ในแต่ละปีเราจ่ายเงินค่ายาและเสริมอาหารไปเท่าไร
เพราะที่ผ่านมาตลาดยาและเสริมอาหารเติบโตต่อเนื่องทุกปี
ในปี 2566 ตลาดยาในประเทศไทยโต 6% จากปี 2565
โดยตลาดนี้มีช่องทางหลักมาจากยาในโรงพยาบาลที่มีมูลค่ามากถึง 174,000 ล้านบาท และร้านขายยามูลค่า 38,000 ล้านบาท
การเติบโตนี้ส่วนหนึ่งมาจากผู้ป่วยต่างชาติกลับเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในไทยเพื่อรักษามากขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ
ส่วนในปี 2567 คาดการณ์ว่า ตลาดยามีมูลค่า 225,000 ล้านบาท เติบโต 6.1% มีมูลค่าจาก
ช่องทางโรงพยาบาล 180,000 ล้านบาท และร้านขายยา 45,000 ล้านบาท

ส่วนตลาดเสริมอาหารเป็นตลาดที่มีการเติบโตเช่นกัน ในปี 2566 มีมูลค่า 77,790 ล้านบาท เติบโต 7.9% การเติบโตนี้มาจากผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันโรคมากขึ้น
ส่วนปี 2567 คาดการณ์ตลาดเสริมอาหารมูลค่า 83,330 ล้านบาท เติบโต 7.1%
ถ้ามองไปที่ภาพรวมของตลาดเสริมอาหาร อ้างอิงจาก Kantar ปี 2565 เสริมอาหารที่ผู้บริโภคซื้อรับประทานมากที่สุด ได้แก่
เสริมสุขภาพองค์รวม เช่น วิตามินรวม, สารสกัดจากโสม, สารกลัดจากพืช 29%
เพื่อผิวพรรณและความงาม เช่น คอลลาเจน, แอลกลูตาไธโอน 21%
เสริมโปรตีน เช่น เวย์โปรตีน 19%
เสริมภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินซี, สังกะสี 8%
เพื่อควบคุมน้ำหนัก เช่น ไฟเบอร์, ผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหาร 7%
อื่น ๆ เช่น บำรุงสายตา, บำรุงกระดูกและข้อ, บำรุงสมอง และการนอนหลับ 16%
–
