สถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ในสิงคโปร์ยังน่าเป็นห่วงจนรัฐบาลต้องขยายเวลาบังคับใช้มาตรการเข้มงวด โดยวันนี้นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง แถลงผ่านทางโทรทัศน์ ต่อเวลามาตรการตัดวงจรการระบาด (circuit breaker) ที่จะหมดลงใน 4 พฤษภาคมนี้ ออกไปจนถึง 1 มิถุนายน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 9,125 คน
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ยังขอบคุณแรงงานต่างชาติที่ให้ความร่วมมือในการกักตัว เพราะเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศ โดยทางรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะดูแลเป็นอย่างดี ได้รับเงินเดือนตามปกติและสามารถติดต่อกลับไปยังครอบครัวที่บ้านเกิดได้
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง
จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดทำให้สิงคโปร์ แซงอินโดนีเซียขึ้นเป็นประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อมากสุดใน ASEAN โดยมีฟิลิปปินส์และมาเลเซียตามมาในอันดับ 3 และ 4 ทั้งที่ก่อนหน้านี้สิงคโปร์ตื่นตัวต่อข่าวการระบาดก่อนประเทศเพื่อนบ้านและยับยั้งการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพจนองค์การอนามัยโลก (WHO) ชื่นชม

ทว่าตั้งแต่เข้าสู่เมษายนสถานการณ์ระบาดของสิงคโปร์ กลับมาเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจตั้งแต่ไล่จากหลักสิบ หลักร้อย จนถึงพันคนต่อวัน หลังผู้ติดเชื้อจำนวนมากในหอพักแรงงานต่างชาติซึ่งเป็นพื้นที่ปิดและอยู่กันอย่างหนาแน่น
รัฐบาลสิงคโปร์ได้คลี่คลายสถานการณ์ด้วยการเร่งแยกผู้ติดเชื้อจากหอพักแต่ละแห่ง ไปอยู่ยังหอพักเกือบ 10 แห่งที่เปลี่ยนเป็นศูนย์กักตัวชั่วคราว ปรับปรุงเรื่องสุขอนามัยในหอพักที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพื่อป้องกันการระบาด
หอพักแรงงานต่างชาติในสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม การสกัดการระบาดในหอพักแรงงานต่างชาติไม่ใช่งานง่าย เพราะสิงคโปร์มีหอพักแรงงานต่างชาติอยู่มากถึง 43 แห่ง และแรงงานต่างชาติก็มีอยู่กว่า 200,000 คน
ส่วนมาตรการ circuit breaker ของรัฐบาลสิงคโปร์ ประกอบด้วยการให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน ให้นักเรียนเรียนจากที่บ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม ออกกฎให้ใส่ Mask ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และลดการบริการระบบขนส่งมวลชน พร้อมปรับเงินผู้ที่ฝ่าฝืน

ขณะเดียวกันก็เยียวยาคนวัยทำงานทั่วประเทศที่ถูกเลิกจ้างหรือได้รับผลกระทบจากการระบาด ผ่านงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 41,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.3 ล้านบาท)/straitstimes, cnbc, channelnewsasia
–
