ที่ผ่านมา MG มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนิยาม EV ของ MG นั้นไม่ใช่เพียงแค่รถไฟฟ้า แต่คือการลงมือทำทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ให้แข็งแกร่งผ่านการดำเนินการ
ทั้งหมดได้สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับผู้บริโภคคนไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคจากทั่วประเทศ ทั้งในมิติของการรับรู้และความชื่นชอบที่มีต่อแบรนด์ รวมทั้งลักษณะเฉพาะตัวของแบรนด์ (อาทิ ความน่าเชื่อถือ คุณภาพของสินค้าและบริการ และเอกลักษณ์ของแบรนด์ ฯลฯ) และเลือกให้ “แบรนด์ MG” ได้รับรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 ในหมวด “รถยนต์ไฟฟ้า” (EV Car) หรือที่เรียกกันว่า “รถ EV” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ EV ในไทย
นำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น
MG อาจไม่ใช่เจ้าแรกที่ขายรถ EV ในเมืองไทย แต่ MG เป็นผู้บุกเบิกตลาดในแง่การ ‘สร้างการรับรู้’ ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ EV จนทำให้รถ EV กลายเป็นเทรนด์ดั่งเช่นในทุกวันนี้”


คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงหนึ่งใน Key Success Factor ที่ทำให้ MG ประสบความสำเร็จในตลาดรถ EV คือการเดินหน้าสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับรถ EV ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งนับเป็นแกนหลักสำคัญสู่การเติบโตที่ยั่งยืนของ EV ในเมืองไทย ผ่านการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเตรียมความพร้อม ให้คนรุ่นใหม่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้เกิดขึ้นได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น จนทำให้รถ EV กลายเป็นเทรนด์ดั่งเช่นทุกวันนี้
ทั้งนี้ แนวคิดในการนำเสนอยานยนต์ของ MG ยังคงยึดมั่น 3 แนวคิดหลัก ได้แก่ 1) เทคโนโลยี 2) ความทันสมัยหรือแฟชั่น และ 3) ความคุ้มค่า ซึ่งทั้ง 3 แนวคิดหลักนี้จะถูกนำมาใช้ครอบคลุมในทุกจุด ตั้งแต่การออกแบบ การคิดค้นนวัตกรรม สมรรถนะ ฟังก์ชันการใช้งาน และระบบความปลอดภัย
“การพัฒนาของตัวผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ MG เราก็อยู่ภายใต้ 3 แนวคิดหลักที่เรายึดมั่นมาตลอด เทคโนโลยี คือความพยายามแนะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ สู่ตลาดรถยนต์เมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ความทันสมัย คือการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องของดีไซน์ ความคุ้มค่า คือ คุณค่าในการเป็นเจ้าของ นี่คือ 3 ปัจจัยหลักที่เราใช้ในการวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถยนต์ของเรามาโดยตลอด”
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์รถไฟฟ้า MG เป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภค คือการ “นำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น”
“จากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ และการซัปพอร์ตหลายจุด ทำให้รถ EV มีราคาจำหน่ายที่ถูกลง สร้างแรงกระตุ้นให้คนไทยหันมาให้ความสนใจและมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น MG ยิ่งมองเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคในมุมกว้าง จึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ในราคาที่เหมาะสมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และทำให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของรถยนต์ EV ในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนตลาดรถ EV ในไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งของ EV Ecosystem
รองรับการเติบโตมากกว่า 2 เท่าตัว
สำหรับทิศทางการเติบโตในปี 2023 นั้น ผู้บริหาร MG มองว่า ยังคงเป็นไปในทิศทางบวกจากหลากหลายปัจจัย รวมไปถึงเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในรถ EV มากขึ้น
“ปี 2022 เราเห็นตัวเลขเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จุดสำคัญคือภาครัฐมีนโยบายสนับสนุน ซึ่งมีผลจริงจังในช่วงกลางปี โดยภาพรวมเรามีรถ EV จดทะเบียนเกือบ ๆ แตะหลักหมื่นคัน ทำให้เห็นกระแสตอบรับที่ดีมาก
ปี 2023 นี้ ในช่วง 5 เดือนแรก เรามียอดจดทะเบียนแล้วเกือบ ๆ 25,000 คัน ดังนั้น จึงพอประเมินได้ว่าในปีนี้ มีโอกาสที่ยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าจะไปได้ถึง 40,000-50,000 คัน ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่มากกว่าเดิมถึง 2 เท่าตัว”
นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นว่า ตัวเลขเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้น มาจากการที่ผู้บริโภคชาวไทยคุ้นชินกับรถ EV มากขึ้น รวมไปถึงเทรนด์รักษ์โลกที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และร่วมกันสร้าง “สังคมคาร์บอนต่ำ” มากขึ้น และสิ่งสำคัญที่แบรนด์ต้องขับเคลื่อนตามตลาด คือการเดินหน้าเติมเต็มความสมบูรณ์ของ “EV Ecosystem” เพื่อรองรับสังคมรถไฟฟ้าที่เติบโต ตลอดจนบริการหลังการขายให้สมบูรณ์
“ข้อดีของรถ EV เมื่อเทียบกับรถสันดาป คือ สมรรถนะการขับขี่ การตอบสนองดีกว่า แต่พฤติกรรมในการใช้งานรถก็ต้องปรับเปลี่ยนไป ในทุก ๆ วันก่อนออกจากบ้านควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเหมือนกับโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งการเดินทางไปต่างจังหวัดในระยะทางไกล ๆ ต้องมีการวางแผนมากขึ้น เนื่องจากต้องพึ่งพาสถานีชาร์จเร็วระหว่างทาง ดังนั้น MG จึงเร่งพัฒนาในส่วนของสถานีชาร์จเร็ว ‘MG SUPER CHARGE STATION’ กระจายอยู่ในทุกพื้นพี่ พร้อมให้บริการแล้ว 135 แห่งทั่วไทย และตั้งเป้าให้โชว์รูม MG ทั่วประเทศสามารถอำนวยความสะดวกในการชาร์จให้กับลูกค้าทุกท่านได้”
คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่แบรนด์ MG มีสถานีชาร์จเร็วเป็นของตัวเอง จึงเป็นความได้เปรียบของลูกค้า MG ที่จะได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
“รูปแบบธุรกิจของรถยนต์ในเมืองไทยที่เป็นระบบ Dealership หรือ Network ตอนที่เราเข้ามาในไทยใหม่ ๆ จึงเน้นหนักในเรื่องขยาย Network ในช่วงระยะเวลา 10 ปี เรามีผู้จำหน่ายมากกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ
ถึงแม้ว่าการ Maintenance รถ EV อาจไม่ซับซ้อนมากนัก และค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่ากับรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง แต่ศูนย์บริการถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในช่วงการเปลี่ยนสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าเฉกเช่นปัจจุบัน ต้องมีการให้ความรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง และการดูแลรักษาเพื่อให้ลูกค้าสบายใจทุกครั้งที่ใช้งาน และยิ่งไปกว่านั้น การมีสถานีชาร์จเร็ว ‘MG SUPER CHARGE STATION’ ในทุก ๆ ศูนย์บริการ MG ยังช่วยเติมเต็มความเชื่อมั่น เกิดการตัดสินใจเลือกใช้แบรนด์ MG ได้อีกทางหนึ่ง”
MG ขับเคลื่อนสู่ทศวรรษที่ 2 ในไทย
การันตีคุณภาพมาตรฐานแบรนด์อังกฤษ
ในปี 2023 นี้ MG ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบหนึ่งทศวรรษ ยิ่งไปกว่านั้น “แบรนด์ MG” กำลังจะถือกำเนิดครบ 100 ปี ในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งในโอกาสพิเศษนี้จะได้เห็นกิจกรรมที่ MG จัดขึ้นเพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้า
“ปีนี้เราพยายามสื่อสาร 2 เรื่อง ทั้งการครบรอบ 10 ปีที่อยู่ในไทย และการก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 ของแบรนด์ เราพยายามจะสื่อสารเรื่องของแบรนด์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า แม้ปัจจุบันแบรนด์ MG ได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์จีนที่เข้ามาทำตลาดในไทย แต่ยังคงได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานตามแบบฉบับอังกฤษ จึงเป็นความแตกต่างของแบรนด์ที่มีแต่กำเนิด
เพราะเรายังคงแนวคิดของแบรนด์ MG ดั้งเดิมไว้ ซึ่งตลาดในยุโรปต่างให้การยอมรับและมีกระแสตอบรับที่ดีด้วยยอดขายที่ยังคงไหลมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เราพยายามสื่อสารให้เห็นว่า เรามีรถยนต์หลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่าง หลากหลายตามแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ เป้าหมายของเราคือพยายามเจาะเข้าถึงกลุ่มทุก Segment ให้ได้ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาอยู่ในครอบครัว MG ด้วยกัน ปัจจุบัน MG จำหน่ายรถไฟฟ้ามากถึง 5 รุ่น 5 สไตล์ เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับคนไทย”
สุดท้ายนี้ ผู้บริหาร MG ฝากคำขอบคุณถึงผู้บริโภคที่เชื่อมั่นเลือกให้ MG เป็นรถคู่ใจ
“ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา จากตัวเลขยอดขายหลักสิบคัน ค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนแตะหลักหมื่นคัน ต้องขอขอบคุณลูกค้าคนไทยทุกคนที่ไว้วางใจเลือกแบรนด์รถยนต์ MG เราพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
กับทุก ๆ ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ เราก็พร้อมเรียนรู้และเติบโตไปพร้อม ๆ กัน และขับเคลื่อนนโยบาย CUSTOMER CENTRIC สู่ส่วนงานต่าง ๆ ของบริษัทฯ เพื่อยกระดับธุรกิจขององค์กร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าคนไทยตลอดไป”
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ