“การพัฒนาทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ มีจุดหมายเพื่อครองความเป็นแลนด์มาร์กที่พูดถึงกันทั่วโลก เป็นหนึ่งในใจผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เรายึดหลักการความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ที่ไม่ใช่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ต้องนำพาสิ่งแวดล้อมที่ดีกลับมาสู่สังคมด้วย สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นในการสร้างและส่งต่อคุณค่าสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายเจเนอเรชัน และสร้างโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

นราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบเรื่องความยั่งยืนของ “กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการศูนย์การค้าที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่อยู่คู่ประเทศไทยมาทุกยุคสมัย

สะท้อนคำกล่าวข้างต้น ด้วยแนวคิดในการพัฒนาโครงการทั้งหมดของสยามพิวรรธน์ตลอด 64 ปีของการดำเนินธุรกิจ อยู่ในรูปแบบ “ร่วมสร้าง” (Co-creation) โดยการร่วมมือกับคู่ค้า ร้านค้าผู้เช่า พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อส่งผลกระทบเชิงบวก (Net positive impact) ไปสู่ผู้คนชุมชนสังคมและประเทศชาติ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน

โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น 18,309 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1,064,466 ต้น

นั่นทำให้ สยามพิวรรธน์ เป็นองค์กรต้นแบบของการสร้างความยั่งยืนผ่านการบริหารการจัดการของเสียแบบครบวงจร (waste management)  และเตรียมขยายผลเพื่อต่อยอดแนวคิดการบริหารจัดการคัดแยกขยะไปสู่พื้นที่โดยรอบ ได้แก่ วัด โรงเรียน และชุมชน โดยสยามพิวรรธน์ พร้อมที่จะผนึกพันธมิตรในพื้นที่ปทุมวัน เพื่อร่วมกันพัฒนาโมเดลการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมใจกลางเมือง

Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste

“เราเดินหน้าสู่การเป็น “องค์กรขยะเป็นศูนย์” ภายใต้โครงการ “Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste” ที่คำนึงถึงการจัดการขยะแบบครบวงจรตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)  การรณรงค์เพื่อส่งเสริมการคัดแยกขยะ และนำขยะเข้าสู่กลไกการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ”

ความน่าสนใจคือในปี 2564 สยามพิวรรธน์ได้เริ่มต้นขับเคลื่อนโครงการ Recycle Collection Center (RCC) จุดรับวัสดุบรรจุภัณฑ์สะอาดที่ไม่ใช้แล้วแบบไดรฟ์ทรูแห่งแรกในประเทศไทย ดำเนินการร่วมกับกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด และเครือข่ายพันธมิตร เปิดให้คนทั่วไปสามารถนำขยะที่คัดแยกแล้วจากบ้านมาฝากส่งต่อเข้ากระบวนการรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบ นำมาเข้าสู่กระบวนการอัปไซคลิ่งเพิ่มมูลค่า โดยส่วนหนึ่งยังกลับมาวางจำหน่ายบนพื้นที่สำหรับสินค้ารักษ์โลก “อีโค่โทเปีย” (ECOTOPIA) ที่สยามดิสคัฟเวอรี่

ขณะที่ปี 2565 สยามพิวรรธน์เปิดโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนที่นำขยะมาฝากไว้กับโครงการ RCC สามารถสะสมและแลกเปลี่ยนเป็น VIZ coins ผ่าน ONESIAM SuperApp เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างประสบการณ์ในการเพิ่มมูลค่าขยะให้มีความเป็นพรีเมียม เปลี่ยนขยะจากสิ่งที่ไม่มีมูลค่าให้มีคุณค่า สามารถนำไปแลกสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ได้อีกมากมาย สร้างวิถีรักษ์โลกที่ง่าย สนุกและทำได้ทุกวัน ตอกย้ำให้เห็นว่าทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะได้ด้วยการร่วมกันคัดแยกขยะ นำขยะมารีไซเคิลต่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จากกระแสตอบรับที่ดีของลูกค้าและบุคคลทั่วไปที่นำขยะคัดแยกและทำความสะอาดจากบ้านมาฝากไว้กับ RCC ทำให้สยามพิวรรธน์ขยายเวลาการเก็บสะสม VIZ Coins กับโครงการ Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 จากเดิมที่สิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มี.ค. 66

เดินหน้าผลักดันเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม

หนึ่งในเรื่องที่สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ ความหลากหลาย เท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (Diversity, Equality, Inclusion) ในทุกด้าน อาทิ เพศ เชื้อชาติ สุขภาพ รวมทั้งการออกแบบทุกโครงการด้วยแนวคิดอารยสถาปัตย์ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงทุกพื้นที่ โดยได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร ช่วยเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ ยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการตลาด ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก รวมทั้งสร้างแบรนด์ร้านค้าในศูนย์การค้าต่าง ๆ ได้แก่

  • สุขสยาม (Sook Siam) พื้นที่ 14,000 ตรม. เมืองที่รวบรวมของดีจาก 77 จังหวัดทั่วไทย ปัจจุบันมีร้านค้าที่ได้มีโอกาสเข้ามาจำหน่ายสินค้ากว่า 3,000 ราย ช่วยสร้างยอดขายใน 4 ปีผ่านมาให้แก่ผู้ประกอบการและชุมชนทั้งสิ้นกว่า 2,000 ล้านบาท ถือเป็นการสร้างระบบนิเวศของธุรกิจค้าปลีก (Retail Ecosystem) ที่สร้างความสำเร็จร่วมกัน มีผู้ประกอบการหลายรายในชุมชนท้องถิ่นที่สามารถขยายธุรกิจและได้รับการติดต่อให้ไปวางจำหน่ายในต่างประเทศอีกด้วย

  • ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่รวมผลงานจากช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด ที่ได้เปิดโอกาสกับช่างฝีมือผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า 800 ราย จากทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ได้ก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรด และได้ขยายไปสู่ร้าน franchise ในต่างประเทศซึ่งมีเปิดดำเนินการร้านแรกแล้วที่มาเลเซีย และบุกตลาดไต้หวันและญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา  นอกจากนี้ ยังได้เปิดโซน Made by Beautiful People ให้แก่บุคคลพิเศษที่มีความสามารถในการออกแบบและผลิตสินค้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ด้อยโอกาส ผู้ต้องขัง ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ หรือเด็กพิเศษ เพื่อเปิดโอกาสให้จัดจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาตั้งใจถ่ายทอดและสร้างขึ้นจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ได้ส่งมอบพลังบวกให้กับผู้คนอีกจำนวนมาก

  • ODS (Objects of Desire Store) เป็นความร่วมมือกับกรมการค้าระหว่างประเทศเพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์และงานออกแบบที่โดดเด่นของดีไซเนอร์ที่ชนะรางวัลมาแล้วรวมกว่า 130 แบรนด์

ปัจจุบันสยามพิวรรธน์ได้ผนึกพันธมิตรชั้นนำ ครอบคลุมกว่า 50 รายจาก 13 กลุ่มอุตสาหกรรม เข้าสู่ระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) เชื่อมโยงคู่ค้า ร้านค้า ลูกค้า และผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน

“เราสร้างธุรกิจและโครงการที่เป็นต้นแบบในการปฏิวัติวงการค้าปลีกจากหลักการ sharing economy นำเสนอประสบการณ์เหนือความคาดหมายที่เกิดจากการร่วมสร้างใน Physical Platform และ Digital Platform ให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีความสำเร็จร่วมกันหลายโครงการ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ” นราทิพย์ กล่าวย้ำ

เติบโตแบบก้าวกระโดด เชื่อมธุรกิจสู่ผู้คน ชุมชนและโลก

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาวะเงินเฟ้อ หรือเศรษฐกิจที่ผันผวน สยามพิวรรธน์เองได้ปรับองค์กรเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินหน้าเติบโตแบบก้าวกระโดด เชื่อมธุรกิจสู่ผู้คนชุมชุมและสังคมโลก ด้วยการให้ความสำคัญกับความหลากหลาย พร้อมยกระดับการพัฒนาองค์กรให้เป็นแพลตฟอร์มเพื่อการเติบโตที่ดีและมีประสิทธิภาพ (Well-growing platform) ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร

สยามพิวรรธน์จึงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างคุณค่าให้กับพื้นที่โดยรอบโครงการที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ทำประโยชน์ เผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ผู้คน สังคม รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่อยู่รายล้อม พร้อมทั้งดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนต่าง ๆ อาทิ ชุมชนวัดปทุม ชุมชนปากคลองสาน เราเป็นศูนย์การเรียนรู้ เผยแพร่องค์ความรู้ให้แก่ชุมชน สังคมและองค์ทั้งภาครัฐและเอกชน

นราทิพย์  กล่าวทิ้งท้ายว่า “เพื่อสร้างโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เรายังสนับสนุนพนักงานในทุกเจเนอเรชัน ให้ใช้ศักยภาพสูงสุดของตนเอง สร้างโอกาสในการเติบโตและสร้างความภาคภูมิใจให้กับพนักงานที่เป็นส่วนหนึ่งในองค์กร



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน