ChatGPT หรือนี่จะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกจริงๆ (วิเคราะห์)

ตั้งแต่ ChatGPT ถูกเปิดตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 มีกระแสการพูดถึงแชตบอตตัวนี้อย่างล้นหลามในหลายแวดวง เนื่องมาจาก ChatGPT มีระบบ AI ที่สามารถหาคำตอบให้คู่สนทนาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติและสามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ โดยระบบจะรวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แล้วทำการประมวลผลเพื่อหาคำตอบให้แก่ผู้ใช้ ทำให้มีการพูดถึงความฉลาด และการนำความสามารถของChatGPTมาใช้ประโยชน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรมในวงกว้าง

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2565 ถึง 12 มีนาคม 2566  ผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE  พบว่ามีเอนเกจเมนต์ทั้งสิ้น 1,811,162 เอนเกจเมนต์และมีข้อความที่พูดถึงChatGPT 12,452 ข้อความ โดยพบเอนเกจเมนต์มากที่สุดในช่องทาง Facebook คิดเป็น 50.82%, Twitter คิดเป็น 28.65%, อื่น ๆ ได้แก่ ช่องทางข่าว (News), Youtube, Instagram, และ Forum ตามลำดับ

พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ ChatGPT ชัดเจน

จากรูป จะเห็นได้ว่า หลังจากเปิดตัวChatGPTเอนเกจเมนต์ที่เกิดขึ้นจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านช่องทาง TikTok จากนั้นเริ่มมีการพูดถึงความเคลื่อนไหวในแวดวงเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับChatGPTผ่านช่องทาง Facebook มากเป็นอันดับหนึ่ง สอดคล้องกับการเป็นโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งาน (Active User) สูงที่สุด* เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ ส่วน Twitter ข้อความพูดถึงเรื่องการแชร์ประสบการณ์ที่ได้จากการใช้ChatGPT โดยผู้ใช้งาน Twitter ที่ส่วนมากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีความสอดคล้องกันกับช่วงอายุในข้อมูล Demographics คือ ผู้ที่อายุ 18-34 สูงถึง 78% นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ที่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีแชตบอตตัวใหม่นี้เป็นผู้ชาย 73% และผู้หญิง 27%

ช่วงแห่ง Earned Media กระแสการทำความรู้จัก และบอกต่อ 

หากพิจารณาเอนเกจเมนต์หลังเปิดตัวในช่วงกลางเดือนมกราคม 2566 มีการพูดถึงความสามารถของChatGPTจากสื่อต่างประเทศ แล้วอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ประเทศไทยจึงนำมาขยายต่อ เช่น การที่แชตบอตตัวนี้สามารถสอบใบอนุญาตทางการแพทย์ของอเมริกาได้ถูกต้องถึง 60% ซึ่งโดยปกติคะแนนเฉลี่ยของผู้สอบผ่านจะอยู่ที่ 60% จึงจัดว่าChatGPT สามารถสอบเป็นหมอได้ อีกทั้งแชตบอตตัวนี้ยังสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัย Wharton ของสหรัฐอเมริกาได้ รวมไปถึงข่าว Microsoft เพิ่มทุนซื้อหุ้นChatGPT จาก 1 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์

จากนั้น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีการพูดถึงChatGPTที่อาจส่งผลกระทบอย่างสูง (Distruption) กับการค้นหาข้อมูลผ่าน Google (Google Search) Google จึงออกมาแถลงในบล็อกว่า แท้จริงแล้ว Google เองก็มี AI แบบเดียวกันที่ชื่อว่า Bard ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ รวมถึง Baidu ที่ประกาศแชตบอตของตน ‘Ernie Bot’ ซึ่งจะทดสอบเสร็จสิ้นภายในมีนาคมนี้เช่นกัน

ในช่วงเดียวกันนี้เอง อินฟลูเอนเซอร์ในไทยก็มีการทดลองใช้และแชร์ประสบการณ์ของตนผ่านสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะใน Twitter ไม่ว่าจะเป็น การให้ChatGPTตัวนี้แก้แกรมม่า ปรับรูปประโยคใหม่ด้วยอารมณ์ในการเขียนแบบต่าง ๆ เช่น เขียนแบบเป็นทางการ หรือเขียนแบบสุภาพแต่ต้องมีความสนิทชิดเชื้อ การแปลงภาษาของมนุษย์เป็นโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การแต่งเพลง การดูดวงด้วยศาสตร์ดูดวงดังของโลก และการปรึกษาในเชิงจิตวิทยา

นอกจากนี้ เริ่มมีการกล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากChatGPTที่เริ่มพลิกแพลงมากยิ่งขึ้น จากการพัฒนาChatGPTให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น เช่น การที่นักเขียน 500 คน ใช้ChatGPT เขียนบทความ และมีวางขายใน Amazon กว่า 200 เล่ม หรือการผนวกChatGPTเข้ากับแพลตฟอร์มอื่น เพื่อสร้างโครงการที่สามารถโต้ตอบ และเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตได้ในโลกจักรวาลนิรมิต (Metaverse)

ทั้งว้าวทั้งกลัว พี่ ChatGPT ขาาา

จากกระแสการพูดถึงChatGPTในไทย พบว่า 73% พูดด้วยความรู้สึกเป็นกลาง แต่ผู้ที่พูดถึงในเชิงบวก (Positive) หรือเชิงลบ (Negative) ยังมีจำนวนใกล้เคียงกัน คือ 13% และ 14% ตามลำดับ 

โดยผู้ที่พูดถึงในเชิงบวก (Positive) จะเป็นการพูดในเชิงประโยชน์ และความสามารถของ ChatGPT ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการหาคำตอบที่ไวกว่า Google Search การช่วยวางแผนงาน และลดเวลาในการทำงาน การช่วยในงานเขียน การเป็นที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจ กฎหมาย และจิตใจ การช่วยวิเคราะห์ข้อมูล การช่วยเขียนโค้ด ไปจนถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เช่น การแต่งเพลง การแต่งนิยาย การเขียนบทภาพยนตร์

ส่วนผู้ที่พูดถึงในเชิงลบ (Negative) จะเป็นเรื่องความสามารถที่อาจใช้ทดแทนแรงงานมนุษย์ได้ และการนำChatGPTไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การทำการบ้านแทน การที่เด็กใช้ChatGPTจนขาดการฝึกคิดวิเคราะห์ การที่สแกมเมอร์ ใช้ChatGPTช่วยคิดวิธีหลอกลวงผู้อื่น การช่วยแฮกเกอร์แฮกโปรแกรม เกม หรือการที่ChatGPTเริ่มตอบแบบมีอารมณ์และความรู้สึกคล้ายมนุษย์ ซึ่งทำให้ChatGPTดูน่ากลัว หากทำอะไรให้ไม่พอใจ

แบรนด์ไม่รอช้า พากันเกาะกระแส ChatGPT

ล่าสุด แบรนด์เริ่มเกาะกระแสChatGPTเพื่อช่วยในเรื่องการทำการตลาด โดย McDonald’s เปิดตัวไก่ทอดรสชาติใหม่ตามคำตอบที่ได้จากChatGPTในคำถามที่ว่า ไก่ทอดที่สมบูรณ์แบบต้องเป็นอย่างไร? แล้วแบรนด์ก็ผลิตไก่ทอดที่มีลักษณะเช่นนั้น!  

เราได้เห็นกระแสเกี่ยวกับChatGPTจากสื่อและอินฟลูเอนเซอร์ไปไม่น้อยแล้ว เป็นที่น่าติดตามต่อไปว่าเทคโนโลยีChatGPTหรือที่ Microsoft ได้อัปเกรดเป็น GPT-4 ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเดิม  จะเปลี่ยนโลกได้จริงไหม? บอกเลยว่า….รอชม!

อ้างอิง:

*Facebook เป็นสื่อโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้ (Active User) 37% จัดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย
ข้อมูลจาก We are social
https://datareportal.com/reports/digital-2023-thailand

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer