รายได้ KFC โดย CRG จบปีนี้ 6,300 ล้าน ตั้งเป้าปีหน้า 7,000 ล้าน ขยายสาขาเพิ่ม 30 แห่ง ทยอยเปิดร้านโมเดลใหม่ ใช้ ‘KFC Cafe’ by Arigato’ ดึงแทรฟฟิกเช้า-บ่าย
คุณปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์เคเอฟซี ภายใต้การบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารประเทศไทยเติบโตจากปี 64 ประมาณ 12.9% (อ้างอิงศูนย์วิจัยกสิกร) มีไฮไลท์ในช่วงโควิดตอนต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงการฟื้นกลับมาของยอดแทรฟฟิกหน้าร้าน
สำหรับ ซีอาร์จี ยอดขายในปีนี้เริ่มฟื้นกลับมา ส่งผลให้ภาพรวมในช่วงไตรมาส 1-3 เติบโต 25% หน้าร้านโต 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังคงคุ้นชินกับการสั่งอาหาร Delivery ทำให้ช่องทางนี้ยังคงสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ได้บ้าง
สัดส่วนการขาย Dine-in&Take away คิดเป็นประมาณ 75% ขณะที่Delivery อยู่ที่ 25% โดยที่ช่องทางเดลิเวอรี่นั้น เข้ามาช่วยในช่วงที่ร้านต้องแข่งขันกับเวลา แต่ในปีหน้าช่องทางนี้อาจลดความร้อนแรงลง ผลจากการกลับมาใช้ชีวิตของผู้คน
โดยที่ภาพรวมในปีนี้เริ่มกลับมาเป็นปกติขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีการเติบโตค่อนข้างต่ำ แต่ปีนี้ฟื้นกลับมาได้ เนื่องด้วยอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้คนไม่สามารถตัดลดได้
คุณปิยะพงศ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการขยายสาขา ยังคงยึดทำเลห้างค้าปลีก ศูนย์การค้าต่าง ๆ เป็นหลัก ประกอบกับทยอยเปิดโมเดลใหม่เพิ่มเติม อย่าง Shop house ร้านตามคูหา เป็นหน้าร้านที่เปิดตามหน้ามหาวิทยาลัย ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าวัยเรียน นักศึกษา ที่ต้องการสถานที่เรียนรู้ 24 ชั่วโมง นอกจากนั้น ยังใช้งบลงทุนถูกกว่า 40% เมื่อเทียบกับการเปิดสาขาปกติ
เเละในปีนี้ CRG คาดว่าจะสามารถทำรายได้ที่ 6,300 ล้าน ขณะที่ปีหน้าตั้งเป้าไว้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของ KFC เป็นพอร์ตที่ขับเคลื่อนภาพรวมของ CRG ประมาณ 40%
ขณะที่งบการลงทุนร้านยังคงอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท ทั้งในปีนี้เเละปีหน้า
อย่างไรก็ตาม คุณปิยะพงศ์คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดไก่ทอดอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ต่างจากปีก่อนนัก ขณะที่มูลค่า QSR รวมหมวดอื่น ๆ ประมาณ 40,000 ล้าน
ทั้งนี้ แบรนด์พยายามเพิ่มความหลากหลายด้วยการพัฒนาเมนูเครื่องดื่ม เพื่อสร้างโอกาสทางการขาย ที่ผ่านมา ‘KFC Cafe’ by Arigato’ มียอดจำหน่ายไป 2 ล้านแก้ว ช่วยดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการในช่วงเช้าและบ่ายมากขึ้น นอกเหนือจากช่วงพีคไทม์ของไก่ทอดในตอนเที่ยงเเละเย็น
รวมถึงขยายลูกค้าออกสู่กลุ่มคนรักเครื่องดื่มเเละของหวาน โดยปัจจุบันมี ‘KFC Cafe’ by Arigato’ มีจำนวนกว่า 260 สาขา
นอกจากนี้ สถานการณ์ในปีหน้า คุณปิยะพงศ์มองว่า ภาพรวมการเติบโตจะเป็นบวกมากขึ้น รายได้ช่องทาง Dine-in เพิ่มจากการกลับมาใช้ชีวิตของผู้คน ประกอบกับการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนช่องทาง Delivery จะยังคงเติบโตได้ แต่ไม่หวือหวา เนื่องจากกลุ่มคนบางส่วนยังคงคุ้นชินกับการสั่งช่องทางนี้
อีกทั้งเทรนด์ Green Concept เป็นสิ่งที่เเบรนด์ต้องโฟกัส เริ่มจากการปรับคอนเซ็ปต์ร้านให้เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมมากขึ้น นำร่องโดย KFC Green Store สาขาราชพฤกษ์ เป็นที่เเรก
และเป็นที่น่าสนใจว่า ด้วยความที่เคเอฟซีเป็นเดสทิเนชั่นสำหรับกลุ่มครอบครัว ส่งผลให้การรับประทานเคเอฟซีของคนไทย มีความเกี่ยวพันกับช่วงซีซั่นนอล เนื่องจากเป็นเมนูอาหารที่ส่วนใหญ่รับประทานด้วยกันเป็นครอบครัว จึงทำยอดได้ดีในช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ที่คนรวมตัวกัน รวมถึงช่วงปิดเทอมของโรงเรียน และในปัจจุบันที่มีบอลโลกเข้ามา ก็สามารถดันยอดขายขึ้นได้ 10%
ในการขยายสาขาปี 2565 ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 20 แห่ง โดยที่สามไตรมาสที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 13 สาขา ที่เหลือทยอยเปิดในไตรมาสสี่
ส่งผลให้ภายในปีนี้ KFC ภายใต้การดูแลของ CRG จะมีจำนวนสาขารวมทั้งหมด 320 สาขา ใน 70 จังหวัด ขณะที่ปี 2566 ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 30 แห่ง และเป็นการลุยเปิดในจังหวัดใหม่ ๆ อย่างบึงกาฬ และหนองบัวลำภู
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



