สยามดิสคัฟเวอรี่ ประกาศตัวเป็น “Korea Hub” นำเสนอทุกกระเเส K-Culture พร้อมขยายสัดส่วนร้านอาหาร ดึงลูกค้าใช้เวลานานขึ้น คาดยอดแทรฟฟิกจะเพิ่มถึง 70,000 คนต่อวัน

หลังจากที่สยามดิสคัฟเวอรี่ประสบความสำเร็จกับการนำเข้าแบรนด์ดังในกระเเสของเกาหลีใต้มาจำหน่าย แล้วสร้างปรากฏการณ์มากมาย จนสปอตไลท์ของฝั่ง Young Generation พร้อมใจกันส่องมายังสยามดิสคัฟเวอรี่ ทำให้ภาพกลยุทธ์การพาตัวเองจับกลุ่มลูกค้าเด็กลงได้เเนวทางชัดเจนยิ่งขึ้น

หากเปรียบภาพของทั้งสามศูนย์การค้าสยามที่ตั้งอยู่ในเเนวระนาบเดียวกันนี้ Siam Center มี Positioning แบบ Diversity ที่เเมสกว่าอีกสองเเห่ง สำหรับทุก Generation นำเสนอความล้ำเทรนด์ เเต่ Siam Paragon จะอยู่ในคอนเซ็ปต์ ‘Luxury for all’ ขณะที่ Siam Discovery จะมีความยูนีค โดดเด่นที่ดีไซน์ หากเปรียบเป็นบุคคล เรียกได้ว่าเป็นคนที่ความยูนีคสูง ไลฟ์สไตล์เด่นชัด

สรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า ลูกค้าของสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยปกติส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม Shopaholic เดิมคือ Generation X และ Y เเต่เพียงหลังการเปิดตัวแบรนด์กระเป๋า Carlyn ทำให้ศูนย์ฯ เล็งเห็นศักยภาพของกลุ่มลูกค้า Young Generation ที่ปัจจุบันมีอำนาจซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 19-35 ปี ที่ศูนย์ฯ ต้องการให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ชูธงเป็น Korea Hub 

หนึ่งในเเม่เหล็กสำคัญในการดึงลูกค้าคนรุ่นใหม่ คือ K-Culture ที่อยู่ในความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งที่ผ่านมาสยามดิสคัฟเวอรี่ก็ประสบความสำเร็จกับการดึงแบรนด์ดังเกาหลีมาเปิด Pop-up อย่างมาก อาทิ Carlyn Popup Boutique ที่คนมาต่อคิวพรีออเดอร์จนเเถวยาวทะลักเป็นกิโลเมตร ตลอดจนแบรนด์แฟชั่นอีกมากมายที่ไอดอลคนดังเกาหลีนิยมสวมใส่ หรือจะเป็นการเปิด Boggle Boggle K-Ramyun Pop-up Shop ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลุกกระเเสร้านให้กลายเป็นสถานที่ฮิตในกลุ่มวัยรุ่น  

ทั้งหมดทำให้ภาพของการเป็น “K-Street Hub” ของสยามดิสคัฟเวอรี่โดดเด่นเป็นอย่างมาก

เเละเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สยามดิสคัฟเวอรี่ร่วมกับ shinsegae ห้างสรรพสินค้าลักชัวรีอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ เปิดป๊อปอัปสโตร์ K-fashion82 ร้านมัลติแบรนด์แฟชั่น ที่รวมเอา 9 แบรนด์ดังในเกาหลีใต้ อาทิ RYU CLASSIC, GRACE U, SEMICODE, FROMYITH, ADD STUDIO เป็นต้น มาเปิดถึงเดือนธันวาคมนี้ ส่งผลให้สยามดิสคัฟเวอรี่มีเเบรนด์แฟชั่นเกาหลีรวมว่า 100 แบรนด์

โซนใหม่ Flavor Lab เพิ่มสัดส่วนร้านอาหาร 

โจเซฟ เตียว ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า เมื่อก่อนพฤติกรรมของลูกค้าสยามดิสคัฟเวอรี่จะเป็นกลุ่มที่วางเเผนเพื่อเดินทางมาซื้อสินค้าโดยเฉพาะ เมื่อซื้อเเล้วก็เดินทางกลับ ดังนั้น การขยายสัดส่วนร้านอาหารจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยดึงลูกค้าให้ใช้เวลาภายในศูนย์ฯ มากขึ้นเป็นชั่วโมง

ด้วยการปรับพื้นที่ของชั้น 3 ทั้งหมด ให้เป็นโซเชียลคอมมูนิตี้และพื้นที่ของร้านอาหาร เรียกว่า “Flavor Lab” ปรับจากเดิมที่เป็น Culture Lab เพื่อเป็นไปตามกลยุทธ์ในการขยายช่วงเวลาที่ลูกค้าใช้ภายในศูนย์ฯ

Flavor Lab บนชั้น 3 จะนำเสนอร้านอาหารใหม่ทั้งไทยและนานาชาติยอดนิยมโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ อาทิ Bornga ร้านปิ้งย่างเกาหลีของเซเลบริตี้เชฟแบคจงวอนที่มีชื่อเสียงมากในเกาหลีใต้, Kagonoya ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวพรีเมียมชาบู, Kungthong Seafood และ Roberta’s ร้านอาหารจากสหรัฐอเมริกาที่มิชลินไกด์นิวยอร์กแนะนำ โดยจะเปิดภายใน ม.ค. 2567 นี้  

เเละเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีร้านเปิดให้บริการแล้ว ได้แก่ Babyccino & Co. เเละร้านโดนัทจากสหรัฐฯ Duck Donuts ทำให้ศูนย์ฯ มีร้านอาหารทั้งที่เปิดให้บริการเเล้วเเละกำลังจะเปิดในคอนเซ็ปต์ Flavor Lab รวม 12 ร้าน บนพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร

ด้าน ECOTOPIA ไฮไลท์ในปีนี้ยังมีการทำคอลแลบส์กับศิลปินต่อเนื่อง อาทิ  munins, fahfahfahs,  และ Peachful ภายใต้ concept “Decarbonization” ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะลายเส้นลงบนสินค้า ขณะที่ LOFT สเปเชียลตี้สโตร์ญี่ปุ่น ในปีหน้าวางแผนบุกตลาดกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ สร้างความแข็งแกร่งในการเข้าหาตลาดใหม่ ด้วยการ Co-create & Collaboration กับหลากหลายแบรนด์ดัง เน้นนำเสนอสินค้า Only @LOFT อาทิ สินค้าลิขสิทธิ์จากการ์ตูน เกม หรือศิลปินชื่อดัง รวมถึงตำนานอนิเมชัน 

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี สยามดิสคัฟเวอรรี่จัดเต็มด้วยการเนรมิตบรรยากาศในช่วงเฟสทีฟซีซั่น ด้วยผลงานคอลลาบอเรชั่นระดับโลก “Sustainable Living X’mas Tree 2023” ร่วมกับ Bellygom หมีสีชมพูที่โด่งดังจากเกาหลีใต้ ที่เคยสร้างผลงานร่วมกับแบรนด์ดังมาแล้วมากมาย อาทิ Applary, Barrel, Krispy Kreme, Nivea , Wiggle Wiggle เป็นต้น สามารถพบกับสินค้าคาแรกเตอร์ Bellygom ได้ที่ร้านลอฟท์อีกด้วย 

โดยปีนี้ช่วงไฮซีซันส่งท้ายปี สยามดิสคัฟเวอรี่ลงทุนงบส่งเสริมการตลาดส่งท้ายปี กว่า 50 ล้านบาท เพื่อเนรมิตบรรยากาศในช่วงเฟสทีฟซีซั่น      

สรัลธรกล่าวสรุปว่า การนำเสนอร้านค้าแบรนด์ใหม่จะเป็นเเม่เหล็กสำคัญที่ช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ สร้างยอดแทรฟฟิกได้ประมาณ 5-7 หมื่นคนต่อวัน จากเดิมอยู่ที่ 4-5 หมื่นคน และทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นกว่า 10-15% พาสยามดิสคัฟเวอรี่เป็นเดสทิเนชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครบครัน  เเต่คงความมีเอกลักษณ์ นำเสนอทุกเทรนด์และไลฟ์สไตล์ที่เป็นที่นิยมจากทุกมุมโลก 




ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer