ธนาคารกสิกรไทย คาดปีนี้ การลงทุนรัฐ-เอกชนฟื้นมูลค่ารวมกว่า 1.27 ล้านล้าน ชี้ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องระดมเงินจากตลาดทุนเพิ่ม ชี้กว่า 1 ใน 3 มีความศักยภาพสูง สามารถทำทั้งยอดขายและผลกำไรเติบโตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมากว่า 20% ตั้งเป้ารายได้รวมโตกว่า 15% ด้วยการเป็นพันธมิตรให้คำแนะนำอย่างครบวงจร

นายจงรัก รัตนเพียร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้บริหารสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัท เปิดเผยว่า ในปี 2558 ประเทศไทยน่าจะมีความชัดเจนเรื่องการลงทุนใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น โดยการลงทุนที่สำคัญจะเป็นโครงการลงทุนในประเทศของภาคเอกชน 250,000 ล้านบาท โครงการลงทุนสาธารณูปโภคของภาครัฐบาล 270,000 ล้านบาท และการลงทุนในต่างประเทศ 750,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ดังนั้นคาดว่าธุรกิจส่วนหนึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องระดมเงินทุนผ่านทางตลาดทุน นอกเหนือจากการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตามกว่า 90% ของธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทยยังไม่เคยระดมเงินผ่านตลาดทุน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ สามารถสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้ ทั้งนี้อุตสาหกรรมหลัก จะมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และเกษตรอุตสาหกรรม กลุ่มสื่อสารและยานยนต์ รวมทั้งกลุ่มธุรกิจบันเทิง

นายจงรัก กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนากลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ดังกล่าวเพื่อให้มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทางเลือกในตลาดทุนได้มากขึ้น เพื่อสามารถตอบสนองรับความต้องการเม็ดเงินลงทุนดังกล่าว โดยปีนี้ธนาคารจะให้ความสำคัญในการให้บริการการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแก่ธุรกิจขนาดใหญ่อย่างครบวงจร ไม่ว่าแหล่งทุนทางเลือกใหม่ๆ ผ่านตลาดทุน การปรับโครงสร้างธุรกิจและทุนเพื่อรองรับการเติบโตได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที เพื่อบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจได้อย่างไร้รอยต่อกับลูกค้าและคู่ค้าต่างๆ

ปัจจุบันลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมดที่มียอดขายเกินกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี มีประมาณ 20% เท่านั้น ในจำนวนนี้มียอดขายมากกว่า 1,000 – 5,000 ล้านบาทประมาณ 80% ส่วนอีก 20% มียอดขายมากกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าธุรกิจขนาดใหญ่กว่า 1 ใน 3 มีความศักยภาพสูง โดยสามารถทำทั้งยอดขายและผลกำไรเติบโตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมากว่า 20% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตโดยเฉลี่ยของประเทศถึง 5 เท่า แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ประกอบการในการทนต่อแรงเสียดทาน ท่ามกลางกระแสความผันผวนทางการเงิน การเมืองและเศรษฐกิจของตลาดโลก ที่ส่งผลถึงค่าเงิน อัตราดอกเบี้ย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงได้และเป็นความท้าทายในการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

ธนาคารกสิกรไทย

สู่ Digital Banking

นายจงรัก กล่าวในตอนท้ายถึงกลยุทธ์ที่ประสานรับกับนโยบายภาครัฐในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจเข้าสู่ Digital Economy โดยทางธนาคารกสิกรไทยจะมุ่งการนำเสนอ Digital Banking และกระแสการพัฒนากระบวนการให้บริการในทุกรูปแบบไปในทางเดียวกันโดย ตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 ในด้านการเป็นธนาคารหลักในกลุ่มธุรกิจผู้ประกอบการขนาดใหญ่พร้อมชูศักยภาพด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ครอบคลุม 3 ยุทธศาสตร์หลักคือ ด้านตลาดทุน ด้านธุรกรรมการเงิน (Transaction Banking) และด้านธุรกิจตลาด AEC โดยได้เร่งเสริมทัพทีมงานเพื่อรองรับกระแสตลาดทุน
ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2558 โตกว่า 15% โดยมีการเติบโตของสัดส่วนค่าธรรมเนียมต่อรายได้เพิ่มขึ้น 13% ทำให้สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเมื่อรวมกับรายได้จากเงินฝากเมื่อเทียบกับยอดเฉลี่ยของมูลค่าสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นจาก 2.28% เป็น 2.67%

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online