มาริษา เจียรวนนท์ ภรรยาประธานบริษัทที่มีชีวิตเพื่อครอบครัวและสังคม

ภาพของผู้หญิงรูปร่างเล็ก ๆ แบบบาง ที่กำลังเรียงกล่องอาหารเพื่อส่งต่อไปยังคุณหมอและพยาบาลตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นด่านหน้ารักษาผู้ป่วยโควิด

ผู้หญิงคนที่โทรศัพท์ไปชักชวนเชฟชื่อดังของเมืองไทยหลายคนด้วยตัวเองเพื่อให้มาเข้าร่วมโครงการ CHEF CARES เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง

ผู้หญิงคนนี้คือ มาริษา เจียรวนนท์ ผู้หญิงชาวเกาหลีใต้ สะใภ้ของตระกูลใหญ่ “เจียรวนนท์” ภรรยา สุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ บุตรชายคนโตของ ธนินท์ และคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน มาริษา เจียรวนนท์ หญิงสาวชาวเกาหลีใต้ในวัย 18 ปี บินลัดฟ้าไปเรียนปริญญาตรีด้าน Finance and International Business ที่ New York University หรือ NYU มหาวิทยาลัยซึ่งมีชื่อติด Top ด้านการเงินระดับโลก หลังจากจบการศึกษา มาริษาทำงานได้เพียง 6 เดือน ก็ต้องเปลี่ยนสถานะมาเป็นสะใภ้ของตระกูลอภิมหาเศรษฐีที่รวยติดอันดับโลก และหลายคนมองว่าเธอเป็นผู้หญิงสวยที่โชคดีมาก ๆ

กระนั้นชีวิตของมาริษาก็ไม่ได้หยุดนิ่ง มาริษามักเดินทางติดตามสามีและคุณพ่อคุณแม่สามีไปดูงานต่างประเทศ และพบปะนักธุรกิจชั้นนำ และ thought leaders ระดับโลก ทำให้เธอได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านธุรกิจ กิจการสร้างสรรค์ และด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และการเกษตร

“ช่วงที่ผ่านมาดิฉันทุ่มเทชีวิตให้กับครอบครัว ทำหน้าที่หลัก 3 อย่างคือ เป็นภรรยา เป็นแม่ลูก 4 และเป็นสะใภ้ ตอนนี้ ลูก ๆ โตกันหมดแล้ว ดิฉันขอเริ่มก้าวใหม่ เป็น…มาริษา…ค่ะ”

ในมุมมองส่วนตัว มาริษาเชื่อว่า ในชีวิตคนเราต้องหมั่นเรียนรู้ ไม่ควรหยุดนิ่ง พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่เสมอ ก่อนหน้าที่มาริษาจะก่อตั้งมูลนิธิเชฟแคร์ส (CHEF CARES) เธอเป็นหัวหอกมุ่งมั่นผลักดันเรื่องการศึกษาผ่านมูลนิธิ The Build

“ดิฉันสนใจเรื่องการศึกษา และมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จะสอนลูก ๆ ให้เห็นคุณค่าของการเรียนรู้ เพราะไม่ว่าเราจะยากดีมีจน ความรู้จะติดตัวเราไปจนโต และเล่าให้ลูก ๆ ฟังว่า ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสเรียนหนังสืออย่างพวกเขา ดิฉันอยากให้ครอบครัวของดิฉันได้มีส่วนร่วมเข้าไปช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น ดิฉันมักจะย้ำสอนลูก ๆ เสมอว่าเราอาจจะมีฐานะดีกว่าคนอื่น  แต่เราต้องไม่ประมาท และไม่ลืมว่า เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดียวกัน โลกใบเดียวกัน เราต้องใส่ใจช่วยเหลือคนรอบข้างเราด้วย”

เมื่อปี 2548 มาริษาก่อตั้งมูลนิธิ The Build  โดยทุก ๆ ปีในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส มาริษาและครอบครัวจะเดินทางจากฮ่องกงซึ่งเป็นถิ่นพำนักในขณะนั้น มายังภาคเหนือของประเทศไทย เพื่อสร้างโรงเรียนให้กับเด็กชาวเขาในท้องถิ่นทุรกันดาร และห่างไกล

“เวลาพวกเราไปสร้างโรงเรียน ดิฉัน สามี ลูก ๆ และเพื่อน ๆ อาสาสมัครจะไม่ไปพักที่โรงแรม แต่จะกางเต็นท์อยู่ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ได้เข้าใจในปัญหา เราอยู่ที่นั่นประมาณ 3-5 วันจนกว่าโรงเรียนจะสร้างเสร็จ มั่นคงแข็งแรงพอที่จะทำให้พวกเด็ก ๆ มีสถานที่เรียนหนังสืออย่างมีความสุข”

ถึงวันนี้ ผ่านไป 16 ปี มูลนิธิ The Build สร้างโรงเรียนให้แก่เด็กนักเรียนชาวเขาในภาคเหนือของประเทศไทยมากถึง 13 โรงเรียน และขยายผลไปยังท้องถิ่นอื่น ๆ อีกด้วย

นอกจากการศึกษา มาริษายังเป็นผู้หลงใหลในศิลปะ และเป็นนักสะสมที่มีวิสัยทัศน์และรสนิยมเชิงศิลป์เฉียบคม สถาบันศิลปะแนวหน้าระดับโลก เช่น Tate Modern กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แต่งตั้งให้มาริษาเป็น Acquisition Committee ดูแลการคัดสรรศิลปินจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทำให้ผลงานศิลปินเหล่านี้ได้มีโอกาสโลดแล่นในเวทีโลก และนี่เอง คือที่มาของมุมมองอาหารที่เป็นมากกว่า “อาหาร” ของมาริษา

“แม้ว่าดิฉันจะทำอาหารไม่เก่ง แต่ดิฉันมีความเชื่อว่าอาหารคือ Soft Power คือ ภาษาบอกรัก ดังนั้นอาหารทุกเมนูที่ดิฉันจินตนาการขึ้นนั้นจะออกมาจากใจ แสดงถึงความห่วงใย และความใส่ใจเฉพาะตัวของผู้รังสรรค์อาหารนั้น ๆ ด้วย”

ด้วยบทบาทของคุณแม่ลูก 4 และภรรยาของสุภกิต ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ มาริษามีหน้าที่ดูแลเรื่องจัดเลี้ยงแขกระดับวีไอพีหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม ที่มารับประทานอาหารที่บ้านอยู่เป็นประจำ

ซึ่งมาริษาก็ทำหน้าที่เจ้าภาพได้อย่างดีเยี่ยม ใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่รังสรรค์เมนูอาหารทุกจานที่ไม่เพียงต้องอร่อยถูกปาก แต่ยังต้องเป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพแขกทุกคน ต้อง “แคร์” ทุก ๆ รายละเอียด เพื่อให้แขกทุกคนได้รับประสบการณ์ที่พิเศษ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“แคร์” หรือ ความใส่ใจในคนรอบข้างนี้เอง กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ “เชฟแคร์ส” ที่มาริษาใช้อาหารเป็นสื่อส่งผ่านความรัก ความห่วงใยไปยังเพื่อนร่วมสังคม

ย้อนไปเดือนมีนาคม 2563 เมืองไทยอยู่ในสภาพตื่นตระหนกกับสถานการณ์โควิดที่เริ่มรุนแรงขึ้น เชฟวุฒิศักดิ์ วุฒิอัมพร เพื่อนเชฟท่านหนึ่งของมาริษา ได้มาชวนเธอให้ช่วยสนับสนุนวัตถุดิบของซีพีเพื่อนำไปปรุงเป็นอาหารกล่องพร้อมรับประทานมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต  ซึ่งไม่เพียงทำให้บุคลากรด่านหน้าได้อิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของกำลังใจที่มอบให้ผู้พิทักษ์เสื้อกาวน์ด่านหน้าด้วย

ในช่วงเวลา 3 เดือน โครงการ CHEF CARES ซึ่งเดิมเริ่มต้นจากเชฟ 1 ท่าน จากนั้นก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนมีเชฟชั้นนำระดับประเทศและระดับโลกมาช่วยในโครงการรวม 73 ท่าน ภาพของเชฟชื่อดังเหล่านี้ที่ร่วมใจกันมาทำอาหารกล่อง และภาพของอาหารกล่องสารพัดเมนูแปลกใหม่ที่ล้วนใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยม สวยงามน่ารับประทานถูกลำเลียงส่งไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นด่านหน้ารักษาผู้ป่วยโควิด 

ส่งมอบถึงมือคุณหมอ พยาบาล 8,000 ท่าน และผู้ที่ทำงานในพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ อีก 500 ท่าน คิดเป็นอาหารรวมทั้งสิ้นกว่า 30,000 กล่อง ภาพความร่วมแรงลงใจที่สวยงามเหล่านี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างแรงบันดาลใจท่ามกลางวิกฤตที่ถาโถม

“ดิฉันโทรไปชวนเชฟทุกคนด้วยตัวเอง อธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการทำโปรเจกต์ เชฟแคร์ส และดีใจมากที่เชฟทุกคนพอรู้เรื่องแล้วตอบรับยินดีที่จะมาร่วมกับเรา ทั้ง ๆ ที่เชฟเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิดเหมือนกัน บางคนขาดรายได้มหาศาลเพราะต้องปิดร้านของตัวเอง แต่เชฟทุกคนคิดว่ายังมีคนลำบากมากกว่าตัวเอง”

จากความสำเร็จของการบริจาคอาหาร ผ่านน้ำใจและรสมือของเชฟแถวหน้าของประเทศไทย ในเดือนธันวาคม 2563 มาริษาเล็งเห็นถึงความสำคัญของเชฟ ที่เป็นพลังบวก สามารถส่งต่อ ต่อยอด “อาหารเพื่อสังคม” หรือ พูดง่าย ๆ ว่า ใช้อาหารเป็นตัวส่งผ่านความช่วยเหลือไปสู่สังคมวงกว้าง จึงได้ผลักดันก่อตั้งมูลนิธิ เชฟแคร์ส ขึ้น

โดยมุ่งเป้าไปที่ 4 พันธกิจหลัก คือ หนึ่ง  สนับสนุนอาหารไทยและเชฟไทยไปสู่ระดับสากล  สอง ทำอาหาร Ready Meal เพื่อให้คนไทยได้รับประทานอาหารดีมีคุณภาพ สารอาหารครบหมู่ เพื่อสุขภาพที่ดี ในราคาที่จับต้องได้  สาม บริจาคอาหารให้กับผู้ยากไร้และขาดที่พึ่ง และพันธกิจสุดท้าย สร้างบุคลากรเชฟรุ่นใหม่ผ่านโครงการ Chef Cares Dream Academy – สานฝันปั้นเชฟ ที่ให้โอกาสเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส ได้เรียนรู้ศาสตร์และศิลป์การทำอาหาร และธุรกิจอาหาร สามารถต่อยอดกลายเป็นเชฟต้นแบบของไทยในอนาคต

หากแต่ มิติ “อาหารเพื่อสังคม” ของมาริษาไม่ได้หยุดแค่การก่อตั้งมูลนิธิ มาริษายังได้ริเริ่มตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise ภายใต้ชื่อ บริษัท เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จำกัด ขึ้นมาด้วย

“การตั้งมูลนิธิเริ่มมาจากการขอแรงสนับสนุนจากหน่วยธุรกิจต่าง ๆ ในเครือ แต่เราจะขอไปตลอดไม่ได้ เราต้องสร้างเสถียรภาพให้กับตนเองด้วย เชฟแคร์ส จำเป็นต้องมีรายได้เพื่อต่อบุญ”

เพื่อให้มูลนิธิ เชฟแคร์ส สามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน บริษัท เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จึงได้ผลิตอาหารกล่องพร้อมรับประทาน ภายใต้แบรนด์ Chef Cares Ready Meal เป็นการยกระดับอาหารจากครัวเชฟระดับมิชลินไปสู่อาหารกล่องพร้อมรับประทาน มากด้วยประโยชน์ทางโภชนาการ เพื่อให้คนไทยได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

อาหารพร้อมรับประทาน “เชฟแคร์ส” วางตลาดไปแล้ว 7 เมนู ล่าสุดเปิดตัวเมนู “ฟูซิลี่ผัดขี้เมาไก่” รสจัดจ้าน ฝีมือการรังสรรค์ของ “เจ๊ไฝ” สุภิญญา จันสุตะ เชฟสตรีทฟู้ดชื่อดังยืนหนึ่ง จนมิชลินต้องมามอบดาวให้ถึง 4 ปีซ้อน และโด่งดังข้ามโลกผ่าน Netflix และเวทีรางวัลเชฟระดับสากล อย่างเช่น Asia’s 50 Best Restaurant Award

“ครั้งแรกที่ดิฉันได้ทานอาหารฝีมือเจ๊ไฝ ตกใจมาก ๆ เพราะเจ๊ไฝทำอาหารทุก ๆ จานที่ออกมาจากครัวเอง ยืนเดี่ยวผัดอาหารหน้าเตาถ่าน ดิฉันรู้สึกว่านี่คือ รสชาติของชีวิตทั้งชีวิต ที่ทุ่มเทลงไปในอาหาร เป็นความอุตสาหะ มานะบากบั่นของเจ๊ไฝที่ทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และมุ่งมั่นทำอาหารอร่อย แปลกใหม่ให้ถูกใจและถูกปากลูกค้า”

ใครมารับประทานอาหารร้านเจ๊ไฝเมนูที่พลาดไม่ได้คือ “ไข่เจียวปู” อันเลื่องชื่อ แต่สำหรับใครที่เป็นขาประจำนั้นต่างรู้ว่าเจ๊ไฝยังมี “จานลับ” ที่ไม่มีอยู่ในเมนู นั่นคือ “ฟูซีลี่ผัดขี้เมาไก่” ซึ่งรสชาติถึงรสถึงเครื่องตามสไตล์เจ๊ไฝ และที่ขาดไม่ได้คือกลิ่นหอมของพริกกระเทียมหลากชนิดโขลกสด ๆ พร้อมกะปิหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ประจำครัวเจ๊ไฝ

ซึ่งเมนู “ฟูซีลี่ผัดขี้เมาไก่” นี้ หากรับประทานที่ร้านจะมีราคา 200 บาท  แต่ถ้ารับประทานผ่าน Chef Cares Ready Meal จะอยู่ที่ราคาเพียง 69 บาท เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารระดับเชฟได้ในราคาที่เบาลง เมื่อมาริษาชักชวนให้เจ๊ไฝมาร่วมทำ Chef Cares Ready Meal ด้วยเมนูเด็ดนี้ ก็ได้รับการตอบรับด้วยความเต็มใจ ร่วมกันสร้างพลังของอาหารสู่เส้นทางบุญด้วยกัน

อาจจะกล่าวได้ว่า ปัจจุบัน มาริษา เจียรวนนท์ ได้พลิกภาพลักษณ์เดิมจากความเป็นคุณแม่ลูก 4 ภรรยา และลูกสะใภ้ สู่บทบาทใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ความคิด และความกระตือรือร้น พร้อมจะทำในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น และได้เรียนรู้ตกตะกอนมากว่าครึ่งชีวิต เพื่อช่วยเหลือสังคม ขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน

และทั้งนี้ เส้นทางของ ”อาหารเพื่อสังคม” ผ่าน CHEF CARES โดยผู้หญิงชื่อ มาริษา เจียรวนนท์ นั้นยังอีกยาวไกล โดยมีอาหารพร้อมรับประทาน Chef Cares Ready Meal ราคากล่องละ 69 บาท ฝีมือของเชฟระดับประเทศ ปรุงจากวัตถุดิบดีมีคุณภาพ เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งในปัจจุบัน รวมการขายทั้งสิ้นแล้วกว่า 1.7 ล้านกล่อง เป็นความภูมิใจของ “เชฟแคร์ส” ในการมีบทบาททั้งสนับสนุนวงการอาหารไทย ยกระดับอาหารพร้อมรับประทาน และช่วยเหลือสังคมไปพร้อม ๆ กัน

เมื่อถามถึงเป้าหมายของ “อาหารเพื่อสังคม” ของมาริษา คำตอบที่ได้คือ

“ดิฉันอยากให้อาหารโดยฝีมือเชฟจากประเทศไทยได้กระจายไปทุก ๆ แห่งทั่วโลก ทุกคนได้รับประทาน ได้ซึมซาบน้ำใจ ความมุ่งมั่นของเรา และนำกำไรที่ได้แปลงเป็นโครงการเพื่อสังคมที่เหมาะสม สอดคล้องกับวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ ดิฉันเชื่อว่า นี่คือการใช้พลังของอาหารผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เป็นพลังบวกที่ยั่งยืนให้สังคม”

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online