นวัตกรรมแยกความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม คำพูดนี้ของ สตีฟ จ็อบส์ ยังคงจริงเสมอจนถึงปัจจุบัน

ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น ทางเลือกในการเริ่มต้นธุรกิจมีมากขึ้น น้อยคนจะรู้ว่ามีธุรกิจหนึ่งที่โดดเด่น ด้วยการเน้นการวิจัยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกสู่ตลาด จนมียอดขายของบิวตี้แกดเจ็ตเป็นอันดับ 1 ของโลก* ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2017 – 2020 และดำเนินธุรกิจอยู่ในเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย นั่นคือ ธุรกิจ “นู สกิน”

ความโดดเด่นอย่างแรกของ “นู สกิน” คือมีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ ด้วยรูปแบบธุรกิจที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยไม่มีค่าสมัครแรกเข้า ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน ทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่า ๆ กัน

จุดเด่นถัดมาคือ มีแผนตอบแทนรายได้ ที่ชื่อว่า Velocity ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงสร้างรายได้แบบพาร์ตไทม์หรือแบบเต็มเวลาก็ได้ รายได้คุ้มค่าและขึ้นอยู่กับความพยายามของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปัจจุบัน นู สกิน มีสมาชิกกว่า 1 ล้านรหัสในทั่วทุกมุมโลก และมีคนรุ่นใหม่ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจแล้วเป็นจำนวนมาก

การตลาดที่เน้นนวัตกรรม

ด้วยความที่ นู สกิน คือแบรนด์ที่เน้นนวัตกรรม และการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกือบ 200 รายการ ทำให้ง่ายต่อการสร้างตลาดของสมาชิก อีกทั้งแต่ละผลิตภัณฑ์มีจุดขายโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่หลายรายการอยู่ในตำราทางวิชาการอย่าง Physicians’ Desk Reference ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ เครื่องสำอาง เครื่องกรองน้ำที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจนได้มาตรฐานระดับโลกอย่าง NSF ตลอดจนบิวตี้แกดเจ็ต ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และพิชิตรางวัลระดับโลกมากมาย

นอกจากนี้ นู สกิน ยังเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่องทุกปี ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในไทยอย่าง “นู สกิน บูสท์” ที่ใช้กับ “เอจล็อค แอคทิเวติ้ง ทรีตเมนต์” ซึ่งเป็นบิวตี้แกดเจ็ตที่ช่วยกระตุ้นผิวหน้าให้ฉ่ำโกล์วสำหรับใช้ที่บ้าน ขนาดกะทัดรัด ในราคาที่จับต้องได้ และที่กำลังจะเปิดตัวคือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ “เอจล็อค รีเซ็ต” ที่ใช้เวลาวิจัยกว่า 7 ปี จนได้ส่วนผสมสูตรเฉพาะที่ช่วยดูแลสุขภาพเพื่อต่อสู้กับไลฟ์สไตล์ที่ความเครียดทำร้ายร่างกายเราอยู่ตลอดเวลา

เนื่องจาก “นวัตกรรม” เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ นู สกิน จึงให้ความสำคัญกับการลงทุนสร้างแล็บวิจัยขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง โดยมีศูนย์วิจัยทั้งหมด 2 แห่ง คือที่สหรัฐอเมริกาและเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยทุ่มงบมากกว่า 152.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังลงทุนในเทคโนโลยีทางด้านยีนมนุษย์ที่มีคลังข้อมูลยีนกว่า 330 ล้านยีน ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ “เอจล็อค” ที่ล้ำหน้าตรงเข้าจัดการต้นเหตุของปัญหา นู สกิน จึงเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยีการต่อต้านความเสื่อมชราแถวหน้าของโลก

อีกหนึ่งความแตกต่างของ นู สกิน คือ เทคโนโลยีเครื่องตรวจวัดระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายผ่านฝ่ามือ โดยไม่ต้องเจาะเลือดที่มีชื่อว่า ‘ไบโอโฟโตนิก สแกนเนอร์’ ที่พัฒนามาจากทฤษฎีที่ได้รับรางวัลโนเบล ช่วยให้ผู้ทำธุรกิจแนะนำเรื่องสุขภาพกับลูกค้าได้อย่างมั่นใจ

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือดิจิทัลอีกมากมายที่ช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจ เช่น แอปพลิเคชันที่ช่วยติดตามสถานะธุรกิจแบบเรียลไทม์ และสามารถสร้างลิงก์พิเศษส่งให้ลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียล โดยลิงก์เหล่านั้นมีทั้งลิงก์ให้ลูกค้าประเมินผิวหน้าผ่านมือถือที่ประมวลผลโดย AI  ลิงก์ซื้อสินค้าแบบจำเพาะเจาะจง ลิงก์สมัครสมาชิก

รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์สำเร็จรูปแบบมืออาชีพเพื่อให้ผู้ทำธุรกิจใช้เป็นของตัวเอง มีระบบสะสมคะแนนแลกซื้อสินค้าเพื่อช่วยรักษาฐานลูกค้า ตลอดจนการอบรมการใช้เครื่องมือที่สามารถเชื่อมโยงธุรกิจได้ทั่วโลก กล่าวคือผู้ทำธุรกิจจึงนั่งทำงานอยู่ที่เมืองไทย แต่สามารถขยายฐานลูกค้าและทีมงานไปได้ในหลายประเทศทั่วโลกผ่านเพียงมือถือเครื่องเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้ นู สกิน พัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการขายสำหรับผู้ทำธุรกิจ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

นู สกิน ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 25 ปี และในทั่วโลกเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี ได้รับการรับรองโดย สคบ. ไทย และในระดับโลก นู สกิน ยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งช่วยตอกย้ำเรื่องความโปร่งใสและความยั่งยืนในธุรกิจได้เป็นอย่างดี

เริ่มต้นง่าย สร้างรายได้แบบยืดหยุ่น สินค้านวัตกรรม ความมั่นคงสูง และต่อยอดไปต่างประเทศได้ ถือเป็นนิยามหรือข้อสรุปที่บอกว่า นู สกิน คือ ธุรกิจระดับโลกที่โดดเด่นอย่างแตกต่างที่น้อยคนจะรู้จักแบบเจาะลึก

ความสำเร็จในไทย

หนึ่งในตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ นู สกิน คือเรื่องราวของ คุณวิบูลยศ เอี่ยมรานนท์ (จอห์น) และคุณพัชรีพันธุ์ สัตตบรรณศุข (นุ่น) หลังเรียนจบที่อเมริกาและทำงานประจำได้ไม่นานก็ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจ นู สกิน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิต จนปัจจุบันสร้างรายได้สะสมและพิชิตความสำเร็จสูงสุดในฐานะ Circle of Excellence IV*

“ก่อนเริ่มทำธุรกิจนี้ ผมเป็นคนมองหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา จนได้มารู้จักกับธุรกิจ นู สกิน ผมจึงลงทุนบินไปถึงสำนักงานใหญ่ที่อเมริกา เพื่อดูว่าบริษัทน่าเชื่อถือเพียงใด และวันนั้นเองผมก็ตัดสินใจทำธุรกิจทันที ด้วยเหตุผล 3 ข้อง่ายๆ

1) บริษัทมั่นคง โปร่งใสจริง เพราะอยู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

2) สินค้าเน้นวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม และ

3) เป็นธุรกิจที่ขยายไปได้ทั่วโลก

สามสิ่งนี้ตอบโจทย์ความเป็นไปได้ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของผม”

“พอจอห์นมาเล่าถึงโอกาสของ นู สกิน นุ่นตื่นเต้นและตัดสินใจทำทันที เราเริ่มต้นโฟกัสขยายตลาดในประเทศไทยก่อน แน่นอนว่ามีอุปสรรคเพียบ แต่เรารู้ว่ามันมีโอกาส เพราะผู้บริโภคในยุคนี้หันมาสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ตอนเริ่มทำได้ไม่ถึงปีก็เจอวิกฤตต้มยำกุ้งเข้ามา เราคิดกลับเลยว่าตอนนี้แหละที่เราต้องทำงานหนักขึ้นอีก เราจึงเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ … บอกเลยว่ามุมมองที่เรามีต่อคำว่าโอกาสมันสำคัญมาก มุมมองนั้นเปลี่ยนชีวิตเราได้เลยจริง ๆ” นุ่นกล่าวเสริม

“ธุรกิจของเราขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ไปยังอีกหลายสิบประเทศ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เราทำธุรกิจแบบไร้พรมแดน เราทำธุรกิจที่ประเทศไทยแต่มีฐานลูกค้าจากทั่วโลก ไม่แปลกที่ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมธุรกิจมากขึ้น ด้วยตัวธุรกิจที่ออกแบบมาให้เริ่มทำได้ง่าย เทคโนโลยี เครื่องมือที่ นู สกิน มีให้ ช่วยผ่อนแรงผู้ทำธุรกิจได้เยอะเลย” จอห์นกล่าว

“ยิ่งทำเรายิ่งรักธุรกิจนี้ เพราะการทำงานของเราคือการช่วยให้คนอื่นเห็นโอกาสและมีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนกับเรา ไม่พอ เรายังได้ช่วยสังคมผ่านการบริจาค 1% ของรายได้จาก นู สกิน ทุกเดือน เพื่อสนับสนุนมูลนิธิผ่าตัดหัวใจเด็กที่พิการแต่กำเนิด ณ โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้ช่วยเด็กให้รอดชีวิตไปแล้วมากกว่า 10,000 ราย ที่สำคัญที่สุด นู สกิน ช่วยพัฒนาเราให้เป็นคนที่ดีขึ้น มีคุณค่าขึ้นตลอดเวลา… นี่แหละคือความสุขที่ทำให้อยากทำงานในทุก ๆ วัน ใน นู สกิน”

จอห์นย้ำว่า “โอกาสเป็นของคนที่มองเห็นเท่านั้น และถ้าต้องการโอกาสที่ขายความแตกต่าง ผมว่า นู สกิน ตอบโจทย์แน่นอน ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและจับเทรนด์โลกผนวกกับโอกาสที่สามารถขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลกซึ่งน้อยธุรกิจจะทำแบบนี้ได้ เรานั่งทำงานอยู่ที่ไทยแต่รายได้มาจากทั่วโลกโดยไม่ต้องสต๊อกของ ไม่ต้องวุ่นวายแม้กระทั่งการจัดส่ง เป็นระบบ Dropship ที่สมบูรณ์แบบ ที่สำคัญคือมั่นคงโปร่งใส”

“ฝากถึงทุกคนว่า ไม่สำคัญว่าตอนนี้คุณทำอาชีพอะไรอยู่ เราทุกคนควรมีแผนสำรองให้กับชีวิต เพราะโลกทุกวันนี้ไม่แน่นอน นู สกิน คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์กับทุกเจนเนอเรชัน รวมถึงคนรุ่นใหม่ เพราะนอกจากเป็นบริษัทที่ดีและมั่นคงแล้ว คุณจะได้รับการโค้ชจากคนที่เขาทำจริง สำเร็จจริงในธุรกิจ แถมยังได้เพื่อนดี ๆ มากมายที่จะคอยสนับสนุนกันตลอดเวลา สุดท้าย อยู่ที่ตัวคุณ ว่าจะมองเห็นโอกาสและกล้าตัดสินใจคว้าโอกาสนั้นหรือไม่ …ชีวิตเรามีเวลาจำกัด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน” นุ่นกล่าวปิดท้าย

 

*Circle of Excellence IV คือ แบรนด์ แอฟฟิลิเอต ที่ได้รับเงินปันผลตอบแทนสะสมตั้งแต่สมัครสมาชิกเป็นมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป/การได้รับเงินปันผลตอบแทนในฐานะ แบรนด์ แอฟฟิลิเอต จะต้องใช้ระยะเวลา และความทุ่มเท ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับทักษะ พรสวรรค์ และความเป็นผู้นำของท่าน ไม่มีการการันตีความสำเร็จทางการเงิน และผลลัพธ์จะแตกต่างไปในแต่ละบุคคล/ทั่วโลกมีแบรนด์ แอฟฟิลิเอตที่ได้เป็น Circle of Excellence น้อยกว่า 0.01% ท่านสามารถดูสรุปเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแต่ละตำแหน่งภายใต้แผนเวโลซิตี้ โดย นู สกิน เซลส์ เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพลน และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Circle of Excellence ได้ที่ www.nuskin.com/รูปแบบธุรกิจของ นู สกิน ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ จะแยกออกต่างหาก และจะแตกต่างจาก เวโลซิตี้ โดย นู สกิน เซลส์ เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพลน ในประเทศอื่นๆ

*ที่มา: Euromonitor International Ltd, ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและมูลค่าการขายปลีก (Retail Value RSP), ช่องทางการขายทั้งหมด, ปี 2017 ถึงปี 2020 รวมถึงเครื่องมือในการดูแลผิวที่บ้านที่ใช้ได้ เฉพาะกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ายี่ห้อ เดียวกัน อ้างอิงตามระเบียบวิธีวิจัย ของ Euromonitor ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 2021 รวมถึงอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดใบหน้า ที่มีรายละเอียดอยู่ในฐานข้อมูล Euromonitor Passport ทั้งนี้ไม่รวมถึงอุปกรณ์ดูแลเส้นผม/กำจัดขน เครื่องโกนขนตามร่างกาย หรือเครื่องมือสำหรับการดูแลช่องปาก

 

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online