ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นอย่างไร ในวันที่ตันกำลังเดินเข้าสู่ตลาด (วิเคราะห์)
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในกลุ่มราคาไม่เกิน 15 บาท เป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงจากคู่แข่งหลักในไทยทั้งสามบริษัท ได้แก่ โอสถสภา, คาราบาว กรุ๊ป และ TCP ที่ส่วนใหญ่ออกสินค้าหลากแบรนด์ หลากสูตร จับกลุ่มเป้าหมายที่มีความชอบแตกต่างกันไป
และมีการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องจากแบรนด์ใหญ่วางกลยุทธ์การตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก เช่น ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร คนขับรถ พ่อค้าแม่ค้า และอื่น ๆ เพื่อสร้างการเติบโตของยอดจำหน่าย และส่วนแบ่งตลาดให้กับตัวเองมากที่สุด
แม้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงโดยเฉพาะตลาดราคาไม่เกิน 15 บาท ที่มีสัดส่วนมากกว่า 95% ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหมด
แต่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในวันนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2565
ในปี 2563 ตลาดชูกำลังมูลค่า 21,000 ล้านบาท
ปี 2564 มูลค่า 19,000 ล้านบาท
ปี 2565 มูลค่า 20,500 ล้านบาท
และปี 2566 มูลค่า 21,600 ล้านบาท

และการเติบโตนี้มาพร้อมกับแบรนด์น้องใหม่ในตลาดอย่าง ตัน พาวเวอร์ เครื่องดื่มชูกำลังจากค่ายอิชิตัน ของตัน ภาสกรนที
การลงเล่นตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของตันในครั้งนี้ไม่ได้ถือเป็นครั้งแรก เพราะในอดีตปี 2560 ตันเคยนำเครื่องดื่มชูกำลัง T247 ทำตลาดมาเจาะกลุ่มพนักงานบริษัท คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดชูกำลังที่เจาะกลุ่มแรงงานเป็นหลัก
พร้อมทุ่มเงินกว่า 200 ล้านบาทสร้างการรับรู้รูปแบบ 360 องศา ผ่านพรีเซนเตอร์ “เจ-เจตริน วรรธนะสิน และ สน-ยุกต์ เป็นตัวแทนของแบรนด์สื่อสารถึงภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์อื่น ๆ
แต่แบรนด์ T247 ทำตลาดได้เพียงสองปี ก็พาตัวเองออกจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไป
มาในคราวนี้ตันกลับมาทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังอีกครั้ง ผ่านการสร้างแบรนด์ใหม่ ตัน พาวเวอร์ จำหน่ายในราคาขวดละ 10 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายรับจ้างทั่วไป, เกษตรกร, พ่อค้าแม่ค้า, กรรมกร และพนักงานโรงงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับชูกำลังแบรนด์อื่น ๆ
พร้อมกับสร้างการรับรู้ ผ่านคอนเซ็ปต์ “ชีวิตไม่มีทางตัน” และจับมือกับ DKSH กระจายสินค้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ในปีแรก ตันวางเป้าหมายรายได้จาก ตัน พาวเวอร์ 300 ล้านบาท แต่เป้าหมายที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
จากการแข่งขันของ ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ที่มีบิ๊กเนมในตลาดแข่งขันต่างฟาดฟันเพื่อแย่งชิงรายได้ และส่วนแบ่งตลาดเช่นกัน
อย่างเช่น
โอสถสภา เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทุกแบรนด์รวมกันทั้งสิ้น 46.6% และมี M-150 แบรนด์หลักของบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังรวม
โดย M-150 วางกลยุทธ์สร้างสีสัน และยอดจำหน่ายให้กับแบรนด์ผ่านกิจกรรมการตลาดที่หลากหลาย เช่น การใช้พรีเซนเตอร์สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย, จัดกิจกรรม M-150 แจกทองทุกงานหมอลำ, จับมือกับเกม ROV จัดกิจกรรมแจกโค้ดรับไอเทม, แคมเปญคีบขวดปลดหนี้, ส่งฝาลุ้นทอง และอื่น ๆ
ส่วน คาราบาวแดง ผู้มีส่วนแบ่งตลาดในเครื่องดื่มชูกำลังเกือบ 23% ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้ยังคงวางกลยุทธ์การตลาดด้านราคา 10 บาท และสร้างการรับรู้ผ่าน สาวบาวแดง ที่มีกว่า 300-400 คนในปัจจุบัน เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรมในที่ต่าง ๆ, ใช้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ผ่านคาราบาวคัพ สนับสนุนฟุตบอลลีก
และยังคงกระตุ้นยอดจำหน่ายผ่านแคมเปญ บาวแดงช่วยคนไทยสร้างอาชีพ ส่งฝาเครื่องดื่มคาราบาวแดงชิงโชค เป็นปีที่ 3 อีกด้วย
นอกเหนือจากบิ๊กเนมในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแล้ว ตลาดนี้ยังมีผู้เล่นอื่น ๆ ลงแข่งขันในตลาด เช่น แรงเจอร์ ของเสริมสุข, คอมมานโด ของ กรุงสยามเครื่องดื่ม และ โวลต์ ของ อาเจ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การเข้ามาในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ ตัน พาวเวอร์ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับนักดื่มชูกำลังมากขึ้น
และเป็นการดื่มที่ไม่ควรเกินวันละ 2 ขวด ♦
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
