“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” มองปัจจัยเสี่ยงตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 ตลาดแข่งหนัก ขึ้นดอกเบี้ย จนถึงเศรษฐกิจโลก แนะผู้ประกอบการหาลูกค้าที่อยู่อาศัยจริง รวมถึงลดยูนิตคงเหลือเปลี่ยนเป็นกระแสเงินลด ส่วนบริษัทเดินหน้าอสังหาฯ แนวราบ ปีนี้เปิดอีก 8-10 โครงการ วางเป้ายอดขาย 5,300 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 4,650 บาท โต 15%

ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ว่า ปีที่ผ่านมามาตลาดอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวจากปีก่อนหน้า คาดว่าทั้งปีขยายตัวได้ราว 4.0-4.3% เนื่องมาจากตัวเลขการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวได้ดีขึ้น ตลอดจนการลงทุนในโครงการสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านคมนาคม อย่างไรก็ตาม supply ก็ยังมีมากกว่า demand

ไชยยันต์กล่าวอีกว่า ปี 2562 ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังเติบโตได้ แต่โตในอัตราที่ชะลอลง แม้จะ ‘ปัจจัยบวก’ จากการเลือกตั้งและการลงทุนของภาครัฐ ทั้งนี้ก็มี ‘ปัจจัยเสี่ยง’ ที่เข้ามากระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และผลกระทบจากมาตรการควบคุม LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ไชยยันต์กล่าวอีกว่า ปี 2562 ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างหนัก เริ่มจากการลดยูนิตคงค้างและเปลี่ยนเป็นเงินสด เพราะหลังไตรมาส 1/62 มาตรการของรัฐจะทำให้ดีมานด์ชะลอตัว เน้นทำตลาดในกลุ่ม Real Demand และลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรกเพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐไม่มาก อีกทั้งผู้ประกอบการต้องมองหาตลาดที่ตัวเองสามารถแข่งขันได้ และสำคัญที่สุดคือต้องควบคุมหนี้

ขณะเดียวกัน ปี 2562 “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ก็มีแผนขยายโครงการแนวราบใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวรวมทั้งสิ้น 8-10 โครงการ คิดเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 80% ต่างจังหวัด 20% โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท เติบโต 15% ขณะที่ปี 2561 บริษัทมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท เปิดตัวโครงการไปทั้งสิ้น 7 โครงการ โดยมีลูกค้ากลุ่ม Real Demand ทั้งกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่และกลุ่มคนวัยทำงาน

ไชยยันต์กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางงบซื้อที่ดินประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดและจากการออกหุ้นกู้ เพื่อรองรับตลาดและการขยายตัวของเมือง

ส่วนด้านกลยุทธ์การตลาด ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2562 บริษัทวางงบประมาณด้านการตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4% มีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ใช้แนวคิดในการพัฒนารูปแบบครอบครัวเดี่ยว (Lalin Personalized Style) และครอบครัวขยาย (Lalin Universal Society) สร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่อายุ 25-40 ปี ลูกค้าเดิมเน้นต่อยอดให้ถึงระดับ Brand Royalty รวมถึงมีการใช้การตลาดแบบ CRM เน้นบริการหลังการขายให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer