DNA Test ทำความรู้จักกับการดูแลสุขภาพแนวใหม่ที่ลึกระดับ DNA
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 มีข่าวใหญ่ช็อกโลก เมื่อ ‘แองเจลิน่า โจลี่’ นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดเต้านมทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็ง ทั้งที่ไม่มีวี่แววและไร้อาการทางร่างกายมาก่อนแต่อย่างใด
โดยเกิดขึ้นหลังจากเธอตรวจพบ DNA ที่มีผลระบุว่า มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากถึง 87% และยังมีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งรังไข่ถึง 50% โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณแม่ของเธอที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งนั่นเอง
การตัดสินใจ ‘กันไว้ดีกว่าแก้’ ของซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวูด ทำให้ผู้คนสนใจกับ ‘DNA Test’ อย่างกว้างขวาง
DNA Test จะบอกได้เลยว่า มีความเสี่ยงจะเกิดโรคหรือไม่ เพราะเป็นการตรวจรหัสพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ซึ่งจะสามารถบอกได้หลาย ๆ อย่าง โดยในคนทั่ว ๆ ไปจะมี DNA ที่เหมือนกันอยู่ประมาณ 99% แต่จะมี 1% ที่แตกต่างกัน ซึ่งนี่เองที่จะทำให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่อโรค ตอบสนองต่อการใช้ยา รวมถึงตอบสนองต่อการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน หรือพูดง่าย ๆ คือคล้ายกับการไขรหัสลับในชีวิตแต่ละคนนั่นเอง”
ดร. นพ.สาครินทร์ บุญบรรเจิดสุข CEO บริษัท เจ็นโฟสิส จำกัด (Genfosis) ให้ข้อมูลกับ Marketeer ถึงนวัตกรรมการแพทย์ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างสูงในระดับนานาชาติ ซึ่ง Genfosis ถือเป็นผู้นำการให้บริการนี้ในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่แค่การตรวจ DNA ทั่วไป แต่เป็นการให้บริการด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากลที่โรงพยาบาลชั้นนำให้การยอมรับ ด้วยรูปแบบที่เหมาะสมกับคนไทยโดยเฉพาะ
บ่งชี้ความเสี่ยงโรค รักษาถูกจุด ลดค่าใช้จ่าย
สำหรับการแพทย์แล้วการใช้ข้อมูล DNA เรียกว่าเป็น ‘การแพทย์แม่นยำ หรือ Precision Medicine’ เป็นสิ่งที่การแพทย์ยุคใหม่ให้ความสำคัญมาก ๆ และจะกว้างขวางมากขึ้นในอนาคต และช่วยยกระดับการรักษาได้อย่างมาก
“ข้อมูลที่ได้นั้นจะบ่งชี้ไปถึงข้อมูลต่าง ๆ ในเชิงลึกทางด้านพันธุกรรมมากมาย ทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดโรค ซึ่งสามารถนำมาช่วยในการดูแลคนไข้ ทำให้การรักษาแม่นยำตรงจุดตรงประเด็นมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น แต่เดิมเราไปโรงพยาบาล หมอก็จะมีสูตรยาสำหรับคนที่เป็นโรคแบบนี้ ๆ ก็จะให้ยาคล้าย ๆ กันหมด แต่จริง ๆ แล้วแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่อยาได้ผล ไม่ได้ผล รวมถึงการแพ้ยา แตกต่างกันไป การตรวจให้รู้ก่อนจะสามารถเลือกการรักษาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคนได้ รวมถึงในโรคร้ายแรง เช่น กรณีแองเจลิน่า โจลี่ เราก็สามารถทำการรักษาได้ก่อนตั้งแต่แรกเริ่ม หรือแก้ไขได้ก่อนตั้งแต่ยังไม่เกิดโรค”
ไม่ใช่แค่การตรวจสุขภาพ แต่เป็น Personalized Healthcare
เรายิงคำถามเพื่อคลายความสงสัยว่า “การตรวจ DNA ต่างจากตรวจสุขภาพปกติอย่างไร?” เพราะหากมองในมุมของคนนอกวงการแพทย์ คำว่า DNA หรือ ยีน อาจเป็นเรื่องไกลตัวมาก ๆ ซึ่ง ดร. นพ.สาครินทร์ อธิบายให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า
“จริง ๆ แล้วแตกต่าง การตรวจสุขภาพทั่วไป คือ การตรวจสภาวะร่างกายในขณะนั้น สมมุติว่าช่วงนี้เราไปเจาะเลือด ดูไขมัน เบาหวานว่าสูง-ต่ำอย่างไร แต่การตรวจ DNA คือการตรวจสิ่งที่เราเป็นมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ถ่ายทอดมาให้เรา เป็นพื้นฐานของเรา อยู่ในตัวเราและจะไม่มีวันเปลี่ยน ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม
ซึ่งคนสุขภาพดีอยู่แล้ว บางทีก็อาจจะไม่ได้รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยงตรงนี้ แต่เราก็ทำให้เขาได้รู้ เราเหมือนไปให้คำแนะนำเขาว่า จริง ๆ แล้วตอนนี้คุณอาจจะไม่มีอาการใด ๆ แต่ว่าพื้นของ DNA มีแนวโน้มที่จะเป็น ดังนั้น จะดีกว่าไหมถ้าคุณดูแลตั้งแต่ตอนนี้ เพราะว่าปัจจัยทางพันธุกรรม หรือ DNA ของเราเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดติดตัวมา พ่อแม่ให้มา ตรงนี้มันเปลี่ยนไม่ได้ แต่เราสามารถปรับพฤติกรรมหรือว่าการใช้ชีวิต หรือควบคุมดูแลให้มันมากขึ้นกว่าคนอื่น
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็อาจมองว่า คล้าย ๆ กับเราไปตรวจสุขภาพแต่เป็นการตรวจแบบ Premium Health Check Up คือตรวจและดูแลสุขภาพลึกถึงระดับ DNA โดยการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลที่เรียกว่า Personalized Healthcare เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกปัจจุบัน และการตรวจ DNA นับว่าเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายของแต่ละคนนั่นเอง”
มากกว่าแค่รักษาโรค แต่ลงลึกถึงไลฟ์สไตล์
คนนี้ควรจะดูแลผิวพรรณอย่างไรดี ใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหน กินอาหารอย่างไรถึงจะเหมาะกับร่างกาย หรือการออกกำลังกายแบบไหนดี สิ่งเหล่านี้ DNA บอกได้หมด”
ดร. นพ.สาครินทร์ อธิบายเพิ่มเติมว่าไม่ใช่แค่การรักษา แต่ DNA ยังสามารถลงลึกไปถึงเรื่องพื้นฐานการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของแต่ละคน
“นอกจากการตรวจในเชิงการแพทย์ ยังมีฝั่งของไลฟ์สไตล์ ก็คือการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร หรือว่าแม้กระทั่งเรื่องของความสวยความงาม ทั้งหมดสามารถบอกได้ด้วย DNA
เช่น ความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บในการออกกำลังกาย ความเสี่ยงที่จะเกิดตะคริว หรือว่าการออกกำลังกายที่เหมาะสม พันธุกรรมแบบนี้เหมาะกับกีฬาที่ใช้ความอึดอย่างวิ่งมาราธอน เพราะว่าระบบในร่างกายเขาไหว แต่ในอีกกลุ่มหนึ่งอาจจะเหมาะกับกีฬาที่ไม่ต้องใช้เวลานาน อย่างยกน้ำหนัก หรือวิ่งระยะสั้น
เรื่องที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ก็ยกตัวอย่างเช่น มีแนวโน้มที่จะขาดสารอาหารหรือวิตามินตัวไหน บางส่วนเราอาจจะต้องไปเสริมให้ตรงจุดนั้น เช่นเดียวกับเรื่องความสวยความงามที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า แต่ละคนเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์อะไรแบบไหน นี่คือความแตกต่างของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง”
ตรวจและดูแลสุขภาพลึกถึงระดับ DNA
Genfosis เป็นบริษัทที่ให้การดูแลสุขภาพโดยใช้ DNA หรือการใช้รหัสพันธุกรรมเป็นหลักด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีการวิเคราะห์ผลที่ตัวอัลกอริทึ่ม โดยซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะที่เหมาะสมกับคนไทย”
ดร. นพ.สาครินทร์ บอกถึงภาพรวมธุรกิจของ Genfosis ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มแพทย์ เภสัชกร และผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมและสุขภาพ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้บริการตรวจสุขภาพลึกในระดับ DNA และให้คำแนะนำสุขภาพเฉพาะบุคคลจากผล DNA นั้น เพื่อเป้าหมายสูงสุดในการมีสุขภาพดี มีความสุข และอายุยืนยาวตามหลักการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine)
“เราเป็นธุรกิจที่เน้นการ Prediction Prevention และ Personalized เรารู้ก่อน เพื่อเป็นการพยากรณ์ว่ามีโอกาสมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไหม พอทราบแล้วก็มีการป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรค และก็เลือกการรักษาที่ Personalized ให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีชีวิตยืนยาว
บริการของ Genfosis จะครอบคลุมทุกความต้องการ โดยให้บริการตรวจวิเคราะห์ สารพันธุกรรม (DNA) ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลรวมไปถึงให้คำแนะนำด้านสุขภาพเฉพาะบุคคล ซึ่งจะช่วยออกแบบดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตเพื่อให้ทุกท่านหรือลูกค้าของท่านมีสุขภาพดี มีความสุขและมีอายุยืนยาว
ด้วยการดูแลของทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านพันธุกรรม มีเภสัชกร นักวิทยาศาสตร์ นักโภชนาการ ที่ดูแลนำข้อมูลทางพันธุกรรมไปใช้ รวมถึงในทีมเราก็มีนักธุรกิจที่สามารถนำพวกนี้ไปต่อยอดในการใช้ประโยชน์ได้”
ซึ่งการตรวจนั้นทำได้ง่าย ๆ จากการตรวจจากน้ำลาย ด้วยชุดตรวจที่สามารถเก็บตัวอย่างได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องเจาะ ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องเจ็บตัว และบอกผลได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากการเจาะเลือด
ทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด
สิ่งที่ ดร. นพ.สาครินทร์ ย้ำมาก ๆ คือ การบริการของ Genfosis จะแตกต่างจากการตรวจโดยบริษัทต่างประเทศ ด้วยบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการออกแบบซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์เฉพาะบุคคล และใช้ข้อมูลพันธุกรรมในการวิเคราะห์ที่เป็นฐานข้อมูลของคนไทยโดยเฉพาะ
“เวลาที่เราไปตรวจโดยใช้บริษัทต่างประเทศ ส่วนใหญ่ข้อมูลพันธุกรรมที่ใช้อ้างอิงผล จะเป็นจากคนตะวันตกเป็นหลัก แต่ของเราจะมีซอฟต์แวร์เฉพาะ และใช้ข้อมูลพันธุกรรมในการวิเคราะห์ที่เราออกแบบมาเฉพาะ เรามีทีมแพทย์ นักวิเคราะห์ และนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถ Generates โปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคนไทยและคนเอเชีย เราตรวจการแปรผันทางพันธุกรรมโดยใช้มาตรฐานพันธุกรรมเหล่านี้ ซึ่งจะแตกต่างจากคนตะวันตก เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำที่สุด นั่นคือจุดแข็งของเรา”
อีกจุดแข็งหนึ่งของ Genfosis คือทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ที่ร่วมกันทำงานครอบคลุมในทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันองค์ความรู้และให้คำแนะนำกับทุกองค์กรที่สนใจ
“ตัวผมเป็นแพทย์ จบเฉพาะทางเกี่ยวกับ Molecular เป็นการนำข้อมูล DNA และยีนมาใช้ประโยชน์ และในทีมจะมี ดร.จาริกา มากคช นักวิทยาศาสตร์ที่จบปริญญาเอกเกี่ยวกับด้าน Molecular ของโรคติดเชื้อต่าง ๆ และเรื่องของการนำมาใช้ประโยชน์ตรงส่วนนี้ การันตีด้วยรางวัลนวัตกรรมระดับนานาชาติ ซอฟต์แวร์ที่เขียนจะมีการอัปเดตตลอด เวลามีเรื่องอะไรใหม่ ๆ เช่น ตอนนี้สามารถ screen ได้ว่า คนไหนติด Covid หรือเป็นไข้หวัดธรรมดา และคนไหนที่ติดแล้วเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงกว่าคนอื่นๆ และยังมีทีมของ Business โดย ดร. ธีรธร ธาราไชย”
ที่น่าสนใจ คือ ทีมวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ Genfosis ได้อย่างมาก โดยรวบรวมทีมนักวิทยาศาสตร์และทีมงานชีวสารสนเทศหรือ Bioinformatics ซึ่งเป็นอาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์และอาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำมาเป็นทีมเฉพาะทาง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ Big Data ข้อมูลของพันธุกรรมมาวิเคราะห์ ประเมินผล แล้วสรุปเป็นรายงานผลตรวจด้วยมาตรฐานและความน่าเชื่อถือสูงสุดในระดับสากล และใช้ LAB ที่เป็นมาตรฐานในระดับโลก เพื่อให้ได้ความแม่นยำที่สูงที่สุด
พร้อมช่วยผลักดันวงการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้า
Marketeer สัมผัสได้ถึงแนวคิดดี ๆ จากคุณหมอดีกรีปริญญาเอก PhD ด้าน Molecular ที่ส่งต่อถึงความตั้งใจที่จะเป็นส่วนช่วยและเครื่องมือในการผลักดันวงการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้า ยกระดับการรักษาด้วยนวัตกรรมการตรวจ DNA
“การตรวจพันธุกรรมหรือการใช้ข้อมูลทางด้าน DNA ค่อนข้างใหม่สำหรับบ้านเรา เราต้องทำให้วงการแพทย์ คุณหมอ หรือว่าบุคลากรทางการแพทย์เข้าใจว่าเป็นความรู้อัปเดตใหม่ ซึ่งเรามีผู้เชี่ยวชาญทั้งทีมงานและที่ปรึกษาที่พยายามทำให้เป็นการตรวจที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อมั่นและแนะนำให้กับคนไข้หรือผู้ใช้บริการจริง และขยายสู่การนำไปใช้ ซึ่งจะส่งผลต่อการแพทย์อย่างมาก
เราหวังว่าการตรวจพันธุกรรมแบบนี้ จะเข้าไปสู่โรงพยาบาลหรือว่านำไปใช้ทางการแพทย์อย่างกว้างขวางมากขึ้นในอนาคต และคิดว่าจะช่วยยกระดับการดูแล ทั้งในแง่ของตัวบุคคล เช่น ตัวเราเองก็ได้การรักษาด้วยยาที่มันตรงจุดขึ้น จนไปถึงระดับประเทศชาติ
ยกตัวอย่าง ถ้าสมมุติว่าแต่ละคนมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งแล้วเขาไม่รู้ เขาไปรู้อีกทีตอนระยะสุดท้าย การรักษาจะยาก ค่าใช้จ่ายสูง แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ารู้ตัวก่อนก็สามารถตรวจให้ละเอียดขึ้น ถี่ขึ้น สมมุติมีความเสี่ยงจะเป็นมะเร็ง มีติ่งเนื้อ มีอะไรเล็ก ๆ ที่น่าสงสัย เราตรวจทุกปี คุณหมอสะกิดไปตรวจ รู้เบื้องต้น นอกจากผลการรักษามันจะดีขึ้นแล้ว ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงอย่างมากด้วย”
โดยเป้าหมายที่ Genfosis วางไว้นั้นคือ การที่นำการดูแลในระดับ DNA เข้าไปอยู่ในทางการแพทย์กระแสหลัก หรือเป็นการแพทย์ในโรงพยาบาล และเป็นการดูแลพื้นฐานให้กับผู้มาใช้บริการทุกคน
“ตอนนี้เราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการบริการในโรงพยาบาลแล้ว เป้าหมายต่อที่เราคิดและหวังคือถ้าในคนที่เป็นโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือมะเร็ง สัก 100 คน เราช่วยป้องกันได้สัก 10 คน ให้เขาไม่เป็นโรคที่ร้ายแรงขึ้น แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว”
DNA Test ยกระดับการให้บริการทางสุขภาพของทุกองค์กรธุรกิจ
เราถามในมุมธุรกิจว่า Genfosis ต้องการเดินไปในทิศทางใด ดร. นพ.สาครินทร์ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นเน้นเจาะองค์กร (B2B) นอกจากโรงพยาบาลก็จะเป็นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม ธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจกีฬา และอื่น ๆ
โดยมองว่าจะช่วยยกระดับการให้บริการทางสุขภาพของคุณและสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ด้วยแนวคิดการแพทย์แม่นยำและการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล ซึ่ง Genfosis นำเสนอการตรวจ DNA เฉพาะบุคคลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและแม่นยำ พร้อมด้วยบริการให้คำปรึกษาสำหรับลูกค้าและบุคลากรหลัง การส่งมอบผล เพื่อต่อยอดบริการทางสุขภาพให้เหมาะกับลูกค้าของทุกองค์กร
“การตรวจ DNA เหมาะกับธุรกิจที่อยากจะสร้างความเป็น Personalized ให้สินค้าตัวเอง เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม Skincare หรือฟิตเนส ยกตัวอย่างว่าคุณอาจจะเป็นเจ้าของรีเทลแล้วมีแผนกบิวตี้ที่ก็อาจจะมีการนำเอา Test ของเราเข้าไปในแผนกบิวตี้ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น เสี่ยงริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น ผิวแตกลาย จากนั้นเราก็เขียนอัลกอริทึ่มขึ้นมาเล็ก ๆ อีกตัวหนึ่ง เพื่อจับคู่ความเสี่ยงของลูกค้า ว่าเขาเสี่ยงกระ เสี่ยงฝ้า แล้วเขาเหมาะกับผลิตภัณฑ์ในแผนกบิวตี้ตัวไหนอย่างไร ก็จะสามารถเกิด Cross-selling แล Up-selling ตรงนี้ได้
ขณะเดียวกันก็มีสโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่ง ที่กำลังศึกษานักวิ่งหรือนักกีฬาชั้นนำ มาตรวจเพื่อเปรียบเทียบคนทั่วไปว่าเขามียีนอะไร ถึงเก่งขนาดนี้ เพื่อนำมาพัฒนานักกีฬาของตัวเองต่อไป รวมไปถึงองค์กรธุรกิจแห่งหนึ่งที่ให้ความสนใจ โดยมองว่าบุคลากรคือทรัพยากรที่มีคุณค่า ก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ”
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website: Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ