Grab เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ให้บริการเรียกรถ ต่อยอดมาเป็นแอปส่งอาหาร ส่งพัสดุ และค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจการเงินด้วยการเปิดตัว Grabpay Wallet ภายใต้การดูแลของแกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย เมื่อ ก.ค. ปีที่ผ่านมา
สิ่งที่ Grab มีที่ได้เปรียบกว่าธนาคารคือ “ข้อมูล” ที่มาจากแพลตฟอร์มตัวเอง รู้พฤติกรรมเชิงลึกของลูกค้าในทุก ๆ วัน บวกกับการมีกระเป๋าเงินเป็นของตัวเองที่สามารถต่อยอดไปยังผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ได้อย่างสินเชื่อ และประกัน
เราจึงเห็น แกร็บ ไฟแนนเชียลฯ เปิดบริการสินเชื่อ และประกันในเวลาต่อมา ซึ่งใช้ช่องว่างที่ยังมีบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคาร
เพราะสินเชื่อของแกร็บมีจุดเด่นคือไม่ต้องมีเอกสาร หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยลูกค้า-ผู้ยื่นขอสินเชื่อคือ ‘พาร์ตเนอร์’ ของแกร็บทั้งผู้ขับขี่ และร้านอาหาร
กับเป้าหมายเมื่อต้นปี แกร็บ ไฟแนนเชียลฯ ที่ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อภายในสิ้นปี’63 ที่ 3,000 ล้านบาท บนฐานลูกค้ากว่า 100,000 ราย
มาวันนี้ภาพรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่โควิด-19 ที่มากระทบทุกภาคส่วนนั้น ทำให้แต่ละองค์กร แต่ละบริษัทที่เคยเตรียมแผนงานไว้ก็ต้องมานั่งรื้อปรับใหม่หมด ข้อมูลที่เคยใช้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป
สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ เทรนด์ของการบริการทางการเงินในวิถีใหม่ๆ โดยการเร่งตัวของเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้มากขึ้น

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า จากวิกฤตโควิด-19 นี้การวางแผนกันทำงานต้องรีวิวกันเดือนต่อเดือน ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าที่นำมาใช้ก็ต้องปรับใหม่หมด เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป
สิ่งที่เห็นคือเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นด้วยกัน 3 เทรนด์
1. การเติบโตของสังคมไร้เงินสด
โดยมีปัจจัยด้านสุขภาพมาเป็นตัวเร่งทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด สะท้อนได้จากการใช้งาน Grabpay Wallet ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.-มิ.ย.) เพิ่มขึ้นถึง 100% ส่งผลให้มีผู้ใช้งานใน ecosystem มากกว่าครึ่ง รวมทั้ง GrabPackages เองได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 3 เท่า
2. การปรับแผนธุรกิจช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย
วรฉัตรระบุว่า การหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทุกธุรกิจจึงต้องปรับแผนอย่างรวดเร็ว และช่วยเหลือกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม Underserved ที่เข้าไม่ถึงธุรกรรมทางการเงิน
สิ่งที่แกร็บทำคือ การพักชำระหนี้ให้กับพาร์ตเนอร์คนขับที่ได้รับผลกระทบกว่า 20,000 ราย กว่า 300 ล้านบาท,ให้ประกันรายได้กับคนขับวันละ 500 บาท
คำถามที่ตามมาในการพักชำระหนี้คือ การเกิดหนี้เสีย หรือ NPL ที่เรียกได้ว่าเป็นมรสุมลูกใหม่ของธุรกิจการเงินหลังจากนี้
วรฉัตรมองว่า ตอนนี้เรายังไม่เห็นภาพ ยังไม่เกิด NPL แต่จะไปรู้อีกทีตอนช่วง ต.ค. ซึ่งแกร็บ ไฟแนนเชียลฯ เองก็มีการตั้งเงินสำรองไว้ 100%
หลังจากที่คลายล็อกดาวน์ ดีมานด์เริ่มกลับมานั้นคนขับราว 60-70% กลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ
และเหลืออีก 30% ที่ยังคงพักหนี้ และหากจะเกิดหนี้ NPL ก็คงจะเกิดกับกลุ่มนี้ที่รายได้ยังกระทบหนักซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Grabcar GrabTaxi ที่ลูกค้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ดีมานด์ยังไม่กลับมา
3. การใช้ข้อมูลเชิงลึกสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
ในส่วนของแกร็บเองที่ได้เปรียบในเรื่องของข้อมูล และมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ในช่วงโควิด-19 แกร็บ ไฟแนนเชียลฯ ได้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทั้งผู้บริโภคใช้งานมากขึ้น ร้านค้าสมัครเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์มากขึ้น รวมถึงคนขับหน้าใหม่ที่เลือกมาหารายได้เสริมในช่วงที่รายได้หลักลดลง
หลังจากนี้แกร็บ ไฟแนนเชียลฯ จะใช้ดาต้าที่มีออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกลุ่มมากขึ้น และปรับรูปแบบสินเชื่อให้เป็นแบบรายวันมากขึ้น
เมื่อมองเห็นเทรนด์เหล่านี้แล้ว ครึ่งปีหลังแกร็บ ไฟแนนเชียลฯ จะเดินไปทิศทางไหน วรฉัตรระบุว่า ครึ่งปีหลังนับจากนี้ไปแกร็บ ไฟแนนเชียลฯ จะใช้ด้วยกัน 4 กลยุทธ์คือ
1. บริหารจัดการต้นทุนด้านการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
โดย GrabPay ถือเป็นพื้นฐานของธุรกรรมบนแพลตฟอร์มแกร็บทั้งหมด ตั้งแต่การจ่ายเงินของผู้ใช้ ระบบการจ่ายเงินให้พาร์ตเนอร์ร้านค้า และคนขับ การผ่อนชำระสินเชื่อ และการชำระเบี้ยประกันในอนาคต
2. เร่งการเติบโตของการชำระเงินแบบไร้เงินสดในต่างจังหวัด
เพราะในต่างจังหวัดมีการใช้บัตรเครดิตค่อนข้างน้อย และยังเข้าใจผิดว่าบัตรเดบิตคือบัตรเอทีเอ็มอย่างเดียว รวมทั้งกังวลว่าจะสมัครใช้งานยาก
สิ่งที่แกร็บ ไฟแนนเชียลฯ จะทำต่อไปคือการโปรโมตแคมเปญแบบรายจังหวัดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุดเพื่อเร่งการเติบโตผ่านวอลเล็ตเป็นหลัก
ในสังคมไร้เงินสดของ Grab ลูกค้าใช้แบบไหนมากกว่ากัน
Wallet 35%
Debit และ Credit Card 65%
และยังเตรียมเปิดให้ลูกค้าธนาคารอื่น ๆ สามารถใช้งาน GrabPay Wallet ได้ด้วย นอกเหนือจากปัจจุบันซึ่งใช้ได้เฉพาะลูกค้าธนาคารกสิกรไทย
ตั้งเป้าสัดส่วนธุรกรรมแบบไร้เงินสด 80% จากปัจจุบันมีมากกว่า 50%
3. ขยายบริการสินเชื่อให้ครอบคลุมหลายกลุ่ม
ครึ่งปีหลังเตรียมให้สินเชื่อแก่พาร์ตเนอร์ร้านค้าแกร็บฟู้ด โดยเน้นร้านค้าขนาดกลางมาจนถึงขนาดเล็กเช่นร้านห้องแถว ร้านรถเข็น
โดยจะใช้รูปแบบใกล้เคียงกับสินเชื่อสำหรับคนขับ คือ ผ่อนชำระรายวัน ชำระได้ผ่านแอป โดยใช้ดาต้าเชิงลึกที่มี
4. เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันที่เกี่ยวข้องกับบริการของแกร็บ เราเตรียมเปิดตัวประกันที่พาร์ตเนอร์และผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้
พันธมิตรด้านประกันในปัจจุบันของแกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในระดับภูมิภาคคือ จงอัน และชับบ์ และพันธมิตรในประเทศไทยคือ เมืองไทยประกันชีวิต และซันเดย์
โดยเตรียมเปิดตัวประกันภัยตัวใหม่ในไตรมาส 3
ทั้งนี้ในช่วงโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้แกร็บ ไฟแนนเชียลฯ ปล่อยสินเชื่อน้อยลง ส่งผลให้ภาพรวมในปีนี้ยอดปล่อยสินเชื่อลดลงราว 20%

พาร์ตเนอร์แกร็บ 71% เลือกรับงานแบบ Part-time คือมีระยะเวลาในการให้บริการน้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน
29% ของพาร์ตเนอร์รับงาน Full time เป็นช่องทางในการหารายได้หลักโดยรับงาน 8 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป
–
