการประหยัดน้ำมัน ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการบำรุงรักษาซึ่งยังเป็น Pain point หลักของรถยนต์อีวี

อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์กันว่าทิศทางราคารถยนต์ไฟฟ้า 100% ในปี 2026 อาจจะเริ่มทรงตัวหรือมีการปรับขึ้น จากการเปลี่ยนผ่านสู่มาตรการ EV 3.5 ซึ่งจะมีการปรับลดเงินสนับสนุนจากภาครัฐลง 

ตลอดจนการผ่อนปรนมาตรการผลิตชดเชยการนำเข้า โดยสามารถนับรวมยอดผลิตสำหรับการส่งออกได้ จากเดิมให้นับเฉพาะยอดผลิตขายในประเทศเท่านั้น และการปรับราคาขึ้นของลิเธียมคาร์บอเนต สารประกอบสำคัญในแบตเตอรีสำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า หลังราคาตกลงไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer