รองเท้า O&B รายได้เท่าไร ? ถอดเคล็ดลับแบรนด์ไทยที่ก้าวไกลถึง Miss Universe
ภาพนางงามจักรวาลชาวฟิลิปปินส์ แคทริโอนา เกรย์ ม้วนตัวสโลว์ เทิร์น อย่างเก๋ๆ บนเวทีประกวด Miss Universe 2018 สร้างความโดดเด่นให้กับเธอได้อย่างลงตัว
สิ่งที่ทำให้เธอหมุนตัวได้อย่างสวยงามนั้น มาจากการฝึกฝน และรองเท้าที่ใส่ประกวด ที่ในปีนี้รองเท้าที่ใส่ในการประกวดถูกออกแบบให้ ใส่สบาย มีความลงตัวระหว่างความเพรียวของเรียวขาและแฟชั่น ที่ต่างจากเดิมที่เน้นรองเท้าส้นสูงปรี๊ด ที่ส่งให้นางงามดูสง่าเหมือนนางพญาในทุกการก้าวเดินแม้จะอยู่ในชุดว่ายน้ำ
ทำไมเราถึงพูดถึงรองเท้าที่ใช้ในการประกวด คุณอาจจะสงสัย
เพราะรองเท้าที่กองประกวด Miss Universe คัดเลือกออกแบบให้นางงามที่เข้าประกวดใส่ตลอดการประกวดครั้งล่าสุดที่ผ่านมา เป็นผลงานของ O&B แบรนด์รองเท้าออนไลน์ที่มีอายุเพียง 7 ปี มีต้นกำเนิดจากสาวไทยอายุเพียง 30 ต้นๆ ที่ชื่อว่าตาร์ รรินทร์ ทองมา
ถ้าคุณได้ตามอ่าน Marketeer เสมอมา อาจจะพอคุ้นตาว่า เราเคยเขียนถึง รรินทร์ ทองมา และกลยุทธ์ในการผลักดันแบรนด์ O&B จากธุรกิจ SME ที่มีเงินลงทุนเริ่มต้นธุรกิจเพียง 90,000 บาท กับพนักงานในบริษัทเพียง 2 คน สู่การเติบโตในธุรกิจขายรองเท้าออนไลน์ ที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทมากก่อนหน้านั้นแล้ว
มาในคราวนี้ เรามีโอกาสให้พูดคุยกับเธอ ถึงอนาคตของ O&B ในการเปลี่ยนตัวเองจากแบรนด์รองเท้าออนไลน์สู่แบรนด์แฟชั่น และการขยายตลาดจากธุรกิจออนไลน์ สู่ Omni Channel รวมถึงการบุกตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนด้านการเงิน ปลดล็อกข้อจำกัดของธุรกิจ SME
และแนวทางในการ Go Inter เพื่อพาบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกง
ลงทุน 100 ล้านบาท เติบโต 100%
7 ปีที่ผ่านมา O&B ถือเป็นแบรนด์รองเท้าออนไลน์ที่ผู้หญิงทำงานระดับ B+ รู้จักดีในฐานะแบรนด์รองเท้าแฟชั่นที่ใส่สบายสามารถใส่ได้ทุกวัน และมีหลายเฉดสีให้เลือก จนในแต่ละปี O&B มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเสมอมา
ในปีที่ผ่านมา O&B ปิดรายได้ที่ร้อยกว่าล้านบาท โดย 90% ของรายได้มาจากการขายรองเท้าแปดหมื่นกว่าคู่
ส่วนปีนี้ รรินทร์ต้องการเติบโต 100% ด้วยมูลค่ายอดขาย 400 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย
“ในปีนี้ O&B ต้องการบุกช่องทาง Omni Channel อย่างจริงจัง ด้วยการขยายไปยังธุรกิจรีเทลอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดหน้าร้านในห้างสรรพสินค้า 5 แห่งตามแนวรถไฟฟ้า งบลงทุน 50-60 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกเปิด 3 แห่ง ได้แก่ แฟล็กชิปสโตร์ในเอ็มโพเรียม, ช็อปอินช็อปในเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางรีเทลเป็นหลัก จากเดิมที่มีหน้าร้านเพียงแห่งเดียวที่ซอยอารีย์”
การที่ O&B มีแนวคิดสู่ธุรกิจรีเทลมาจากปีที่ผ่านมา O&B ได้ทดลองเปิดป๊อปอัพสโตร์ตามห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ อย่างเช่นเซ็นทรัลชิดลม เอ็มโพเรียม สยามพารากอน และผลปรากฏว่า รองเท้าของเธอได้รับการตอบรับอย่างดี และทำให้เธอได้ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่อาจจะไม่เคยรู้จักแบรนด์ของเธอ หรือซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มาก่อน ซึ่งเท่ากับว่าช่องทางนี้มีโอกาส
ปรับปรุงออนไลน์ขยายฐานลูกค้า
นอกเหนือจากช่องทางรีเทลแล้วรรินทร์ยังคงให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ด้วยการเปิดร้านในช็อปปี้ เพื่อสร้างการรับรู้และขยายตลาดไปได้ขยายการรับรู้แบรนด์ O&B ไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาลูกค้าหลักของ O&B มาจากกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ 30%
รวมถึงการปรับปรุงเว็บไซต์ O&B ด้วยงบปรับปรุง 30-40 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
เพราะลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้อสินค้า O&B ในปัจจุบัน มีสัดส่วน 70-80% ที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ และ 50% ของลูกค้ากลุ่มนี้นิยมสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์เป็นหลัก รองลงมาได้แก่ Facebook Messenger, Line และ IG
ซึ่งรรินทร์ได้บอกกับเราว่าพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก
และลูกค้ากลุ่มนี้มีพฤติกรรมในการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์มากขึ้น จากเดิมที่นิยมสั่งผ่านช่องทางต่างๆ ในโซเชียลมีเดียเป็นหลัก
และการปรับปรุงเว็บไซต์ยังรองรับการเติบโตของตลาดต่างประเทศ ที่เธอต้องการเข้าไปเปิดตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อย่างจริงจังในปีนี้
“ที่ผ่านมา O&B มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างประเทศประมาณ 5% จากลูกค้าหลักได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปร์ ที่เห็น O&B จากโลกออนไลน์และเข้ามาสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่แบรนด์มีอยู่ในปัจจุบัน”
ส่วนในปีนี้ รองเท้า O&B มีแนวทางในการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเน้นไปยังช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เช่น การนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในอีมาร์เก็ตเพลสที่ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดใหม่ที่ต่อยอดมาจากการที่รู้จักแบรนด์ O&B มาจากการประกวดนางงามครั้งล่าสุด”
เปิดรับนักลงทุนมุ่งสู่ Global Brand และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
นอกจากกลยุทธ์ที่กล่าวมาแล้ว ปีนี้ รรินทร์ยังมีแนวคิดที่จะเปิดรับนักลงทุนต่างชาติเพื่อมาติดปีกให้กับธุรกิจเธอจากแบรนด์ SME สู่ Global Brand
“เป็นคนที่ชอบคิดใหญ่ไว้ก่อน ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา O&B เติบโตจากขยายสเกลธุรกิจแบบ SME ที่ขยายสเกลธุรกิจแบบ SME ที่ศักยภาพในการเติบโต มีแวร์เฮาส์ ทีมดีไซเนอร์ และระบบการจัดการธุรกิจเป็นของตัวเอง และในปีนี้ O&B ต้องการที่พาตัวเองสู่ Global Brand ที่จำเป็นต้องอาศัยนักลงทุนระดับ Global Brand ที่มี Know How และ Distribution ที่ช่วยส่งเสริมให้แบรนด์เติบโตในระดับโลกได้”
“ผลพลอยได้จากการร่วมงาน Miss Universe ได้สร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ ไม่ใช่เฉพาะในแง่ของลูกค้า แต่ยังรวมถึงนักลงทุนที่มีการติดต่อเข้ามา โดย O&B ต้องการเพิ่มทุนในธุรกิจ 2,000 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดไปสู่ระดับโลก เพราะการเข้าสู่ระดับโลกได้จำเป็นต้องมีเงินทุนในการสต๊อกสินค้าที่มากพอ ก่อนที่จะพาตัวเองเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงภายใน 5 ปี
รองเท้า O&B
เปิดแบรนด์ใหม่ไฮเอนด์ในยุโรป
นอกจากแบรนด์ O&B แล้ว รรินทร์ยังมีแผนที่จะทำตลาดแบรนด์รองเท้าลักชัวรี ในชื่อแบรนด์ คริสติน่า เกรย์ ในราคาคู่ละ 200 USD ทำตลาดในอิตาลี และฝรั่งเศสในปีหน้า
ซึ่งแบรนด์ คริสติน่า เกรย์ นี้ เธอได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ต่างชาติ และจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทที่ยุโรป เพื่อให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์คงความเป็นแบรนด์ลักชัวรีและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก
แผนธุรกิจของเธอหลายคนมองว่าเป็นการคิดใหญ่เกินตัว แต่เธอบอกว่าเธอเป็นคนคิดใหญ่ แล้วคุณล่ะ คิดว่าเธอจะทำตามฝันนี้ได้หรือไม่ แต่เราคิดว่าไม่น่าไกลเกินเอื้อม
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
