แม้เด็กจบใหม่และคนตกงานจะมองว่า กว่าจะ สมัครงานใหม่ ได้ช่างยากเสียเหลือเกิน
แต่ก็มี พนักงาน จำนวนไม่น้อย ที่ขอ ลาออกจากงาน ที่ทำอยู่
โดยช่วงที่เป็นช่วงพีคที่สุด ที่พนักงานยื่นใบลาออก จะมีอยู่ 2 ช่วงหลักได้แก่ เดือนมกราคม เนื่องจากเป็นช่วงที่หลังจากรับโบนัสกลางปี และช่วง มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงรับโบนัสไตรมาสแรกของบริษัท ธุรกิจข้ามชาติ
ซึ่งนอกจากเหตุผล บรรยากาศในการทำงาน ทั้งเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย การเดินทาง และอื่นๆ แล้ว ยังพบว่า เหตุผลที่พนักงานที่มีสกิลดีๆ ลาออกจากงานเพราะอะไร
1.ลูกจ้างต้องการการเติบโตด้านเงินเดือน และตำแหน่งงานที่เติบโตขึ้น
แรงงานรุ่นใหม่มองว่า การเปลี่ยนงานคือการอัพตัวเองเพื่อไปถึง ผู้บริหารระดับสูง อย่างรวดเร็วที่สุด เพราะพวกเขามีความเชื่อว่าผู้บริหารระดับสูงจะได้รับการเงินเดือน และโบนัส ในอัตราที่ก้าวกระโดดกว่าพนักงานในระดับที่ต่ำกว่า
อัตราเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น และโบนัสของแรงงานไทย โดยไม่มีการเลื่อนตำแหน่ง
| ตำแหน่งงาน | เปอร์เซ็นต์การปรับขึ้น | โบนัส |
| ผู้บริหารระดับสูง | 5% | 1 เดือน |
| ระดับผู้จัดการ / ผู้บริหารระดับกลาง | 2.59% | 0.69 เดือน |
| ระดับหัวหน้า / ผู้เชี่ยวชาญ | 3.28% | 0.82 เดือน |
| ระดับพนักงาน (ประสบการณ์ 1-4 ปี) | 3.29% | 0.99 เดือน |
| นักศึกษาจบใหม่ / ระดับเจ้าหน้าที่ | 1.69% | 1 เดือน |
* โดยเฉลี่ย
ที่มา : จ๊อปส์ ดีบี, 2561
2.ความต้องการเพิ่มทักษะในการทำงานให้กับตัวเอง
แรงงานมองว่าการที่มีทักษะการทำงานที่ดี จะเป็นที่ต้องการของนายจ้าง ทำให้พนักงานนิยมที่จะลาออกจากงานเพื่อไปเรียนรู้ทักษะการทำงานใหม่
โดยเฉพาะตำแหน่งวิศวกร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีการประกาศหางานของนายจ้างติดอันดับ 1 ใน 5 จากการสำรวจของ จ๊อปส์ดีบี มาจากเหตุผลหลักคือวิศวกรส่วนใหญ่ต้องการเรียนรู้ทักษะด้านวิศกรรมศาสตร์ต่อยอดองค์ความรู้ตัวเองให้เพิ่มขึ้น ทำให้วิศวกรเกิดการย้ายงานไปบริษัทใหม่ๆ เพื่อเกิดการเรียนรู้
โดย 5 ตำแหน่งที่นายจ้างมีความต้องการแรงงานสูงสุดคือ
1.พนักงานขาย พนักงานบริการลูกค้า เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ มีสัดส่วนประกาศหางาน 15% ของประกาศหางานทั้งหมด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีความต้องการสูง และพนักงานมีการย้ายงานและเปลี่ยนงานบ่อย
2.วิศวกร สัดส่วน 11% ของประกาศหางานทั้งหมด
3.พนักงานธุรการ และทรัพยากรบุคคล สัดส่วน 10% ของประกาศหางานทั้งหมด
4.เจ้าหน้าที่ไอที ส่วน 10% ของประกาศหางานทั้งหมด จากนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจของประเทศด้วยดิจิทัล จนเกิดการแย่งเจ้าหน้าที่ไอที ที่มีความสามารถในการปฏิบัติการ
5.พนักงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ 9% ของประกาศหางานทั้งหมด
ที่มา : จ๊อปส์ดีบี มกราคม-ธันวาคม 2560
การเติบโตของการประกาศหางานในตำแหน่งต่างๆ ของนายจ้าง เมื่อนำมาเปรียบเทียบระหว่างปี 2560 กับปี 2559 พบว่าพนักงานขาย พนักงานบริการลูกค้า เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ เป็นตำแหน่งที่มีการเติบโตอันดับ 1 เช่นกัน ด้วยการเติบโตที่มากถึง 278%
ตำแหน่งงานที่มีการเติบโตมากที่สุดที่นายจ้างต้องการ
พนักงานขาย พนักงานบริการลูกค้า เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ เติบโต 278%
พนักงานธุรการ และทรัพยากรบุคคล 234%
วิศวกร 211%
พนักงานตลาดและประชาสัมพันธ์ 163%
เจ้าหน้าที่ไอที 116%
ที่มา : จ๊อปส์ดีบี เปรียบเทียบ มกราคม-ธันวาคม 2559 และ มกราคม-ธันวาคม 2560
3.เกิดการจ้างงานที่สูงขึ้นของนายจ้าง เพราะพนักงาน ลาออกจากงาน และอื่น
จากการสำรวจของ จ๊อปส์ดีบีพบว่า 50% ของนายจ้าง คาดการณ์ว่าจะแนวโน้มการจ้างงานสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจ และจ้างแรงงานเพิ่มในตำแหน่งที่จำเป็น
โดย 5 ธุรกิจ ที่มีความต้องการแรงงานสูงสุดคือ
ธุรกิจการผลิตทั่วไป 8.2% เติบโต 45%
ธุรกิจไอที 8.2% เติบโต 10%
ธุรกิจเทรดดิ้ง ธุรกิจจัดจำหน่าย 5.9% เติบโต 30%
ธุรกิจขายส่ง ธุรกิจขายปลีก 5.6% เติบโต 72%
ธุรกิจบริการด้านการเงิน 5.2% เติบโต 9%
ที่มา : จ๊อปส์ดีบี มกราคม-ธันวาคม 2560 / เปรียบเทียบการเติบโต มกราคม-ธันวาคม 2559
ทั้งนี้ แม้พนักงานจะมีเหตุผลในการลาออก อย่างไร แต่ก็อย่าหลงลืมว่าในวันนี้ นายจ้าง ก็มีมุมมองในการจ้างงานที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่มองหาพนักงานที่มีประสบการณ์การทำงาน เป็นการรับเด็กจบใหม่ที่มีทักษะการทำงานที่หลากหลายเข้ามาทำงานมากขึ้น ด้วยเหตุผลคือเป็นแรงงานที่มีค่าจ้างต่ำ และสู้งานมากกว่าแรงงานที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว
ซึ่งถ้าแรงงานบางกลุ่มยังไม่ปรับตัว ให้มีทักษะการทำงานที่หลายหลาย การลาออกของคุณอาจจะเป็นการลาออกครั้งสุดท้ายที่ไม่สามารถกลับมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนได้อีกครั้ง
และสำหรับนายจ้าง การเทรนพนักงานให้มีความรู้ความสามารถสักคนต้องใช้เวลา และทรัพยากรในการเทรนพนักงานที่สูง และเมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีทักษะที่ดีในการทำงาน การรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนายจ้าง เพราะในยุคนี้เป็นยุคของ คนเก่งเปลี่ยนงาน เพราะพวกเขาจะไม่ทน
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline
