เดี๋ยวก่อน คำสั้นๆ ที่อาจทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนตัวเองแล้ว

Life : ประโยคหนึ่งที่พูดกันมาตลอดในโลกการทำงาน ไม่ว่ายุคสมัย เทรนด์ และเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างไร คือคนทำงานเป็นกับทำงานดีนั้นต่างกัน

กลุ่มแรก คือ แค่คนทำงานให้ผ่านไปวัน ๆ ผลงานจึงไม่ได้ออกมาดีมาก และเป็นไปได้สูงว่า ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอด พร้อมมีเดี๋ยวก่อนเป็นคำพูดติดปาก ส่วนกลุ่มหลังคือคนที่ทำงานดี ขยันตั้งใจ และบริหารเวลากับงานได้ดี   

หากบริษัทไหนมีสัดส่วนของกลุ่มหลังมากกว่าผลงานและตัวเลขทางธุรกิจต่าง ๆ ที่มาย่อมดี แต่ถ้ามีกลุ่มหลังมากกว่าก็นับถอยหลังรอวันปิดบริษัทได้เลย

ดังนั้น ทุกบริษัทควรหมั่นสอดส่องว่ามีกลุ่มไหนอยู่มากกว่ากัน โดยถ้ามีกลุ่มแรกมากกว่า ก็ควรทำให้พวกเขาเลิกหลงผิดแล้วมาปรับปรุงตัวเองด้วยวิธีที่จะกล่าวถึงดังต่อไปนี้

 

ลำดับความสำคัญ: เมื่อเห็นว่ามีพนักงานชอบผัดวันประกันพรุ่งมากจนกลายเป็นปัญหา อย่างแรกที่ต้องทำคือ บอกให้พวกเขาลำดับความสำคัญของงานและสิ่งต่าง ๆ ว่าเรื่องไหนควรทำก่อน ทำถัดมา และทำหลังสุด รวมไปถึงพักไว้ก่อนได้

เพราะนอกจากเพิ่มทักษะการบริหารจัดการแล้ว ยังจะช่วยให้พวกเขาเห็นภาพรวม ขนาดของงานต่าง ๆ และทยอยลดคำว่าเดี๋ยวก่อนให้หมดไป หรืออย่างน้อยก็ทำให้การลงมือทำหลัง ‘เดี๋ยวก่อน’ ทุกครั้งเป็นไปอย่างจริงจังจนงานลุล่วง

จำแนกประเภทงาน: ถัดจากลำดับความสำคัญแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำเพื่อกำจัดนิสัยผัดวันประกันพรุ่งในตัวพนักงานให้หมดไป คือ จำแนกประเภทงาน เป็นระหว่าง งานหรือสิ่งที่ทำให้ดีและรักษามาตรฐานเอาไว้ อย่างงานประจำ หรืองานหลักที่ทำให้

เช่น ถ้าเป็นบรรดาพนักงานออฟฟิศ ก็ต้องทำงานในตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายบัญชีและฝ่ายขายให้ได้ดีตามมาตรฐาน

ส่วนงานหรือสิ่งที่ต้องทำอย่างถัดมา คือ เรื่องที่ยังไม่ต้องทำ หรือไม่ต้องทำบ่อย ๆ เช่น การเข้าไปเช็กความเคลื่อนไหวในสื่อโซเชียล เช็กเมล (ในกรณีเป็นงานที่รับงานจากการสั่งโดยตรงหรือทำคนเดียว) หรือไปสังสรรค์

เพราะแม้ไม่ได้ทำ ชีวิตก็ยังเดินหน้าต่อไปได้นั่นเอง

 

ไม่นิ่งนานเกินไป: ไม่ใช่แค่การบริหารจัดการงานเท่านั้นที่ช่วยให้พนักงานเลิกเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง และไม่ใช่มัวแต่ เดี๋ยวก่อน โดยบริษัทควรแนะให้พวกเขาแบ่งช่วงพักผ่อนออกเป็น Passive กับ Active  

Passive คือ การพักผ่อนโดยปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องกังวลอะไร เช่น นั่งดูซีรีส์เรื่องโปรดในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแบบยาว ๆ หรืออ่านหนังสือ ส่วน Active  คือ กิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการออกกำลังกาย

ทั้ง Passive กับ Active ควรทำคู่กัน เพื่อให้สิ่งที่ค้างอยู่ในหัวได้ตกผลึก และสมองกับร่างกายใช้ไปกับอย่างอื่นนอกเหนือจากงานบ้าง เพื่อให้สามารถกลับมาทำงานได้กระปรี้กระเปร่า มีประสิทธิภาพกว่าเดิมและเวลาทำงานเฉลี่ยลดลง

 

ลดเกียร์ลงบ้าง: อีกอย่างที่ควรทำเพื่อขจัดนิสัยผัดวันประกันพรุ่งคือการลดปริมาณงาน ไม่ให้กองสุมมากเกินไป โดยบริษัทและตัวพนักงานต้องอยู่กับความเป็นจริงว่า หากทำงานหนักแบบเดิม ๆ ต่อกันนาน ๆ ประสิทธิภาพงานอาจลดลง ทั้งงานทั้งสุขภาพต่างย่ำแย่ จนอาจกลับมาขอผัดวันประกันพรุ่งอีกโดยไม่รู้ตัว

เชื่อเถอะการลดปริมาณงานลงบ้างเป็นครั้งคราวจะดีกับงาน บริษัท และสุขภาพพนักงานในระยะยาว

 

ปรับตารางเวลา: วิธีสุดท้ายในการช่วยลดผัดวันประกันพรุ่งเกี่ยวกับข้อแรกแบบแทบแยกไม่ออก โดยเมื่อบริษัทไฟเขียวให้ ‘ลดเกียร์’ ก็ต้องมีการปรับตารางเวลาด้วย โดยอาจช่วยให้มีเวลาไปทำงานที่ยังค้างอยู่จนปิดจ็อบ หรือเวลาพักผ่อนให้หัวโล่งจากงานบ้าง

การปรับตารางเวลาในปัจจุบันเปิดกว้างมากขึ้น จากเทรนด์การทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Workspace) ระหว่างเข้าบริษัทกับทำงานอยู่บ้านนั่นเอง/fastcompany

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer