เป็นบริษัทในกลุ่ม Disruptive Technology ที่มีข่าวดีอย่างต่อเนื่อง สำหรับ Netflix ยืนยันได้จากไตรมาสแรกปีนี้ จำนวนผู้ชมแบบสมัครสมาชิก (Subscriber) รายใหม่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 10 ล้านคน

โดยในจำนวนนี้เป็นคอหนัง คอ Series ในประเทศต่างๆ นอกสหรัฐ มากถึง 7.4 ล้านคน ตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์ Video Streaming เบอร์หนึ่งด้วยตัวเลข Subscriber ทั้งหมด 125 ล้านคน

พร้อมดันมูลค่าตลาด (Market Cap) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 146,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 4.5 ล้านล้านบาท) ขยับเข้าใกล้ 2 บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Walt Disney และ Comcast ซึ่งต่างมี Market Cap อยู่ที่ราว 154,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 4.7 ล้านล้านบาท) ไปอีกขั้น

ทว่าในความสำเร็จนี้องค์กรภายใต้การบริหารของ Reed Hastings ยังมีความท้าทายรออยู่อีกมาก ทั้งจากบริษัทคู่แข่งในกิจการเดียวกันและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งบริษัทภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งสถาบันประกาศรางวัลใหญ่ๆ จึงไม่ต่างจากการเผชิญศึกใหญ่ และศึกย่อยในเวลาเดียวกัน

สมรภูมิ Video Streaming ที่ยังชนะขาด แต่ก็ประมาทไม่ได้

ในตลาด Video Streaming นั้น Netflix ทิ้งห่างคู่แข่งทุกรายแบบไม่เห็นฝุ่น นับเฉพาะ Subscriber ทั่วโลกก็มีถึง 125 ล้านคน ต่างจาก Amazon Video และ Hulu คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งมีผู้ใช้เพียง 40 และ 17 ล้านคนเท่านั้น

เหตุผลสำคัญมาจากการที่ฝ่ายแรกสุดมีเนื้อหารายการ (Content) มากมาย โดยปีนี้ประกาศทุ่มงบกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 248,000 ล้านบาท) เพื่อสร้าง Original Content ขึ้นมาเอง

พร้อมดึงมือดีจากวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์หลายคนเช่น Ryan Murphy – Producer ผู้อยู่เบื้องหลัง Series ยอดฮิตอย่าง Glee และ American Horror Story สอง Series มาร่วมงานด้วย

รายได้ Netflix

พร้อมกันนี้ค่าย Video Streaming อายุ 21 ปี ยังมี AI คาดการณ์รสนิยมการรับชม Content ผู้ใช้ที่แม่นยำ ระบบเชื่อมประสานผู้ใช้ (User Interface) ที่ใช้งานง่ายกว่าคู่แข่ง ท่ามกลางค่าสมาชิกเริ่มต้นที่ใกล้เคียงกันคือ ระหว่าง 7 – 9 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 217 – 279 บาท) ต่อเดือน

อย่างไรก็ตามคู่แข่งทั้งสองก็ไม่นิ่งเฉย โดย Amazon Video เรียกเสียงฮือฮาด้วยการทุ่มกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 31,000 ล้านบาท) สร้าง Lord of The Rings ในรูปแบบ Series ส่วน Hulu เล็งเพิ่มแต้มต่อจากรายการสดต่างๆ ทั้งข่าว กีฬาและ Game Show ต่างๆ ให้มากขึ้น จึงต้องจับตาดูว่าอนาคตเจ้าของส่วนแบ่งตลาดสูงสุดจะแก้เกมและรับมืออย่างไร

แนวรบกับวงการภาพยนตร์เริ่มดุเดือด

ในเมื่อ Original Content ส่วนหนึ่งมีภาพยนตร์ด้วย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ Netflix ต้องเกี่ยวข้องกับวงการเซลลูลอยด์ ทั้งเพื่อพึ่งพาและแข่งขัน ซึ่งประเด็นหลังทำให้เกิดความขัดแย้งและการถกเถียงไม่หยุดย่อน เหมือนศึกอีกด้านที่ต้องเผชิญ

ขณะที่ผู้กำกับบางคนอย่าง David Ayer และ Duncan Jones รวมถึง Martin Scorsese เลือกมาร่วมงานกับค่าย Streaming ดัง แต่ผู้กำกับดังอีกหลายคนเช่น Steven Spielberg และ Christopher Nolan ต่อต้านอย่างชัดเจน

ความขัดแย้งระหว่าง Netflix กับวงการภาพยนตร์ยังลามไปถึงงานประกาศรางวัลด้วย โดยแม้ Oscar จะให้สิทธ์ส่งภาพยนตร์เข้าชิงรางวัล และเริ่มคว้ารางวัลมาได้แล้ว เช่น White Helmet และ Icarus เจ้าของรางวัลภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยมปี 2017 และรางวัลภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยมปี 2018 ตามลำดับ

แต่ปีนี้ Cannes Film Festival เทศกาลภาพยนตร์ชื่อดังของฝรั่งเศส ได้ตัดสิทธ์ไม่ให้ Netflix ส่งหนังเข้าฉายและเข้าประกวด เพราะตามกฏหมายฝรั่งเศสหนังจะเผยแพร่แบบ Streaming ได้ หลังฉายตามโรงในประเทศ 3 ปีไปแล้ว

ส่วนกับอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ ความคิดเห็นก็แบ่งเป็นสองฝ่ายเช่นกัน ฝ่ายที่ต่อต้านได้ปรับปรุงโรงภาพยนตร์ให้ดีขึ้น

เช่น เสริมเก้าอี้ที่นั่งให้สบายขึ้น ยกระดับระบบภาพและเสียงในโรงให้ เพราะมั่นใจว่าการชมดูหนังเป็นการเข้าสังคมและได้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงนอกบ้าน โดยเชื่อว่าหากทำได้ดีจำนวนผู้ชมน่าจะเพิ่มขึ้น

ด้านฝ่ายที่ประนีนอมได้ลองนำภาพยนตร์จาก Netflix และ Video Streaming ค่ายอื่นเข้ามาฉายบ้าง เพราะเห็นว่าเป็นแหล่งผลิต Content ใหญ่แหล่งใหม่ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน และเชื่อว่าคงมีคอหนังบางส่วนที่อยากชม  Original Content ฟอร์มใหญ่จาก Platform จอเล็กบนจอใหญ่

ศึกร่วมที่ทุกค่ายต้องเผชิญร่วมกัน

ผลจากความนิยมของ Streaming Video ทำให้ Digiday – Website รายงานความเคลื่อนไหวสื่อออนไลน์คาดว่า แม้ด้านหนึ่งจะช่วยดันรายได้ทุกค่ายในธุรกิจนี้ทั่วโลกขยับสู่ 83,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 2.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2022 เพิ่มจาก 46,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) ในปี 2017 ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ของเครือข่ายโทรทัศน์ที่ต้องจ่ายค่าสมาชิกก่อนรับชม (Pay TV) ตามกรอบเวลาเดียวกัน

ทว่าในอนาคตทั้ง Netflix , Amazon Video หรือ Hulu ต่างต้องพยายาม ดึงดูด Subscriber รายใหม่ที่มี Brand Loyalty ,พยายามสร้าง Content ใหม่ๆ เพื่อสอดคล้องกับรสนิยมของของคนแต่ละประเทศ

และรูปแบบการสร้างรายได้ที่ผู้บริโภครับได้ (เช่น โฆษณาต้องไม่มากเกินไป) เพื่อให้มีชัยชนะในศึกช่วงชิงความสนใจของผู้ชมที่ชอบดูต่อเนื่อง (Binge Watch) จน Series จบ Season / forbes ,digiday ,fortune ,cnn ,cnbc ,digitaltrend

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online