ดัชนีสำคัญ ๆ ในยุโรปวานนี้ (15 มี.ค.) ต่างพากันร่วงจนปิดในแดนลบ โดย DAX ของเยอรมนี ลดลงไป 3.32% CAC ของฝรั่งเศส ลด 3.68% ส่วน FTSE ลดลง 3.80%

หลังนักลงทุนทั่วทวีปกังวลต่อสถานการณ์ของ Credit Suisse หนึ่งในธนาคารใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์เผชิญวิกฤต ฉุดราคาหุ้นหายไปถึง 30% ลงไปเหลือเพียง 1.69 ดอลลาร์ (ราว 58 บาท) ต่อหุ้นเท่านั้น

จนธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ต้องยื่นมือเข้าช่วย เพื่อเสริมสภาพคล่องก่อนที่จะล้มละลาย ขณะที่ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตของธนาคาร SVB ในสหรัฐฯ  แม้ Credit Suisse ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวกับวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ โดยตรงก็ตาม

วิกฤตของ Credit Suisse เกิดจากปัญหาสะสมมากมายตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งการถูกปรับ 370 ล้านดอลลาร์ (ราว 12,700 ล้านบาท) เพราะไปพัวพันกับกรณีทุจริตพันธบัตรทูน่าในโมแซมบิก และขาดทุนไป 827 ล้านดอลลาร์ (ราว 28,500 ล้านบาท) จากเหตุกองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge fund) Archegos ลวงโลก

รวมไปถึงการถูกสื่อหลายสำนักเปิดโปงว่าไปพัวพันกับกรณีทุจริต การฟอกเงิน และอาชญากรรมทางการเงินมากมายก่อนหน้านั้น จนส่งผลสืบเนื่องให้ขาดสภาพคล่อง

และธนาคาร SNB ของซาอุดีอาระเบียผู้ถือหุ้นใหญ่ ปฏิเสธที่จะให้เงินกู้เพิ่ม เพราะปริมาณหุ้นที่ถือครองอยู่ถึงเพดานสูงสุด 10% ที่กำหนดไว้แล้ว

จากนี้ยังต้องติดตามว่า สถานการณ์ของ Credit Suisse จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะแม้ได้ขอกู้เงิน 53,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) จากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ มาเสริมสภาพคล่องระยะสั้นแล้ว

แต่ Credit Suisse เองก็ประวัติไม่ดี และตลาดการเงินโลกเวลานี้กำลังสะเทือนอย่างรุนแรงจากกรณีของธนาคาร SVB ในสหรัฐ/dw



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน