ความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกและตำแหน่งโรงงานโลกแห่งใหม่ที่มีผลดีกับเวียดนามมาพักใหญ่ มีอันต้องสะดุด และกระทบต่อปากท้องของเหล่าฟันเฟืองตัวเล็ก ๆ เรือนหมื่นในหลายสายการผลิต
พนักงานโรงงาน 1,200 แห่งของอุตสาหกรรมรับจ้างผลิต (OEM) ในเวียดนามราว 40,000 คน ถูกปลด ขณะที่อีกเกือบ 500,000 คน ต้องถูกลดชั่วโมงการทำงาน สืบเนื่องจากหลายปัญหาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลก

และยอดการสั่งผลิตของแบรนด์ระดับโลกที่ลดลง ตามยอดการส่งออก หลังผู้บริโภคในชาติตะวันตกลดกำลังซื้อเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า
พนักงานโรงงานชาวเวียดนามที่ถูกเลิกจ้างจนต้องขาดรายได้ หรือที่รายได้ลดลงไปตามชั่วโมงการทำงาน มีตั้งแต่ที่ทำงานอยู่กับบริษัท OEM ไต้หวันกลุ่มอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและแบรนด์เครื่องกีฬาที่ผลิตรองเท้าและเสื้อผ้าแฟชั่นให้ Nike Adidas, Timberland และ K-Swiss

และพนักงานของ OEM ไต้หวันกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิต Smartphone ให้ Samsung ยักษ์เทคสัญชาติเกาหลีใต้ โดยสถานการณ์ถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะส่วนใหญ่คือผู้หญิงวัย 35 ปีขึ้นไป มีลูกและยังเป็นเสาหลักของครอบครัวอีกด้วย ส่วนบางคนต้องไปหางานใหม่ หลังทำงานเป็นสาวโรงงานมาเป็นสิบปี
เหงียน ทีทม สาวโรงงานชาวเวียดนามลูกสาม ที่ต้องตกงานจากกระแสการปลดใหญ่ครั้งนี้ กล่าวว่าต้องหันไปขายของขายอาหารและผลไม้เพื่อเลี้ยงตัวเองกับลูก ๆ ส่วนผู้ประสบชะตากรรมเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ต้องเร่งหางานก่อนที่เงินชดเชยการถูกเลิกจ้างจะหมดไป

ฝันร้ายของอุตสาหกรรมโรงงานเวียดนามครั้งนี้ มีเค้าลางมาตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว โดย ณ เวลาดังกล่าว ยอดส่งออกลดลงต่ำสุดมากเป็นอันดับ 2 ของปี ทั้งที่ตามปกติต้องเพิ่มกำลังและปริมาณการผลิตเพื่อให้ทันส่งสินค้าไปขายช่วงคริสต์มาสและปีใหม่
ปลายทางส่งออกที่ลดการสั่งผลิตสินค้าจากเวียดนามมากสุดคือสหรัฐฯ กับยุโรป ที่ปีนี้ลดการสั่งผลิตลง 30-40% และ 60% ตามลำดับ โดยส่งผลอย่างมากต่อโรงงานในเวียดนาม เพราะเศรษฐกิจเวียดนามพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก และตลาดใหญ่สุดก็คือสหรัฐฯ กับยุโรปนั่นเอง

สถานการณ์ของอุตสาหกรรมโรงงานถูกจับตามอง เพราะหลายปีมานี้ขึ้นมาเป็นฐานการผลิตใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทระดับโลกหลายแห่งในฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะแวดวงเทคโนโลยี ที่ต้องลดการพึ่งพาจีนและลดผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
นำมาสู่การลงทุนสร้างหรือขยายโรงงานของ Samsung Foxconn (OEM ของ Apple) Intel และ Lego จนมีส่วนสำคัญให้เศรษฐกิจเวียดนามโตแซงประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN

นอกจากนี้ ยังดึงดูดการลงทุนของบริษัทพลังงานยุโรป เพื่อป้อนพลังงานในดงโรงงานเวียดนามอีกด้วย
ทว่าก็เริ่มมีข่าวดีปรากฏให้เห็น โดยสมาคมธุรกิจในโฮจิมินห์ ซิตี คาดว่า วิกฤตดังกล่าวจะจบลงในปีนี้ และปี 2023 ยอดสั่งซื้อกับปริมาณการผลิตของโรงงานในเวียดนามน่าจะฟื้นกลับมาดีขึ้น
ถ้าเป็นไปตามคาดการณ์นี้ ก็จะทำให้กลับมามีการจ้างงาน และปัญหาทางการเงินของพนักงานโรงงานเวียดนามน่าจะทุเลาลงไป/japantoday


–
