ในวันนี้เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการส่งสัญญาณของประเทศใหญ่อย่าสหรัฐอเมริกาGDP เริ่มทะยานขึ้นไประดับ 2.5-3 เหมือนที่เคยเป็นมา ยุโรปเริ่มไต่ระดับจาก 1 ขึ้นไป 2
แต่ประเทศเกิดใหม่อย่างจีนเติบโตเพียง 6.5 % และจากนี้ต่อไปจะไม่เห็นจีนเติบโตแบบหวือหวาเหมือนในอดีต
จากประเทศที่เคยเป็น 1 ใน 3 ของการเติบโตโลก ได้ส่งให้โลกหมุนช้าลง จนกว่าโลกจะหาแรงผลักดันเศรษฐกิจใหม่ที่มีขนาดใหญ่เหมือนจีนเจอ
1.จีนเติบโตมากจากโรงงานโลก
เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็วจากการผลักดันของโลกาภิวัตน์ ประเทศชั้นนำผลักดันฐานการผลิตมาที่ประเทศเกิดใหม่อย่างเช่นจีนเป็นฐานการผลิตสินค้า บริษัทต่างๆ เข้ามาตั้งโรงงานที่จีนเพื่อหวังแรงงานที่ถูก และตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนดีขึ้นอย่างมหาศาล แต่ในวันนี้ค่าแรงจีนเพิ่มสูงขึ้น(เกือบเท่าประเทศไทย)ตามเศรษฐกิจ การลงทุนจากนักลงทุนรายใหม่ๆ ในประเทศจีนเริ่มน้อยลงเพราะไม่เห็นความแตกต่างของค่าแรง
2.ประสบภาวะผลิตเกินมหาศาล
เศรษฐกิจโลกชะลอตัว จีนที่เคยเติบโตจากการลงทุน ครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจจีนมาจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติการลงทุนที่มากเกินไปเกิดการผลิตส่วนเกินที่มีมหาศาล ในวันนี้จีนมีความเสี่ยงหลักจากการผลิตเกิน และเริ่มลดราคาสินค้าระบายสินค้าที่ผลิตเกินออกสู่โลก ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกลดต่ำลง
3.หนี้ที่เพิ่มขึ้น
สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกกังวลคือ จีนกำลังจะเกิดภาวะวิกฤตทางการเงินจากหนี้ ในปี 2553 ประเทศจีนมีหนี้จาก GDP 150% และสิ้นปี 2558 เพิ่มเป็น 200% ระหว่างที่ GDP โตอย่างต่อเนื่อง จีนก็ต้องสร้างหนี้เพิ่มสูงขึ้นกว่าอัตราการเติบโตของ GDP และจีนเป็นประเทศทีสร้างหนี้เพิ่มสูงที่สุดในโลกเวลานี้ ส่วนอันดับ 2 คือฮ่องกง สาเหตุหลักมาจากชาวจีนเช่นกัน จากการคำนวณด้านเศรษฐศาสตร์พบกว่าหากหนี้หารด้วยรายได้เพิ่มขึ้นมากว่า 40% ของ GDP ส่วนใหญ่จะตามมาด้วยวิกฤตธนาคาร และเป็นสิ่งที่ทั่วโลกรอดูว่าจีนจะสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศออกจากวิกฤตนี้ได้หรือไม่
คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลก2559 3.1%2560 3.2%
2561 3.5% ที่มา : IMF, 2559
|
ที่มา : สัมมนา ”KK Annual Seminar 2016, พฤษภาคม 2559
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ