ถ้าถามคุณว่า คุณส่ง SMS หากันครั้งสุดท้ายเมื่อไร เดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว หรือมากกว่านั้น
แต่ถ้าถามว่า คุณได้รับ SMS ครั้งสุดท้ายเมื่อไร คุณอาจจะตอบว่า เมื่อนาทีที่ผ่านมา เมื่อวันก่อน หรือสัปดาห์ที่ผ่านมา
เห็นได้ว่าคุณยังคงมีประสบการณ์กับ SMS อยู่ แม้จะมีไลน์ เฟซบุ๊ก แมสเซนเจอร์ และอื่น ๆ เป็นเครื่องมือสื่อสารใหม่ ๆ ให้ติดต่อหากันก็ตาม
แล้วตลาด SMS มีความน่าสนใจแค่ไหน
ธารินทร์ จงประเจิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วันม๊อบบี้ จำกัด หรือ 1Moby ผู้ให้บริการธุรกิจเทคโนโลยีโซลูชั่นให้กับลูกค้าองค์กรธุรกิจ ผ่านบริการ 2 บริการหลัก ได้แก่ บริการ ThaiBulkSMS บริการส่ง SMS และ บริการ Magnus บริการดิจิทัลเอเยนซี่ในการทำการตลาดออนไลน์ เล่าให้เราฟังว่า
ตลาด SMS ยังคงเติบโตได้อีกมาก จากการที่บริษัทและองค์กรต่าง ๆ ใช้ SMS เพื่อติดต่อสื่อสารกับพนักงาน รวมถึงการส่ง SMS ในรูปแบบ OTP ให้กับลูกค้าเพื่อยืนยันตัวตนในการใช้บริการหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ
ในปัจจุบันผู้ให้บริการรายหลักที่มีอยู่ในตลาด 10 ราย
แต่การแข่งขันในธุรกิจ SMS เปลี่ยนไป จากเดิมที่ผู้ให้บริการ SMS Solution จะเน้นสร้างลูกค้าด้วยกลยุทธ์สงครามราคาเป็นหลัก เนื่องจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะมองหาแพ็กเกจส่ง SMS ที่มีราคาต่ำสุดเป็นหลัก
ส่วนปัจจุบันการแข่งขันเปลี่ยนไปสู่การแข่งขันด้านบริการ และการนำ SMS มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจในแต่ละรูปแบบ
เพราะความต้องการของลูกค้าในวันนี้ ไม่ได้ต้องการส่ง SMS เพียงอย่างเดียวแต่ต้องการมากกว่านั้น
เช่น การผนวกเป็น Solution Platform นำไลน์ วีแชท เฟซบุ๊ก แมสเซนเจอร์ อีเมล เข้ามาผนวกรวมกันเพื่อสื่อสารผ่านข้อความในช่องทางที่เหมาะสมในแต่ละบริบท
รวมถึงการนำ SMS ไปใช้ในรูปแบบ OTP ยืนยันตัวตนในการใช้บริการ เป็นต้น
ทำให้วันนี้สัดส่วนการใช้ SMS จะใช้เพื่อส่ง OTP โดยเฉพาะในธุรกิจธนาคารที่มีการใช้งานในรูปแบบนี้สูง
รวมถึงการทำ SMS Marketing ทั้งการส่ง SMS เพื่อการขาย ดึงลูกค้าที่ได้รับ SMS ไปยังแลนดิ้งเพจ เพื่อปิดการขาย
ส่ง SMS บอกข้อมูลที่สำคัญ ส่ง SMS ทำ CRM อวยพรวันเกิด รวมถึงผูก SMS กับการใช้งานอื่น ๆ เพื่อสร้างความปลอดในการใช้บริการ เป็นหลัก
สำหรับการส่ง SMS ในรูปแบบ SMS Marketing ส่งข้อความไปยังลูกค้า พาลูกค้าไปยังแลนดิ้งเพจ เพื่อขายสินค้าและบริการ หรือให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดการขายในอนาคต
การตลาดในรูปแบบนี้ยังคงเป็นช่องทางการสื่อสารที่น่าสนใจ
จากข้อมูลของ 1Moby พบว่าการส่ง SMS ไปถึงลูกค้าในแต่ละครั้งลูกค้าจะเปิดอ่านประมาณ 50-60% เนื่องจากลูกค้ามองว่า SMS เป็นข้อความพื้นฐานที่อยู่คู่กับโทรศัพท์ เปิดอ่านได้ง่ายไม่เสียเวลา
แต่มีเพียง 5-15% เท่านั้นที่กดลิงก์ไปยังแลนดิ้งเพจ เพื่อศึกษาข้อมูล หรือซื้อสินค้า
ธารินทร์บอกว่ามีหลายรายที่สามารถทำได้ดีกว่านั้น
การสื่อสารในรูปแบบนี้มีความท้าทายในเรื่องทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเปิดอ่านและกดลิงก์ไปแลนดิ้งเพจที่ต้องการสื่อสาร
ซึ่งที่ผ่านมาแบรนด์ หรือธุรกิจที่ประสบกับสภาวะการสื่อสารที่ได้ประสิทธิภาพที่ไม่สูงนักมาจาก
1. แบรนด์หรือธุรกิจบางรายนิยมส่ง SMS ถึงบุคคลที่มีเบอร์อยู่ในระบบทุก ๆ ราย โดยไม่ได้คัดเลือกลูกค้าที่เหมาะสมกับสินค้าและข้อความที่สื่อสาร การส่ง SMS เพื่อทำ SMS Marketing ทำให้บางคนมองว่าข้อความที่ส่งมาเป็นข้อความที่เขาไม่สนใจ
2. แบรนด์ หรือธุรกิจใช้ข้อความในการสื่อสารที่ไม่น่าสนใจให้เปิดอ่าน หรือติดตามต่อ เป็นต้น
โดยการส่ง SMS Marketing เพื่อขายสินค้าและบริการ ควรตอบโจทย์ 5 W 1 H ได้แก่
Who – กลุ่มเป้าหมายที่ส่งเป็นใคร
What – ต้องการส่งเนื้อหาอะไร
Why – ทำไมกลุ่มเป้าหมาย ถึงต้องได้รับข้อความนี้ และทำไมเขาถึงสนใจ
When – ต้องส่ง SMS ไปในเวลาไหน ถึงจะได้รับความสนใจ
Where – ข้อความที่ส่งไปจะดึงลูกค้าไปที่ไหน
How – วัดผลอย่างไร
ทั้งนี้ การส่ง SMS ของลูกค้า 1Moby ผ่านบริการ ThaiBulkSMS ในแต่ละเดือนมีการใช้บริการเฉลี่ย 40-50 ล้านข้อความ
การที่แบรนด์ หรือธุรกิจนิยมใช้ SMS ในการสื่อสาร ส่วนหนึ่งมาจาก SMS เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ต สามารถสื่อสารได้แบบเรียลไทม์ไปยังกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่มที่ใช้มือถือทุกรุ่นที่รับ SMS ได้
Marketeer FYI
merry Christmas ข้อความ SMS แรกของโลก
SMS ที่มีชื่อย่อมาจาก Short Message Service เป็นเทคโนโลยีที่มีอายุกว่า 29 ปี
SMS ข้อความแรกของโลกเกิดขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 2535 จากการส่งข้อความของวิศวกรที่ชื่อ Neil Papworth ส่งข้อความคำว่า “merry Christmas” จากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังมือถือรุ่น Orbitel 90 ของ Richard Jarvis ผู้อำนวยการของ Vodafone ในขณะนั้น
แต่การส่ง SMS ครั้งนั้นเป็นการส่งแบบ One Way Communication เนื่องจากมือถือ Orbitel 90 และมือถือเครื่องอื่น ๆ ในยุคนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีการส่ง SMS เหมือนในปัจจุบัน
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline
