อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 1,300 ลบ. กลับมามากกว่าพรีโควิด พร้อมลุยจับงานระดับกลางสัดส่วน 50% ของงานทั้งหมด หวังดันไทยเป็นฮับธุรกิจงานแสดงสินค้าตามรอยอินโดนีเซีย
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้จัดงานแสดงสินค้าระดับโลก เป็นที่รู้จักจากงานโชว์เครื่องประดับอัญมณีฮ่องกง สำหรับเฉพาะในประเทศไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ มีการจัดงานปีละไม่ต่ำกว่า 10 งาน ที่เป็นงานแสดงสินค้าของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม เพื่อสร้างพื้นที่การเจรจาการค้าของนักธุรกิจและภาครัฐทั้งไทยและต่างประเทศ อันผลักดันให้เกิดเม็ดเงินระดับหมื่นล้านบาทจากการเจรจาการค้าเเละการลงทุนในประเทศ
สรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจงานแสดงสินค้าและความสำเร็จของบริษัทฯ ในปี 2566 ว่า การฟื้นตัวของธุรกิจงานแสดงสินค้าหลังสถานการณ์โควิด การกลับมาจัดงานได้เต็มรูปแบบส่งผลให้การดำเนินงานของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเเละก้าวกระโดด รายได้รวมของบริษัท 1,300 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่กลับมามากกว่าช่วงก่อนโควิดเเล้ว
การกลับมาเติบโตได้เกิดจากการปรับตัว พัฒนาองค์กร พัฒนาบุคลากร ทำงานเชิงลึกด้านข้อมูลและเครื่องมือต่าง ๆ ร่วมกับบริษัทเเม่ เพื่อสร้างงานศักยภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงเพิ่มจำนวนงานให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
ในปีนี้บริษัทได้จัดงานเพิ่ม 7 งาน รวมเป็น 13 งานตลอดทั้งปี เน้นดึงงานแสดงสินค้าระดับโลกเข้ามาจัดที่ไทย มุ่งเน้นการผลักดันโชว์ในเชิงคุณภาพ
การเพิ่มขึ้นของจำนวนโชว์และการผลักดันการจัดงาน ส่งผลบวกต่อประเทศไทย ทั้งในภาคอุตสาหกรรม การลงทุน เเละการท่องเที่ยว เนื่องจากจำนวนผู้เข้าร่วมงาน ทั้งผู้จัดแสดงเเละผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่มนักธุรกิจกำลังซื้อสูง ไม่เพียงเดินทางเข้าร่วมงานเเต่โดยส่วนใหญ่เเล้วจะอยู่พักผ่อนเพื่อท่องเที่ยวในไทยต่อ ทำให้เกิดการกระจายรายได้แก่ภาคอุตสาหกรรมอื่นด้วย
ซึ่งจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่จัดขึ้นโดยอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย มีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยรวมปีละประมาณ 20% สร้างมูลค่าการเจรจาการค้าและธุรกิจในงานและหลังจัดงานปีละหมื่นล้านบาท และยังส่งเสริมให้เกิดการจับจ่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจจำนวนมาก
สำหรับไลน์อัปในปีหน้ามีจำนวน 15 งาน แบ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเอง 8 งาน อาทิ Intermach, ProPak Asia, ASEAN Sustainable Energy, Thai Water Expo, CPHI, Food & Hospitality Thailand ฯลฯ เเละการร่วมมือกับบริษัทในเครือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในหลายประเทศมาจัดงานแบบร่วมทุน (Joint Venture) 7 งาน อาทิ Jewellery & Gem Asean Bangkok, Cosmoprof CBE Asean Bangkok, APLF ASEAN และ Vitafoods Asia มาจัดขึ้นในไทย
นอกจากนี้ ยังมีการจับมือกับพันธมิตรรายใหม่และคู่แข่งการจัดงานจากต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้น จำนวน 3 งาน คือ Plastic & Rubber Thailand, Medlab Asia และ Tyrexpo
งานจัดแสดงที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น บรรจุภัณฑ์ FI ส่วนผสมอาหาร Food & Hospitality ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ขึ้นตรงกับภาคการท่องเที่ยว หากภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเช่นกัน
เเต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ งานระดับกลาง (กลุ่มพลังงาน, Health & Wellness, manufacturing) ที่อยู่ในช่วงกำลังทะยาน โดยปกติการเติบโตจะอยู่ที่ 5-7% ต่อปี เเม้ไม่หวือหวาเเละเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เเต่หากทะยานขึ้นได้การเติบโตจะพุ่งพรวดถึง 20% ซึ่งถ้าจับทางถูกบริษัทจะสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดทันที
การให้ความสำคัญลองจับงานระดับนี้ในสัดส่วนที่มากขึ้นของพอร์ต ช่วยให้อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ได้หาเส้นทางการเติบโตใหม่ ๆ ที่จะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ในอนาคต
โดยปกติธุรกิจงานแสดงสินค้าจะให้ความสำคัญกับปัจจัยหลักคือ
- โลเคชั่น สถานที่จัดงานต้องรองรับความต้องการเดินทางที่มากพอ การเดินทางให้ความรู้สึกที่เหมาะสม ถ่ายทอดธีมตรงกับอุตสาหกรรมของงานโชว์นั้น ๆ
- ค่าใช้จ่าย ค่าเช่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าครองชีพในการใช้ชีวิตอยู่ ณ เมืองที่จัดงาน ว่าเหมาะสมหรือไม่
- และภาพรวมของอุตสาหกรรม ว่าในประเทศนั้น ๆ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานโชว์มีการเติบโต หรือสถานการณ์ตลาดเป็นอย่างไร
เเม้ไทยจะได้เปรียบด้านโลเคชั่นการเป็น Gateway อาเซียน เเต่อินโดนีเซียถือเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจจัดแสดงสินค้า เมื่อเทียบไทยกับประเทศอื่น ๆ ที่นับว่าเป็นประเทศเนื้อหอมของธุรกิจนี้เช่นกัน สามารถเปรียบเทียบให้เห็นความต่างได้ว่า
อินโดนีเซีย ขณะนี้เป็นฮับการจัดแสดงสินค้าอันดับหนึ่งของภูมิภาค เนื่องด้วยความได้เปรียบด้านจำนวนประชากร การบริโภคของโลคอลสูง ดังนั้น งานใหญ่ที่มุ่งเน้นการบริโภคจากคนในประเทศเป็นหลัก จะเลือกอินโดนีเซียเป็นเมืองจัดเเสดง
ขณะที่เวียดนาม เป็นประเทศที่ธุรกิจจัดแสดงสินค้ากำลังเติบโต ตลาดใหม่ ๆ จึงมักลงหลักปักฐานที่เวียดนาม เป็นสนามที่มีหน้าใหม่ลงเล่นหลากหลาย
สรรชาย กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพอย่างมากในการเป็น HUB การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของสถานที่ ค่าใช้จ่ายในการจัดงานและการเดินทางมาร่วมงานไม่สูงมาก เป็น Gateway to อาเซียน มีซอฟต์เพาเวอร์ ที่มีเสน่ห์ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรม
แต่สิ่งที่อยากขอให้ภาครัฐสนับสนุนเพิ่มเติม คือ การปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัดบางรายการ เช่น ส่วนผสมอาหาร เครื่องสำอาง อัญมณีและเครื่องประดับ ในมาตรฐานการนำเข้าเพื่อมาจัดแสดง เพื่อช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันไทยเป็น HUB ของการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติของภูมิภาคอย่างเเท้จริง
ทั้งนี้ การแข่งขันในปีหน้าจะร้อนแรงขึ้นกว่าในปีนี้หลายเท่า สะท้อนจากการที่หลายงานซึ่งเคยจัดแสดงในฮ่องกงและสิงคโปร์ ย้ายมาจัดในไทย
การเติบโตในปี 2567 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ราว 1,180 ล้านบาท ด้วยปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโต ทั้งการฟื้นตัวของธุรกิจที่เพิ่มขึ้น เเนวโน้มอัตราเงินเฟ้อโลกที่ผ่อนคลายลง การพัฒนาและการเปลี่ยนของเทคโนโลยีในหลายอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการลงทุนเครื่องจักรและเครื่องมือการผลิตใหม่ ๆ ตลอดจนนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและการสนับสนุนการจัดงานเเสดงสินค้าจากภาครัฐ และในปี 2568 คาดจะกลับมาทำนิวไฮอีกครั้ง 1,450 ล้านบาท
–


