เมื่อแบรนด์รู้จักแรงงานเมียนมามากขึ้น ย่อมปรับกลยุทธ์ดึงดูดเม็ดเงินจากลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากขึ้น เพราะแรงงานเมียนมาในประเทศไทยนับว่าจะกลายเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสำหรับ ตลาดเพราะนับวันแรงงานกลุ่มนี้ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นในประเทศไทย
สังเกต ได้ว่าในนิคมบางนิคมเป็นนิคมที่มีแรงงานชาวเมียนมา และแรงงานเหล่านั้นไม่ได้เป็นแรงงานชนชั้นกรรมมาชีพเพียงอย่างเดียวแต่มี ทั้งแรงงานระดับหัวหน้าที่มีเงินเดือนมากถึง 30,000 บาท ขึ้นไปด้วย นอกจากนี้แรงงานชาวเมียนมาจำนวนมากในกรุงเทพยังมีความรู้ความสามารถในการ ประกอบอาชีพบาริสต้า ล่ามในโรงพยาบาลจากความรู้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ และเมียนมา ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเงินเดือนไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
1.ชอบอาหารหวานมัน
แรงงานชาวเมียนมาส่วนใหญ่นิยมทำอาหารรับประทานเองในกรณีที่ที่พักอาศัยมีพื้นที่ในการประกอบอาหาร โดยอาหารที่รับประทานนั้นจะเน้นการใส่ผงชูรสในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ ปรุงอาหารให้มีรสหวาน และมีความมัน เหตุผลที่ชอบรับประทารอาหารมันมาจากความเชื่อว่าการรับประทานอาหารมันเป็นเหมือนการอวยพรให้ชีวิตมั่งมี ร่ำรวย
สำหรับเครื่องดื่ม ชาวเมียนมานิยมดื่มชาที่หมักในน้ำมันพืช กาแฟผสมนม เพราะชอบความหวานมัน และนิยมดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ทั้งแบบขวดและแบบซอง เนื่องจากต้องการความสดชื่นจากการทำงานหนัก โดยพวกเขาจะนิยมเครื่องดื่มเกลือแร่แบบซองเพราะราคาประหยัด และชอบรับประทานหมากเพราะมองว่าหมากเป็นสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง บำรุงสุขภาพ
2.วันอาทิตย์คือวันเที่ยว
ส่วนใหญ่แล้วแรงงานเมียนมาจะใช้วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดประกอบกิจกรรมต่างๆ ทั้งนัดเจอเพื่อนฝูง แต่งตัวเหมือนกันเพื่อไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ โดยส่วนสาธารณะยอดนิยมได้แก่ สวนหลวงร.9, สวนรถไฟ, สวนจตุจักร, สวนหลังเซ็นทรัลพระราม2, สวนลุมพินี
เดินเที่ยวห้าง อิมพีเรียลลาดพร้าว (และเล่นสเก็ต) อิมพีเรียลสำโรง และเซ็นทรัลพระราม 2 ซึ่งเป็น 3 ห้างยอดนิยม รวมถึงเยี่ยมญาติ ซื้อสินค้าเข้าบ้าน และเรียนภาษาไทยเพิ่มเติม เพราะชาวเมียนมา 100% รู้สึกว่าตัวเองยังไม่สามารถฟัง พูด อ่าน เขียน และใช้ภาษาไทยได้ดีพอ
3.อยากไปเที่ยวอยุธยาและพัทยา
ด้วยชาวเมียนมาส่วนใหญ่ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมีภูมิลำเนาไม่ติดกับทะเล พวกเขามองว่าถ้ามีโอกาสอยากไปเที่ยวพัทยา หัวหิน และอยากไปอยุธยาเพื่อไว้พระ ชมสถานที่ที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาตามความศรัทธา
จากการสำรวจพบว่า 62% ของชาวเมียนมาอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด และ 54% สนใจจะไปหากมีบริการทัวร์นำเที่ยวในราคาที่ไม่เกิน 500 บาทต่อทริป
4. คอนวีเนียนสโตร์ร้านค้ายอดนิยมมือเมียนมามือใหม่
สถานที่ช็อปปิ้งยอดนิยมของชาวเมียนมามีอยู่ด้วยกัน 3 แห่งได้แก่ Hypermarket Convenience store และตลาดสด/ตลาดนัด โดยConvenience store เป็นร้านค้าที่ชาวเมียนมามือใหม่นิยมใช้บริการที่สุดเพราะใกล้สถานที่ทำงาน, ที่พักอาศัย โดยส่วนใหญ่สินค้าที่นิยมซื้อได้แก่ เครื่องดื่ม อาหาร ขนม และของใช้ส่วนตัว
Hypermarket ที่นิยมได้แก่ บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส พวกเขานิยมซื้อของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื่อผ้า โดยพวกเขานิยมซื้อสินค้าใน Hypermarket เมื่อได้รับเงินเดือน และเมื่อกลับเมียนมา นอกจากนี้ตลาดนัดหน้า Hypermarket ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้ายอดนิยมของชาวเมียนมาอีกด้วย
ส่วนตลาดสด / ตลาดนัด เป็นแหล่งช็อปปิ้งอาหารเมียน และสินค้านำเข้าจากประเทศเมียนมายอดนิยม เช่นเครื่องปรุงอาหาร ชา อาหารแห้ง และขนม โดยตลาดยอดนิยมของชาวเมียนมาได้แก่ ตลาดบางบอน ตลาดบางกะปิ ตลาดพระโขนง ตลาดปากน้ำ และตลาดมหาชัยนิเวศน์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีผู้ชาย และภาษาเมียนมา เพิ่มความสะดวกในการเลือกซื้อ
5. ชาวเมียนมามากกว่าครึ่งอยากมีบัตรกดเงินสด
ปัจจุบันชาวเมียนมา 92% ซื้อของเป็นเงินสด และ 31% สนใจจะซื้อของเงินผ่อนด้วยตัวเอง โดยปัจจุบันสินค้าผ่านนายจ้าหรือนายหน้าที่ติดต่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย และ 66% สนใจจะมีบัตรกดเงินสดเพื่อความอุ่นใจเมื่อต้องการใช้เงินเร่งด่วน
6.ไม่มี BrandLoyalty แต่ซื้อเพราะความเคยชิน
ชาวเมียนมามีพฤติกรรมในการซื้อสินค้าแบรนด์เดิมซ้ำอยู่เสมอ ทำให้แบรนด์มองว่า พวกเขามีความเป็น Brand Loyalty สูง แต่ความจริงแล้ว ขาวเมียนมาซื้อสินค้าจากความเคยชินมากกว่า ยืนยันได้จากเคส นมตรามะลิ แบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากชาวเมียนมาสูงกลับถูกเมินเมื่อเปลี่ยนแพคเก็จใหม่ และไม่มีโฆษณาออกมาว่าเปลี่ยนแพคเก็จใหม่ ด้วยเหตุผลไม่กล้าซื้อเพราะไม่เห็นสินค้าในกระป๋อง เมื่อนมตรามะลิออกโฆษณาเปลี่ยนแพคเก็จยอดจำหน่ายในกลุ่มชาวเมียนมาก็กลับมาอีกครั้ง ส่วนสินค้าที่แพคเก็จเห็นสินค้าด้านในการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จะไม่ค่อยมีผลกับการซื้อสินค้า
นอกจากนี้ชาวเมียนมายังใช้เวลาเลือกซื้อสินค้าไม่นาน ซื้อสินค้าจากฟังก์ชั่นที่มองเห็นก่อน ไม่ต่อรองราคาสินค้าเพราะความเกรงใจ แต่ถ้าของชินไหนแพงเกินก็จะไม่กลับมาซื้อที่ร้านนั้นอีก เพราะชาวเมียนมาส่วนใหญ่ซื้อสินค้าราคาไม่แพง ชอบมีเพื่อนไปซื้อของด้วยกันและซื้อของเลียนแบบกันเป็นแกงค์
Top Brand ขวัญใจชาวเมียนมาแชมพู
สบู่
โฟมล้างหน้า
ครีมทาผิว
ยาสีฟัน
โรลออน
ที่มา : จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 150 คน ของ CMMU |
7.ซื้อของกลับบ้านมากกว่า 3,000 บาทต่อครั้ง
เมื่อชาวเมียนมากลับประเทศ พวกเขานิยมซื้อสินค้าไทยกลับไปฝากคนทางบ้าน เนื่องจากมองว่าสินค้าไทยเป็นของดีมีคุณภาพ และจากการสำรวจ CMMU พบว่า 35% ของกลุ่มตัวอย่างซื้อของกลับบ้านครั้งหนึ่งมากกว่า 3,000 บาท และบาทคนซื้อของกลับบ้านครั้งหนึ่งมากกว่าหมื่นบาทก็มี โดยของใช้ยอดนิยมในการซื้อกลับได้แก่ ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว อาหาร และยารักษาโรค
8.มือถือเน้นเน็ตมากกว่าโทร
มือถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของขาวเมียนมา พวกเขายอมจ่ายเงินมือถือพรีเพดเฉลี่ยเดือนละ 500 บาท ในการติดต่อสื่อสาร แบ่งเป็น อินเทอร์เน็ต 54.7% และโทร 45.3% แต่ก็มีบางคนที่ยอมจ่ายค่าบริการมาถึงเดือนละ 1,500 บาทเลยทีเดียว
ส่วนแบรนด์มือถือยอดนิยมจากการสำรวจของ CMMU พบว่า 94.7% ใช้แบรนด์ดีแทค เพราะเพื่อนๆ ใช้ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามือถือค่ายอื่นมีสัญญาณคลื่นที่ดีกว่าก็ตาม และดีแทคออกซิมมิงกาละบาสำหรับชาวเมียนมาโดยเฉพาะ มีโปรโมชั่นโทรหาเครือข่ายเดียวกันได้ถูก รวมถึงโทรหาเบอร์เทเลนอร์ในเมียนมาในราคาถูกกว่าค่ายอื่นเพราะเป็นเครือข่ายเดียวกัน รวมถึงในช่วงเมียนมาน้ำท่วมดีแทคยังมีแคมเปญโอนเงินจากดีแทคไปเบอร์มือถือเทเลนอร์ที่เมียนมาพรี ทำให้แบรนด์ดีแทคซื้อใจชาวเมียนมามากขึ้น ส่วนอันดับ 2 คือเอไอเอส 4.7% ทรูมูฟเอช 0.7%
9.อินเทอร์เน็ตคือสื่อในดวงใจ
ใครว่าชาวเมียนมาดูแต่ทีวี เมียนมายุคใหม่ใช้เวลาในการรับสื่อจากอินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีสัดส่วนมากถึง 65.3% และสื่อทีวี 46.7%
โดยสื่ออินเทอร์เน็ตยอดนิยมได้แก่ Facebook 62.6% เพื่อแชท และนัดเจอเพื่อน Line 21.1% ติดต่อสื่อสารทั่วไป Youtube 18.4% สำหรับดูหนังฟังเพลง
ส่วนทีวีนิยมดูเวลากลับบ้านหลังเลิกงาน ช่องทีวียอดนิยมยังคงเป็นช่อง 7 สี 63% และช่อง3 24.6% และนิยมดูละครเป็นหลัก และมีดาราในดวงใจได้แก่ เวียร์ อั้ม พัชราภา ณเดชน์ ญาญ่า และคิมเบอร์ลี่
ที่มา : สัมมนาเจาะตลาดอย่างไรให้โดนใจแรงงานเมียนมาในไทย -CMMU, พฤษภาคม 2559
Insight แรงงานเมียนมา
แรงงานชาวเมียนมาถูกกฎหมายในไทย 1,053,337 คน
แบ่งเป็น
ชาย 610,841 คน
หญิง 442,536 คน
ที่มา : สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน, กุมภาพันธ์ 2559
แรงงานเมียนมามาจากไหน
ชาวเมียนมาประกอบไปด้วย 135 กลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ที่พบในเมืองไทยคือ พม่า ไทใหญ่ กะเหรี่ยง มอญ คะฉิ่น ยะไข่ ฉิ่น ว้า คะยำ ปะยู เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านชายแดนที่สำคัญดังนี้
สะพานข้ามมแม่น้ำสาย
เขตเทศบาลแม่สาย อ. แม่สาย จ. เชียงราย
สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่2
ต. สันผักฮี้ อ. แม่สาย จ. เชียงราย
บ้านริมเมย
หมู่ 2 ต. ท่าสายลวด อ. แม่สอด จ. ตาก
ท่าเทียบเรือสะพานปลา
ต. บางริ้น อ. เมือง จ. ระนอง
5 อาชีพหลักแรงงาน เมียนมา
โรงงาน 36.77%
ก่อสร้าง 17.77%
ขายส่ง/ปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ 16.00%
เกษตร 13.86%
งานบริการ 9.51%
อื่น 6.09%
ที่มา : สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน, กุมภาพันธ์ 2559
รายได้เฉลี่ย 9,000 บาท
รายได้เฉลี่ยแรงงานเมียนมา ประมาณ 9,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้แบบรายวันและสัปดาห์ โดย 6 สถานที่ที่มีแรงงานชาวเมียนมาสูงสุด(คิดเป็น 47.9% ของแรงงานเมียนมาในไทย) ได้แก่
1. สมุทรสาคร153,564 คน
2. กรุงเทพฯ 87,034 คน
3. เชียงใหม่ 81,508 คน
4. สมุทรปราการ 77,248คน
5. สุราษฎร์ธานี 63,665คน
6. ระนอง 41,604 คน
แรงงานเมียนมาส่วนใหญ่จะกันเงิน 75% ของเงินเดือน ส่งกลับประเทศ โดยในแต่ละปีแรงงานเมียนมาจะส่งเงินกับประเทศมากถึง 33,000 บาทต่อคนและถ้านำแรงงานขาวเมียนมาทั้งหมดในประเทศไทยมารวมกันจะเม็ดเงินส่ง กับประเทศทั้งสิ้น 60,000 ล้านบาทต่อปี
ทำงานไทยเพราะรายได้ดีและมีโอกาสเปิดกว้าง
แรงงานชาวเมียนมา 74.9% มีเหตุผลหลักในการเข้ามาทำงานที่ไทยคือ รายได้และโอกาสในการทำงานที่ไทยมีมากกว่าอยู่เมียนมา ที่มีรายได้ต่ำ แต่ค่าครองชีพสูง
13.4% ตามครอบครัวมา /ได้รับการชักชวน / หาประสบการณ์ให้ตัวเอง
7% ต้องการความมั่นคงปลอดภัย
4.6% ต้องการมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ชาวเมียนมายังรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดอากาสหว้างให้กับพวกเขา โดย 96% คิดว่าการเข้ามาทำงานในประเทศไทยทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
52% วางแผนอยู่ประเทศไทยมากกว่า 5 ปีขึ้นไป เพราะส่วนใหญ่แล้ว 1-2 ปีแรกของแรงงานเมียนมาในไทยจะเปลี่ยนงานบ่อยเพราะต้องการหางานที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
66% ต้องการอยู่ประเทศไทยถ้าได้รับใบอนุญาติถาวร
ที่มา : สัมมนาเจาะตลาดอย่างไรให้โดนใจแรงงานเมียนมาในไทย -CMMU, พฤษภาคม 2559
