เมื่อพูดถึงแบรนด์มินิมอล
ชื่อมูจิ คือชื่อแรก ๆ ที่เราเชื่อว่าหลายคนนึกถึง จากสินค้าที่มีดีไซน์เรียบง่าย ดูดี
และที่สำคัญหาซื้อได้ง่าย ในราคาที่เป็นมิตรมากขึ้น
ซึ่งต่างจากอดีตที่หลายคนมองว่าสินค้ามูจิในไทยมีราคาที่สูงกว่าที่ญี่ปุ่นพอสมควร หาซื้อยาก และมีสินค้าไม่หลากหลาย
การเปลี่ยนเปลงเหล่านี้มาจากเซ็นทรัลเปลี่ยนสถานะจากผู้ซื้อแฟรนไชส์มาเป็นผู้ร่วมทุนกับ Ryohin-Keikaku เจ้าของแบรนด์มูจิ เพื่อรุกธุรกิจในประเทศไทย
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราขอเล่าย้อนหลังอดีตของมูจิ ประเทศไทยหน่อยว่า
มูจิเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2549 โดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์เข้ามาบุกตลาด เปิดให้บริการสาขาแรกที่เซ็นทรัลชิดลม
ต่อมาในปี 2556 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล กับ Ryohin-Keikaku เปลี่ยนสถานะจากผู้ซื้อแฟรนไชส์เป็นผู้ร่วมทุนทำธุรกิจมูจิร่วมกัน ภายใต้ชื่อบริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ในทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
จากการมองเห็นโอกาสในตลาดมูจิ ประเทศไทย มาอย่างยาวนาน
การเปลี่ยนสถานะของสรรพสินค้าเซ็นทรัล และ Ryohin-Keikaku ในปี 2556 ด้วยเหตุผลคือ BOI ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การลงทุนต่างชาติให้มีความง่ายกว่าที่ผ่านมา
หลังจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล กับ Ryohin-Keikaku ทำธุรกิจร่วมทุนเป็นที่เรียบร้อย ภาพของมูจิในประเทศไทยยิ่งชัดเจนขึ้น ผ่านการทำตลาดเชิงรุกในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการขยายสาขา เพิ่มความหลากหลายในตัวสินค้า ไปพร้อม ๆ กับปรับราคาสินค้าที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าซื้อสินค้าจากมูจิในประเทศไทย หรือในญี่ปุ่นมีราคาแทบไม่แตกต่างกัน
ปัจจุบันมูจิในประเทศไทยอ้างอิงจาก Ryohin-Keikaku ในเดือนสิงหาคม 2565 มีสาขา 25 สาขา ขยายตัวเพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 3 สาขา
และมูจิในประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีสาขามากที่สุดในเอเชียตะวันออก/เอเชียใต้ และโอเชียเนีย
สำหรับรายได้มูจิประเทศไทยอ้างอิงจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผลประกอบการดังนี้
2560 รายได้รวม 871.37 ล้านบาท กำไร 71.25 ล้านบาท
2561 รายได้รวม 1,018.89 ล้านบาท กำไร 79.80 ล้านบาท
2562 รายได้รวม 1,144.72 ล้านบาท กำไร 71.52 ล้านบาท
2563 รายได้รวม 638.70 ล้านบาท กำไร 23.28 ล้านบาท
2564 รายได้รวม 995.12 ล้านบาท กำไร 28.43 ล้านบาท
เหตุผลที่รายได้มูจิ ประเทศไทยลดลงในปี 2563 มาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มาพร้อมมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
เรามองว่าเหตุผลที่มูจิในประเทศไทยเติบโตอย่างน่าสนใจ มาจาก
1. สินค้ามีความหลากหลาย นับตั้งแต่เสื้อผ้าผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก, ของใช้ในบ้าน, ของใช้ส่วนตัว, เครื่องเขียน อุปกรณ์ครัว, ขนม และอื่น ๆ ที่มีดีไซน์ที่มินิมอล เรียบง่าย ที่สามารถเข้าได้กับคนทุกเพศทุกวัย ใช้สีในการออกแบบอยู่บนพื้นฐาน ขาว ดำ เทา น้ำเงิน น้ำตาลเป็นหลัก ทำให้ลูกค้ามองว่าสามารถใช้สินค้าของมูจิได้โดยไม่มีคำว่าตกยุค และมีคุณภาพสมราคา
2. สาขามูจิถูกออกแบบการจัดวางสินค้า เรียบง่าย และให้ความผ่อนคลายในการเลือกดูสินค้า สร้างประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าโดยไม่เร่งรีบ และผ่อนคลาย
3. ราคาสินค้าไม่แตกต่างจากญี่ปุ่น มีการจัดแคมเปญลดราคาสินค้าอยู่สม่ำเสมอเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชม และซื้อสินค้ากลับไป รวมถึงใช้พลังของเซ็นทรัลสะสมคะแนน The 1 และส่วนลดที่เพิ่มขึ้นเมื่อจ่ายผ่านบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน
4. มีช่องทางจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมตสินค้าและแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ถึงเป้าหมายอยู่เสมอ
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เรามองว่าทำให้มูจิ ประเทศไทย สามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี
เมื่อพูดถึงมูจิ เราขอเล่าประวัติมูจิสักนิดหนึ่งว่า มูจิ เกิดขึ้นในปี 2523 ในยุคที่คนญี่ปุ่นนิยมใช้ของแบรนด์เนม และสินค้าฟุ่มเฟือย
โดย เซจิ สึสึมิ ประธานห้างสรรพสินค้าเซยู ประเทศญี่ปุ่นในสมัยนั้นมองว่าแม้ตลาดในประเทศญี่ปุ่นจะปกคลุมด้วยสินค้าแบรนด์เนม แต่เชื่อว่ายังมีผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ไม่ยึดติดกับแบรนด์ในราคาสมเหตุสมผล
ชื่อแบรนด์มูจิ จึงเกิดขึ้น โดยคำว่า MUJI มาจากคำว่า Mujirushi Ryohin ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าสินค้าคุณภาพไม่มีแบรนด์
พร้อมกับใช้หลักผลิตสินค้าอยู่บนแนวคิดหลักมาอย่างยาวนานถึง 42 ปี คือ
- การเลือกสรรวัสดุ
- ปรับปรุงพัฒนากระบวนการต่าง ๆ
- สร้างบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่าย
จากแนวคิดหลักที่เรากล่าวมาทำให้ปัจจุบันมูจิสามารถขยายอาณาจักรตัวเอง ด้วยสาขาทั่วโลกมากกว่า 1,000 แห่ง พร้อมทั้งสินค้ากว่า 7,000 รายการ เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าถึงสินค้าคุณภาพที่ไม่มีแบรนด์ แบรนด์นี้
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



