คาราบาว กรุ๊ป มีโอกาสสำเร็จแค่ไหนในตลาดเบียร์ ? (วิเคราะห์)
จากแผนของ เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการ บมจ. คาราบาวกรุ๊ป ขยายพอร์ตไปยังธุรกิจเบียร์ ด้วยงบลงทุน 4,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวสู่ตลาดในไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างน้อย 2-3 รสชาติ เพื่อทดลองตลาดก่อนพัฒนาไปยังรสชาติใหม่ ๆ มากขึ้น
เหตุผลการเข้าสู่ตลาดเบียร์ของคาราบาวกรุ๊ป เหมือนเป็นไฟต์บังคับสร้างการเติบโตจากเหล้าสู่เบียร์
จากธุรกิจเหล้ามีโอกาสในการขยายตัวค่อนข้างยาก
และเมื่ออ้างอิงกับรายได้เก็บภาษีเหล้าของกรมสรรพสามิต พบว่า
รายได้จากภาษีเหล้าลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี
ในปี 2563 มีรายได้จากภาษีเหล้า 61,820.45 ล้านบาท
ปี 2564 59,602.79 ล้านบาท
ปี 2565 59,260.11 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากภาษีเบียร์กลับเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน
ปี 2563 80,026.83 ล้านบาท
ปี 2564 81,039.91 ล้านบาท
และปี 2565 85,035.20 ล้านบาท
และเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่คาราบาวกรุ๊ปอยู่ในธุรกิจมาก่อนหน้านั้น จากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ที่เปิดมากว่า 20 ปี
แม้ในตลาดเบียร์จะมีผู้เล่นที่ครองตลาดหลักอย่างค่ายสิงห์ และค่ายช้าง ที่ห้ำหั่นอยู่ในตลาดทุกเซกเมนต์ จากผลิตภัณฑ์หลากหลายแบรนด์
แต่ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมูลค่า 200,000 ล้านบาท วันนี้เริ่มเปิดกว้างจากการเข้ามาสร้างตลาดของแบรนด์ใหญ่ของโลก และแบรนด์เบียร์รายย่อย โดยเฉพาะคราฟเบียร์ต่าง ๆ ที่เข้ามาบุกตลาดอยู่เต็มเชลฟ์ สร้างทางเลือกให้กับนักดื่ม
และแม้แบรนด์เบียร์ต่าง ๆ จะออกมาโฆษณาในรูปแบบแมสไม่ได้ แต่ก็สร้างการเติบโตจากนักดื่มที่มองหารสชาติที่ชื่นชอบและแตกต่างจากรสชาติเดิม ๆ ที่คุ้นเคย
ตลอดจนการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ผู้บริโภคเริ่มมีกำลังจับจ่ายมากขึ้น
และอาจจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคาราบาวกรุ๊ปในธุรกิจเบียร์ได้อย่างน่าสนใจ เพราะเสถียรโฟกัสไปยังตลาดที่ไม่ใช่เบียร์อีโคโนมี และโรงงานที่ก่อตั้งมีกำลังการผลิตมากถึง 400 ล้านลิตรต่อปี
การส่งออกไปกระจายขายทั่วประเทศ จากต้นทุนสายส่งที่มีอยู่จึงเป็นไปไม่ได้ยาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาราบาว กรุ๊ป มีร้านขายปลีกของตัวเองอย่างถูกดีมีมาตรฐานกว่า 5,000 สาขา และร้าน CJ กว่า 1,000 สาขา ในปัจจุบัน
และจะขยายสาขา ร้านถูกดีมีมาตรฐาน เพิ่มเป็น 8,000 สาขา และ CJ เพิ่มอีก 250 สาขาในสิ้นปี
แต่รสชาติที่จะออกมาเปิดตลาดเป็นอย่างไร ผู้ดื่มคือคนตัดสิน
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
