ททท. คาดการณ์การท่องเที่ยวใน จ. ภูเก็ต รวมทั้งปี 2561 ว่าจะดีขึ้น แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเราหันมามองภาพในธุรกิจโรงแรมของภูเก็ตนั้น จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยที่ทำให้ “ตลาดโรงแรมภูเก็ต” หลากหลายปัจจัยด้วยกัน

ตลาดโรงแรมภูเก็ต มีมากเกินความต้องการนักท่องเที่ยว

โดยปัจจัยแรกมาจากการที่ตลาดโรงแรมภูเก็ต เกิดการ Over Supply หรือมีโรงแรมเกินความต้องการของนักท่องเที่ยว โดย เลิศ  ถาวรว่องวงศ์  กรรมการบริหาร โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันถ้านับทุกโรงแรมในภูเก็ตรวมกันมีจำนวนเกิน 100,000 ห้อง ถ้านับห้องละ 2 คน ต้องมีจำนวน 200,000 คนต่อวัน จึงจะไม่เกิดการ Over Supply ต่อวัน

ขณะเดียวกันยังโดนกรรมเก่าจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่ม เลยทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนคงยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร รวมถึง รัสเซีย ยังโดน USA เล่นงาน ต้องรอดูว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจะเพิ่มหรือลดลงขึ้นอยู่กับทาง USA นอกจากนี้ ด้าน ยุโรป ยังคงมีเรื่องปัจจัยเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง

“นอกจากเรื่อง Over Supply ของโรงแรมในภูเก็ตที่เป็นเรื่องหลักตต่อตลาดท่องเที่ยวในภูเก็ตแล้ว ยังมีเรื่องค่าเงินของเงินบาทเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ซึ่งถ้าเงินบาทแข็งค่า ก็ส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวด้วย” เขา กล่าว

ทั้งหมดนั้นจะส่งผลให้ตลาดการท่องเที่ยวของภูเก็ตลดลงประมาณ 5% แต่ตลาดโรงแรมภูเก็ต อาจลดลงถึง 10-15%

พลิกจากโรงแรมร้าง สู่รายได้กว่า 500 ล้าน

ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ได้ส่งผลกระทบธุรกิจโรงแรมในทุก Segment ของตลาดไม่เว้นแม้ โรงแรมทำเล A+ หรือทำเลติดชายหาด ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

แต่ด้วย โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้เดินหน้าเข้าสู่ยุค Generation ที่ 4 โดยมี เลิศ  ถาวรว่องวงศ์  มานั่งเก้าอี้กรรมการบริหาร ก็ได้พลิกฟื้น ยุคย่ำแย่ของโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวมาพักเพียง 9% ต่อปี สู่ยุคที่มีรายได้กว่า 500 ล้านบาท

เลิศ  ถาวรว่องวงศ์  กรรมการบริหาร โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้เล่าว่า

“หากย้อนกลับไปในปี 2557  ทางโรงแรมยังไม่มีสภาพคล่องทางการเงินและลูกค้าที่มาพักค่อนข้างน้อยถือได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่งเป็นช่วงที่ตนศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา  จึงได้เริ่มเข้ามาช่วยวางกลยุทธ์ของโรงแรมใหม่ทั้งหมด พร้อมตั้งเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจและปรับปรุงโรงแรมให้ทันสมัยขึ้น”

ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปี  ตั้งแต่  ปี 2557 ถึง ปี 2561 ถือได้ว่าเป็นช่วงพลิกฟื้นเครือถาวรและสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีกำไรเป็น ครั้งแรกในรอบ 20 ปี  โดยมีรายได้รวมในปี 2561 อยู่ที่ 515 ล้านบาท ทั้งยังมีสภาพคล่องทางกลางเงินดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ 91% ต่อปี โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาพักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 90 % และคนไทย 10 %

ผ่ากลยุทธ์ จากติดลบสู่กำไร

ในปี 2557 โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ติดลบอยู่ที่ 66 ล้านบาท เป็นผลจากการขาดทุนในอดีตทบมาจนถึงปัจจุบัน เขาได้เล่าว่า “ในช่วงนั้นทุกอย่างแย่ไปหมดทั้งโรงแรมก็เก่า คนเข้าพักก็น้อย คนก็ไม่รู้จัก เพราะมีโรงแรมดังๆ มากมาย ผมจึงเริ่มปรับปรุงในทีละเล็กละน้อย และวิ่งหาเอเจนซี่ต่างๆ เพื่อต่อรองเจรจาเพราะโรงแรมของเรามีทำเลที่เรียกว่าทำเล A+ ในภูเก็ตอยู่แล้ว การเจรจาจึงได้ทำได้ง่าย เพียงแค่ลดราคาลง เราเคยลดไปถึง 1,700-1,800 บาท เพียงแค่ขอให้มีคนเข้าพัก”

และด้วยเหตุนี้เองทำให้โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เริ่มเป็นที่รู้จักของเอเจนซี่ท่องเที่ยวต่างๆ มากกว่า 100 เอเจนซี่ และส่งผลให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ปี 2559 เป็นปีแรกที่ โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท มีกำไรที่ 13 ล้านบาท

ทั้งยัง ยังได้ใช้ความยืดหยุ่นของราคาในการสู้กับตลาดด้วยการสร้างจุดเด่นของโรงแรมที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้คือเรืองของทำเล ร่วมกับความเป็นกันเองและอบอุ่นจากพนักงาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาสื่อของตัวเอง ทั้ง เฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม, ยูทูป และ ไลน์

นอกจากนี้ยังได้ใช้ช่องทาง Online อย่าง Agoda, Booking เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสู้กับตลาด โดยใช้ราคาโปรโมชั่น เพื่อเพิ่มยอดจอง จนทำให้ปัจจุบัน โรงแรมในเครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท มียอดจองเฉลี่ย 91% ทั้งปี และมีรายได้ในปี 2560 ที่ 515 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะสามารถปิดยอดรายได้ที่ 525 ล้านบาท



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online