ทุกวิกฤตมีโอกาสซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ
เช่นเดียวกับ CIDI Chanapatana หรือ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ซึ่งเป็นสถาบันออกแบบไซส์เล็กที่มีความจุนักเรียนสูงสุดเพียงแค่ 200 ที่นั่งต่อปีเท่านั้น
แต่กลับเป็นความเล็กที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ เพราะนี่คือสถาบันออกแบบ ‘แห่งเดียวในไทย’ ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 257 สถาบันจาก 54 ประเทศ ของสมาคมระดับโลกอย่าง Cumulus Association
และโอกาสที่ซ่อนอยู่ในวิกฤตที่ว่า ก็คือจุดเริ่มต้นของสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ซึ่งมาจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 40’
เมื่อเห็นเศรษฐกิจตกต่ำ คนจำนวนไม่น้อยตกงาน หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินฺธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล จึงอยากจะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ด้วยวิธีการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของไทย ซึ่งการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าจำเป็นต้องใช้ ‘การออกแบบ’ เข้ามาเป็นตัวช่วย

นี่เองถือเป็นจุดกำเนิดของสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ซึ่งตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2543 กับห้องเรียนแห่งแรกซึ่งตั้งอยู่ที่ใต้เจดีย์วัดของวัดธรรมมงคล ที่อิมพอร์ตหลักสูตรและผู้สอนมาจากประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบอย่างอิตาลีตั้งแต่ในตอนนั้น เพื่อให้การเรียนการสอนทัดเทียมกับระดับสากล
จากนั้นก็ค่อยๆ เติบโตด้วยการ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเรื่อยมา ค่าเทอมทั้งหลายถูกนำไปใช้เป็นรายจ่ายจำเป็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการทุ่มเงินกว่า 10 ล้านเพื่อเฟ้นหาบุคลากรระดับโลกมาให้ความรู้กับผู้เรียน
กระทั่งขยับขยายพื้นที่การเรียนการสอนมาเป็นตึกเรียนที่ทันสมัยมากกว่าเดิม เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่มีมากขึ้น แต่ยังคงถูกสร้างอยู่บนที่ดินของวัดธรรมมงคล และยังคงเป็นแหล่งบ่มเพาะนักออกแบบหน้าใหม่ให้กลายเป็นดีไซเนอร์มือเก๋าในวงการมานานกว่า 19 ปี

เป็นองค์กรเล็กๆ แต่อยู่มานานและได้รับการยอมรับในระดับโลกขนาดนี้ หัวใจสำคัญที่พวกเขาใช้ออกแบบสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ให้แข็งแรง และแข็งแกร่งจนดึงดูดให้ทั้งคนไทยและต่างชาติอยากจะสมัครเข้ามาเรียนมากขนาดนี้คืออะไร
คงไม่มีใครตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีไปกว่า Takeshi K.N. -อาจารย์สาขาออกแบบแฟชั่น และ Seth Adams -อาจารย์สาขาออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์
ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้สอน ทั้งสองท่านยังเป็นผู้บริหารของสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ด้วยเช่นกัน

(Takeshi K.N.)

(Seth Adams)
เมื่อไทยไม่ใช่ Centre Of Fashion แต่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ก็ดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาเรียนได้
เพราะไม่ใช่แค่คนไทย แต่ที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ยังมีนักเรียนที่เป็นต่างชาติเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน นักเรียนที่อยู่ในเขต South East Asia ด้วยกัน นักเรียนชาวญี่ปุ่น หรือกับนักเรียนที่มาจากประเทศซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของแฟชั่นอย่างฝรั่งเศส
เมื่อรู้แบบนี้เราจึงตั้งคำถามกลับไปยังทั้งสองท่าน ว่าแล้วอะไรที่ทำให้สถาบันเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่ไม่ได้มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบ สามารถดึงดูดให้นักเรียนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาในทุกปี
ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ นอกจากการเป็นสถาบันออกแบบเดียวของไทยที่ได้เป็นหนึ่งใน Cumulus Association อย่างที่ได้เล่าไปข้างต้น
ที่นี่ยังอิมพอร์ตคนที่ทำงานและมีประสบการณ์ระดับเก๋าในวงการออกแบบระดับโลกมาเป็นอาจารย์ผู้สอน นั่นทำให้องค์ความรู้ที่อยู่ในคลาสมีความเป็นสากล ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในประเทศเหมือนอย่างสถานที่ตั้ง
และหลักสูตรที่สอนก็ไม่ได้ยึดติดกับความรู้ในตำราหรือทฤษฎีการออกแบบเท่านั้น เพราะในเมื่อเรื่องการออกแบบคือจินตนาการและความคิดเฉพาะบุคคล ที่นี่จึงเน้นสอนด้วยการดึงศักยภาพที่มีในตัวนักเรียนแต่ละคนออกมาให้ได้มากที่สุด


สถาบันที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย
สิ่งที่ผู้เรียนจะได้กลับไปจากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ไม่ใช่แค่เทคนิคในการออกแบบ หรือการดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่านั้น
เพราะยังรวมไปถึงความหลากหลาย ทั้งในแง่ขององค์ความรู้ และผู้ร่วมคลาสที่มากไปด้วยอาชีพและหลายวัย
อาจารย์ Takeshi เล่าให้เราฟังว่าในคลาสแฟชั่นไม่ได้มีเพียงแค่คนที่เรียนจบมาทางด้านศิลปะเท่านั้น เพราะคนที่จบมาทางด้านวิศวะ บัญชี หรือกระทั่งเศรษฐศาสตร์ก็ยังมาเป็นนักเรียนของเขาด้วยเช่นกัน
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ คงจะต้องขอยกตัวอย่างผู้หญิงสองคนที่เราเคยไปสัมภาษณ์มาให้ทุกคนได้ดูกัน
คนแรก เธอคือข้าราชการที่ผันตัวมาเป็นดีไซเนอร์ เข้ามาเรียนกับที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ตอนอายุ 43 และพาแบรนด์ไทยไปโกอินเตอร์ตอนอายุ 59 (อ่านเรื่องราวของเธอเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้)

ส่วนคนที่สองเธอคือแอร์โฮสเตสที่ไม่มีทักษะพื้นฐานของดีไซเนอร์แม้แต่น้อย มีเพียงความพยายามและความตั้งใจจนทำให้เธอได้มีพื้นที่ในเวทีประกวดดีไซเนอร์แถวหน้าที่ญี่ปุ่นอย่าง TOKYO NEW DESIGNER FASHION GRAND PRIX 2019 (อ่านเรื่องราวของเธอเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้)

ซึ่งอาจารย์ Takeshi ก็บอกว่าความหลากหลายนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเรียนการสอน กลับกันมันยังเป็นความแตกต่างที่ทำให้นักเรียนได้ช่วยส่งเสริมกันและกัน
ทั้งในเรื่องของแรงบันดาลใจ ที่เมื่อได้เจออะไรต่างจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ที่เคยอยู่ก็จะทำให้เกิดไอเดียใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงาน และเรื่องของคอนเนกชั่นที่แต่ละคนสามารถเกื้อหนุนซึ่งกันและกันได้


ไม่มีพื้นฐานไม่เป็นไร ขอแค่มีความตั้งใจจริงก็เพียงพอ
อาจารย์ Seth Adams ได้เล่าให้ฟังว่าหลายคนที่เข้ามาเรียน และอีกหลายคนที่สนใจแต่ยังไม่สมัครเข้ามาเรียน มักมีเครื่องกั้นขึ้นมาในใจ
กับความกังวลที่ว่าหากไม่มีพื้นฐานการวาดรูปจะสามารถเรียนที่นี่ได้ไหม แล้วจะตามเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ในคลาสทันหรือเปล่า
ทั้งที่จริงแล้วที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์เปิดกว้างสำหรับทุกคน ทุกอาชีพ ทุกวัย แม้จะวาดรูปไม่เป็นแต่หากมีความตั้งใจยังไงก็สามารถเรียนที่นี่ได้แน่นอน
เพราะก็มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่จบไปแล้วประสบความสำเร็จ แม้ไม่เคยมีพื้นฐานทางด้านศิลปะมาก่อน
ซึ่งนอกจากจะสอนตั้งแต่วาดเส้นตรง-สอนหลักการต่างๆ ที่ใช้ในการออกแบบ-หลักการตลาด-การสร้างแบรนด์เพื่อทำให้ศิลปะเหล่านั้นสามารถปรับใช้จริงได้ในเชิงของ commercial
หลักสูตรของที่นี่ยังครอบคลุมไปถึงการสอนให้นักเรียนได้รู้จักกับศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเอง และวิธีการนำศักยภาพนั้นมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดอีกด้วย


จาก assignment ในคลาส ที่นำไปสู่การประกวดในเวทีระดับโลก
นอกจากความรู้ และคอนเนกชั่นที่หลากหลาย อีกสิ่งสำคัญที่ผู้เรียนจะได้จากสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ไป คือการผลักดันให้ผลงานของนักเรียนได้ก้าวไปสู่เวทีระดับโลก
เพราะ assignment ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคลาสไม่ได้เป็นเพียงแค่การบ้านทบทวนความรู้หรือเอาไว้ฝึกมือเท่านั้น แต่อาจารย์ผู้สอนก็จะคอยหาลู่ทางให้กับผลงานของนักเรียนได้มีพื้นที่บนเวทีการประกวดแถวหน้าระดับโลก และนั่นก็นำไปสู่โอกาสในการเติบโตอีกมากมาย
เหมือนอย่างผลงาน Horizon Descending ของคุณออย-ดวงกมล มณีกุล แอร์โฮสเตสที่ไม่มีทักษะพื้นฐานของดีไซเนอร์แม้แต่น้อยที่เราได้พูดถึงไปในข้างต้นนั้นก็เป็น assignment ที่เกิดขึ้นในคลาส
แต่อาจารย์ Takeshi ก็ช่วยผลักดัน จนทำให้นี่เป็นผลงานที่ติด 1 ใน 25 ของเวทีการประกวดแถวหน้าอย่าง TOKYO NEW DESIGNER FASHION GRAND PRIX 2019 จากผู้ส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 5,000 ผลงาน

19 ปีกับจุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
แม้สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสถาบันสอนออกแบบที่มีชื่อเสียงจนหลายคนใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาเรียน
แต่จุดยืนของสถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปตามเวลาและกระแสความนิยม นั่นคือยังคงยึดความเป็น Social Enterprise ที่มุ่งหวังผลักดันศักยภาพด้านการออกแบบที่มีอยู่ในตัวคนไทยให้ทัดเทียมและก้าวไปไกลในระดับสากล
ด้วยความเชื่อที่ว่าคนเหล่านี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนคนในสังคมต่อไปอีกทอดหนึ่ง
เหมือนอย่างความหมายของสถาบัน ที่คำว่าชนาหมายถึงคน ส่วนคำว่าพัฒน์หมายถึงการพัฒนา
เมื่อรวมกันจึงกลายเป็นความหมายที่ว่า ‘สถาบันที่เอาไว้พัฒนาคน’ นั่นเอง


– Diploma of Interior & Product Design
– Diploma of Fashion Design
หรือ โทร 02-741-3707-8
หรือ พบกันที่งาน CIDI Chanapatana Open House 2019 แล้วมาฟังประสบการณ์ตรงจากศิษย์
–
