W.F. Group น้องใหม่ธุรกิจ QSR ท้าชนเชนยักษ์ใหญ่ สร้างไทยเป็น “Food Destination” อันดับ 1

วันนี้ Marketeer อยู่ที่ร้าน EGGDROP แบรนด์แซนด์วิชชื่อดังจากเกาหลี ที่สายซีรีส์คงคุ้นเคยกันดีกับเจ้าแซนด์วิชไข่แพ็กเกจลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มักโชว์ตัวอยู่ในซีรีส์เกาหลีหลากหลายเรื่อง จนกลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ชวนให้ใครหลายคนอยากบินลัดฟ้าไปลิ้มลอง ซึ่งวันนี้ความอร่อยแบบต้นตำรับเกาหลีแท้ ๆ พร้อมเสิร์ฟให้กับคนไทยทุกคนแล้วกับ EGGDROP” สาขาแรกในไทย ณ เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ และยังนับเป็น “แฟรนไชส์สาขาแรกนอกประเทศเกาหลี” อีกด้วย

ในโอกาสพิเศษนี้ได้รับเกียรติจาก คุณแหวน-ณัฐภา กุลชล นักธุรกิจสาวรุ่นใหม่จาก W.F. Group ผู้นำแบรนด์ QSR (Quick service Restaurant) อันดับหนึ่งในเกาหลีมาให้คนไทยได้เปิดประสบการณ์ใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงเบื้องหลังการขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมเปิดกลยุทธ์นำ W.F. Group ขึ้นเป็น Leading Company ในธุรกิจร้านอาหารในอนาคต

จาก Huge Foodie สู่ Food Industry

“ส่วนตัวเรียนจบ Biomedical Science ที่ Lancaster University และมาจบปริญญาโท Drug Design ที่ UCL London ประเทศอังกฤษ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องอาหารแต่อย่างใด

แต่ด้วยความเป็น Huge Foodieคือชอบรับประทาน ตระเวนไปที่ต่าง ๆ เพื่อเสาะหาลิ้มลองของอร่อยขึ้นชื่อตามประเทศต่าง ๆ เลยคิดว่าอยากให้ที่ประเทศไทยได้มีอาหารคุณภาพดีรสชาติอร่อยจากต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นหาร้านอาหารอร่อย ๆ มาเปิดที่บ้านเรา เพื่อให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาติและคุณภาพระดับสากลที่แตกต่างจากที่เคยมีอยู่”

คุณแหวนเล่าถึงก้าวแรกของการเข้าสู่ธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อตั้ง W.F. Group ขึ้นในปี 2562 โดยมีเป้าหมายในการสร้างประเทศไทยให้เป็น “Food Destination” อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มที่คุณภาพดีที่สุด ให้คนไทยทุกคนได้ลิ้มลอง

โดยจะคัดเลือกเฉพาะแบรนด์ที่เคยเป็นลูกค้าและติดใจในรสชาติมาก่อนเป็นอันดับแรก เสมือนการทดสอบคุณภาพด้วยตัวเองก่อนนำเสนอแก่ลูกค้า พร้อมด้วยแนวทางในการเลือกแบรนด์ที่เน้นทั้งเรื่องคุณภาพและความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อต้องการนำเสนอ Products และ Services ที่ดีที่สุดให้กับคนไทยทุกคน

เปิดตัวแบรนด์แรกด้วย “Machi Machi (มาชิ มาชิ)
God of Cheese Tea” ประสบการณ์การดื่มชาอันเป็นเอกลักษณ์  

ร้านแรกที่ W.F. Group เลือกมาลงสนามได้แก่ Machi Machiแบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียมจากไต้หวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ เพื่อนรักของคนรักชา ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรสชาติชาที่เข้มข้นพร้อมกับผลิตภัณฑ์ชาที่สดใหม่ นำมาทำให้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น และไม่เหมือนใครกับชาเอกลักษณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชานมพานาคอตต้าแบบขวด ชีสโฟม หรือทาโร่บอล ที่ไม่ว่าใครได้ลิ้มลองก็ต้องติดใจกันทุกคน

“รู้จัก Machi Machi ครั้งแรกตอนอยู่ที่ลอนดอน ซึ่งเป็นร้านที่คนเยอะมาก ๆ และชานมพานาคอตต้าจะขายดีมาก ๆ เลิกเรียน 4 โมงเย็นมาถึงทีไรก็หมดตลอดไม่เคยได้ชิมเลยกระทั่งเรียนจบก็ยังไม่มีโอกาสได้ลอง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าอร่อยขนาดนั้นเลยหรือถึงได้ขายดีจนหมดก่อนตลอด พอเรียนจบมีแพลนบินไปเที่ยวไต้หวันถึงได้รู้ว่าร้านดั้งเดิมของ Machi Machi มาจากไต้หวัน พอได้ลองชิมแล้วชอบมาก ๆ มันแตกต่างจริง ๆ มีเอกลักษณ์ชัดเจน และที่สำคัญชาหอมมาก ๆ

และรู้สึกว่าอยากเปิดร้านชาที่ให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติของชาจริง ๆ ทุกแก้วของเราทำสด ชงกันแก้วต่อแก้ว ใส่ใจในทุกรายละเอียดของแก้วและขวด เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดเหมือนกินที่ไต้หวัน เราอยากให้คนไทยได้รับประสบการณ์แบบเดียวกันมากที่สุด

Machi Machi Thailand เปิดตัวครั้งแรกที่สยามสแควร์ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563 ด้วยปรัชญาของแบรนด์ที่มุ่งเน้นในการสร้างประสบการณ์การดื่มชาที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับฉายาว่า God of Cheese Tea” โดยจะใช้ใบชาที่มีคุณภาพสูงสุดจากไต้หวันเท่านั้น และใส่ใจในทุกรายละเอียดของรสชาติ พร้อมผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และศิลปะของการชงชาเข้าไปไว้ในทุกแก้ว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีความสุขในทุก ๆ วันให้กับลูกค้าที่ได้ดื่ม ภายใต้สโลแกน Its not just about a drink, Its a way of life

ท่ามกลางสมรภูมิราคาชานมไข่มุกในตลาดประเทศไทยที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยคุณภาพ เอกลักษณ์ และความน่ารักของแบรนด์ ทำให้ Machi Machi ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากสื่อและผู้คนมากมาย และสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว ถึง 6 สาขาในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย เซ็นทรัลชิดลม สามย่านมิตรทาวน์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สีลมคอมเพล็กซ์ เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ และสาขาใหม่ที่สยามสแควร์อีกหนึ่งแห่ง

“เราพยายามสร้างความแตกต่างออกมาจากร้านชานมทั่วไปที่ทุกคนคุ้นเคย ชาของเราเป็น Tea House จากไต้หวันเป็นใบชาจริง ๆ  มาจากไร่ชา Sun Moon Lake ที่ต้องประมูลใบชามาเพื่อขายในร้าน  ไม่ใช่ชาแบบสำเร็จรูปแบบร้านชานมส่วนมากใช้กัน และเราใช้นมสดแท้ ๆ คุณภาพสูง ไม่ใช่ครีมเทียมซึ่งเรายึดมั่นในการรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ ชาที่ส่งตรงมาจากไต้หวัน ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่คัดคุณภาพสูงสุด

นอกจากนี้ Machi Machi จะมีเมนูที่แตกต่างจากร้านชาอื่น ๆ รวมถึง Signature menu ที่เป็นชาแบบขวด ซึ่งแตกต่างหารับประทานที่อื่นไม่ได้ และจะพยายามคิดค้นเมนูใหม่ ๆ เพื่อให้คนไทยได้รับประสบการณ์การดื่มชาที่ดีที่สุดเสมอ”

อย่างไรก็ดี คุณแหวนเสริมว่า โจทย์ใหญ่อย่างหนึ่งของ Machi Machi คือ คนมักตัดสินใจซื้อชานมโดยใช้ราคาเป็นที่ตั้ง จะนำเสนอ Value อะไรต้องใช้เวลา และทำการบ้านอย่างหนัก

“ตลาดนี้แข่งกันเรื่องราคาสูงมาก ๆ หลาย ๆ ร้านทำโปร 1 แถม 1 ตลอดเวลา อย่างไรก็ดี เราไม่ต้องการเป็นแบบนั้น กลยุทธ์ที่ใช้ตอนนี้ คือ offer อะไรที่คู่แข่งไม่สามารถให้ได้ อย่างคุณค่าของแบรนด์ที่ลูกค้าจะได้รับไป เช่น เรามีเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างน่ารักก็จะเล่นกับการ Collaboration กับอะไรที่เป็นแบบใหม่ ๆ เราเคยทำการ Collab กับในกลุ่มสัตว์เลี้ยง อย่าง PET’N ME และ Hato เพื่อเจาะกลุ่มตลาดใหม่หาลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เข้ามา

รวมถึงโลโก้ของเราค่อนข้าง Unique ก็จะไป Collab กับศิลปิน อย่างล่าสุด เรา Collab กับชื่อว่า ‘Stickwithme4ever’ ออกมาเป็นรูปน้องหมา ก็ได้ลูกค้ากลุ่มแฟนของศิลปินเข้ามา ซึ่งเราก็จะเน้นกลยุทธ์นี้เพื่อขยายฐานไปยังลูกค้าใหม่ โดยดูตามเทรนด์ตลาดว่าจะไปในทิศทางไหน  ในปีนี้น่าจะมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง”

ปรากฏการณ์ “EGGDROP” สาขาแรกนอกแผ่นดินเกาหลี
พร้อมบริหาร
Master Franchise ทั้งหมดในไทย

มีโอกาสได้ไปรับประทาน EGGDROP ที่เกาหลี เพราะได้ยินมาว่าดังมาก ๆ เป็นร้านแซนด์วิชอันดับ 1 ของเกาหลี ซึ่งพอได้กัดคำแรกแล้วว้าวเลย เห็นเป็นภาพร้านนี้ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ให้คนไทยได้กิน แล้วคิดทันทีว่า ต้องเอาร้านนี้มาเปิดให้ได้

กระแสความนิยมที่ได้รับอิทธิพลจากซีรีส์เกาหลี ทำให้EGGDROP กลายเป็นแบรนด์ที่เชนอาหารยักษ์ใหญ่จ้องกันตาเป็นมันเพื่อให้ได้สิทธิ์บริหารแฟรนไชส์ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีเจ้าไหนได้ถือครอง และกลายเป็นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง W.F. Group ที่คว้าชิ้นปลามันมาเปิดบริการ “สาขาแรกนอกประเทศเกาหลี” ที่ประเทศไทย

คุณแหวนยอมรับว่า กว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านหลายขั้นตอนที่ต้องลงลึกในทุก ๆ รายละเอียด จนเกือบถอดใจไปแล้ว

“การดีลกับ EGGDROP เป็น Challenge ที่ยากและโหดมาก ๆ นี่เป็นสาขาแรกนอกประเทศเกาหลี ดังนั้นการดีลเรื่องต่าง ๆ จะถือเป็นเรื่องใหม่ของ EGGDROP นอกจากกำแพงภาษาที่เกาหลีเองก็ไม่ถนัดภาษาอังกฤษมากนัก ยังมีเรื่องของการอ่อนประสบการณ์ในการคุยกับต่างประเทศของเขา เขาไม่มี Know How อะไรเลย ไม่รู้ว่า Landscape นี้หน้าตาเป็นอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง เราเลยเหมือนต้องพัฒนา Know How ต่าง ๆ ไปด้วยกันทั้งหมด

ต่างจากแบรนด์ Machi Machi ที่เขาเปิดที่ไทยเป็นประเทศที่ 11 จะมีขั้นตอนเป็นลำดับชัดเจน และมี Success Guideline มาให้เราดำเนินการเป็นแนวทางจนสามารถเปิดและบริหารได้เลย และ EGGDROP ยังพิจารณาในทุก ๆ องค์ประกอบอย่างละเอียดมาก และใช้เวลานานมาก เรียกว่าดีลมาจนถอดใจว่าเขาไม่เอาเราแน่ ๆ”

จากการดีลในครั้งแรกถึงวันที่ EGGDROP ตอบว่าสนใจต้องใช้เวลานานถึง 11 เดือน ซึ่งนับว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่แบรนด์เนื้อหอมระดับนี้จะเลือกคู่ค้าเป็นบริษัทหน้าใหม่ที่ยังมีสเกลระดับ Startup และยิ่งไปกว่านั้นยังได้สิทธิ์ในการบริหาร Master Franchise ทั้งหมดในประเทศอีกด้วย

“พูดได้เลยว่าแบรนด์ระดับ EGGDROP เป็น QSR (Quick Service Restaurant) อันดับ 1 ในเกาหลี ได้รับการติดต่อจากกลุ่มธุรกิจและเชนดัง ๆ เจ้าใหญ่ในตลาดบ้านเรามากมาย แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีใครนำเข้ามาที่ไทยได้สักที เราก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาเลือกบริษัทที่ Partly Startup ทั้งที่เราติดต่อไปนานมาก ๆ จนเราไป Develop โปรเจกต์ใหม่จนจะเสร็จแล้ว อยู่ดี ๆ ก็ติดต่อกลับมาว่ายังสนใจอยู่ไหม ถ้าสนใจให้ส่งเป็น Business Plan ใหม่ไป เราก็รีบทำไปประมาณ 80 กว่าหน้า พร้อมบอกว่าเราสนใจ Master Franchises เขาก็อีเมลกลับมาเชิญให้ไปคุยกับ CEO ของเขา ซึ่งต้องบอกว่าเขามีสาขาในเกาหลีและแฟรนไชส์อีกรวมกันมากกว่า 260 สาขา ยังไม่เคยมีใครได้เจอผู้ก่อตั้งตัวจริงเลย เราเป็นรายแรก

อย่างไรก็ดี เบื้องต้น CEO ยังไม่สนใจขาย Master Franchises แต่จะขายแฟรนไชส์ให้เราลองไปเปิดก่อนแค่สาขาเดียว เราก็โอเคลองไปคุยกันก่อน จำได้เลยว่าพอเกาหลีเปิดประเทศวันที่ 1 เม.ย. 2565 เรารีบบินไปเลยวันที่ 3 เม.ย. ก็ได้ประชุมและ Pitch ให้ CEO เขาฟัง แล้วเขาเห็นความพยายามและความตั้งใจในการนำเสนอ EGGDROP ให้เข้ากับคนไทยในทุก ๆ ด้าน เห็น Passion ที่เรามีในด้านอาหารจริง ๆ และเชื่อว่าเราทำได้ วันรุ่งขึ้นก็โทรมาบอก เขาไม่ขายให้สาขาเดียวแล้ว แต่ให้เราเป็น Master Franchise ไปบริหารทั้งประเทศได้เลย แต่จะมีข้อกำหนดว่าต้องทำให้ได้ภายในกี่ปี มี Valuation ตามเกณฑ์มาตรฐานของเขา”

มากกว่าแซนด์วิชไข่ แต่คือ “แซนด์วิช EGGDROP”
มาตรฐานเกาหลี
มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้คนไทย

“เราตั้งใจที่จะทำให้ทุกอย่างของ EGGDROP เหมือนที่เกาหลีมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพอาหาร การบริการ และการตกแต่งร้าน เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด และได้มื้ออาหารที่มีคุณภาพเยี่ยมอีกมื้อหนึ่งในทุก ๆ วัน”

คุณแหวนกล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อน EGGDROP Thailand ที่พยายามคง Core Value ของออริจินัลให้ได้ครบถ้วนที่สุด เพื่อให้คนไทยได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับที่ได้รับประทานที่เกาหลี โดยส่งทีมงานเดินทางไปฝึกฝนที่สาขากังนัม เป็นเวลานานกว่า 1 เดือน เพื่อให้ลูกค้าที่ไทยทุกคนมั่นใจได้ว่าจะอร่อยเหมือน EGGDROP เกาหลีแน่นอน!

“นี่เป็นเรื่องของ Core Value ธุรกิจของ W.F. Group เวลาเราเลือกร้านจะเลือกที่ความเป็นเอกลักษณ์และคุณภาพของอาหาร ทุกแบรนด์ที่เราเลือกมาจะโดดเด่นแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดอย่างชัดเจน

อย่างแซนด์วิชไข่ของ EGGDROP มากับคอนเซปต์ Eggs makes better’ เป็นเมนูง่าย ๆ แต่หากินที่อื่นไม่ได้ เป็นแซนด์วิชไข่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะด้วยเรื่องรูปร่างหรือรสชาติที่การันตีว่าไม่มีที่ไหนเหมือนแน่นอน จะต้องเป็นที่ EGGDROP เท่านั้น

ทั้งนี้ อนาคตจะพัฒนา Localized Menu โดยจะทำตาม Research ว่าตลาดต้องการอะไร อาจจะเป็นแบบเวอร์ชันสำหรับคนไทย หรือเพิ่มเซตเมนู เพิ่มไอเทมเข้ามาเพื่อเจาะให้ได้ตอบโจทย์ตรงจุดกับทุกกลุ่ม”

เดินหน้าขยาย 75 สาขา ท้าชนตลาด QSR
พร้อมสร้างไทยให้เป็น “Food Destination” อันดับ 1

สำหรับแผนการขยายสาขานั้น W.F. Group ประกาศเดินหน้าท้าชนตลาด QSR ทุกเจ้า ด้วยแผนต่อยอดขยายต่อไปมากถึง 75 สาขา ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งคุณแหวนมองว่า EGGDROP เป็น Quality Food ที่มาเติมเต็มช่องว่างในตลาด QSR ได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่มีคุณภาพในเวลาที่รวดเร็ว และจะสามารถช่วยการเติบโตให้ขยายไปได้ในอนาคต

“การเลือกสาขาต่อ ๆ ไปนั้น จะโฟกัสตามกลุ่มเป้าหมายของที่นั้น ๆ อย่างสาขาแรกเราดีลกับห้างขอเปิดพิเศษในเวลา 07.00 น. เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษา สาขาต่อไปก็จะดูเรื่องเวลาเปิด-ปิด หรือจะเป็น In Mall หรือ Out Mall ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับ Target Market

อย่างไรก็ดี เราจะ Operations Excellence หรือมุ่งพัฒนากระบวนการทำงานให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีที่สุดเป็นหลักก่อน นี่คือจุดสำคัญ ทั้งการบริหารจัดการภายใน ความเร็วในครัว Service Excellence หรือ Customer Feedback ที่เราจะนำมาประเมินเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุด เพื่อที่เราสามารถจะขยายโดยสาขาที่มีอยู่ ไม่ได้รับผลกระทบ และคงคุณภาพที่ดีที่สุดไว้ได้ในทุก ๆ สาขา เชื่อว่าหลังจากตกผลึกแล้วเราจะสามารถขยายต่อไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”

คุณแหวนเสริมว่า W.F. Group ตั้งใจจะสร้างประสบการณ์การกินอาหาร Fast food คุณภาพ ผ่านคอนเซ็ปต์ All day  Quality Light Meal คือการที่ลูกค้าได้รับประทานอาหารคุณภาพ ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งนอกจาก Machi Machi และ EGGDROP แล้ว ยังตั้งใจจะนำเข้าแบรนด์ใหม่ ๆ มาให้คนไทยได้ลิ้มลองอาหารคุณภาพที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง และตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แปลกใหม่ แต่คงรสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทยไว้อย่างแน่นอน

รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ของ W.F. Group เองที่จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่แตกต่าง ให้ทุกคนได้ลิ้มลองในอนาคตอย่างแน่นอน เพื่อนำไปสู่เป้าประสงค์ใหญ่คือสร้างประเทศไทยให้เป็น “Food Destination” อันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เคยสงสัยไหมว่า ทำไมคนไปเที่ยวประเทศหนึ่งเพื่อรับประทานอาหารในร้านดัง ๆ ทั้ง ๆ ที่แบรนด์เหล่านั้นไม่ใช่แบรนด์ของประเทศนั้น ๆ เลยอยากให้คนที่บินมาประเทศไทยได้มากินของอร่อย ๆ ที่มีคุณภาพจากหลาย ๆ มุมทั่วโลก

เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในภูมิภาคอยู่แล้ว และยังมีความโดดเด่นในเรื่องอาหารที่ชัดเจน แต่เรายังขาด International Food ที่เป็นร้านระดับบิ๊กเนมชั้นนำที่ได้รับความนิยม เลยอยากดึงแบรนด์ดัง ๆ ต่าง ๆ มารวมด้วยกัน พร้อมทั้งสร้างแบรนด์ของเราเองเพื่อมีส่วนช่วยขับเคลื่อนในจุดนี้ เรียกว่าไม่ต้องบินไปที่อื่นแล้ว บินมาที่ไทยได้ลิ้มลองแบรนด์ชั้นนำจากรอบโลกแบบครบถ้วน แถมยังได้ท่องเที่ยวอีกด้วย”

ข้อมูลเพิ่มเติม

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน