มัลตี้ บิวตี้ ทำความรู้จัก K-Beauty รีเทลสโตร์ 300 ล้าน ที่เกิดมาจากผู้ก่อตั้งหาซื้อคุชชั่นเกาหลีไม่ได้

มัลตี้ บิวตี้ ชูความแตกต่างด้วย K-Beauty ฉลองครบรอบ 7 ปี รายได้ 300 ล้าน ตั้งเป้าเติบโตสองเท่าทุกปี

หลังผ่านพ้นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลาดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางสามารถฟื้นตัวกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอางเพิ่มความสดใส (Color Make Up) ด้วยอิทธิพลของเทรนด์แต่งหน้าในยุค 90’s ที่กลับมาเป็นที่นิยม และมีส่วนแบ่งยอดจำหน่ายเป็นอับดับ 1 ขณะที่สกินแคร์อื่น ๆ ที่มาแรงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นงานผิวธรรมชาติ รวมถึงศาสตร์แห่งสี (Personal Color)

ร้านมัลตี้ บิวตี้ หรือ บริษัท มัลตี้ บิวตี้ จำกัด ช้อปที่รวมสกินแคร์และเครื่องสำอางแบรนด์เกาหลีมากที่สุดในประเทศไทย ประกาศครบรอบ 7 ปี  จากร้านตู้โชว์เล็ก ๆ ในสยาม ทะยานสู่บิวตี้รีเทลสโตร์ รายได้ 300 ล้านบาท

คุณไพลิน อึ๊งพลาชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลตี้ บิวตี้ จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ มัลตี้ บิวตี้ ว่า ย้อนกลับไปในช่วงเกือบสิบปี เธอตามหาซื้อคุชชั่นแบรนด์หนึ่งของเกาหลี

แต่ขณะนั้น K-Beauty ยังไม่บูมในไทย จึงยังไม่มีสินค้าเกาหลีจำหน่ายมากนัก ต้องซื้อผ่านพรีออเดอร์ แต่การสั่งพรีครั้งหนึ่งมูลค่าค่อนข้างแพง และไม่สามารถไว้ใจได้ว่าตนจะไม่โดนโกง จึงเป็นที่มาให้เธอปิ๊งไอเดียธุรกิจ เปิดช้อปที่รวมเครื่องสำอางของเกาหลี

ในตอนเริ่มต้นคุณไพลินเป็นผู้คัดเลือกแบรนด์เข้ามาจำหน่ายเอง ราว 10-20 แบรนด์ โดยซื้อสินค้าต่อจากดิสเทบิวเตอร์มาอีกที

ก่อตั้งร้านแห่งแรก ณ สยามสแควร์ บนพื้นที่ 10 ตารางเมตร เน้นจับกลุ่มลูกค้า K-Beauty Lover อายุ 18-24 ปี ด้วยความที่ไร้คู่แข่งที่มี position เดียวกัน และเป็นแบรนด์สโตร์แรกที่รวมแบรนด์ฮิตเกาหลีไว้ครบครันที่สุด

ทั้งยังเปิดให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าจริง สินค้าไม่ซ้ำกับร้านอื่น สร้างความตื่นเต้นให้แก่ตลาดมัลติแบรนด์ ส่งผลให้มัลตี้ บิวตี้ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว สามารถขยายสาขาได้ไว และเติบโตมากกว่าสองเท่าในทุกปี

ภาพรวมการแข่งขันของมัลติแบรนด์สโตร์ ยังดุเดือดทุกปี เพราะตลาดขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากความสวยความงามยังคงเป็นสิ่งจำเป็นของผู้บริโภคที่ไม่สามารถลดทอนได้ แต่มัลตี้ บิวตี้ เป็น K-Beauty รีเทลสโตร์ที่ไม่ได้มีคู่แข่งโดยตรง ค่อนข้างเป็นสเปเชียลตี้สโตร์

ปัจจุบันมีสินค้ารวมกว่า 400 แบรนด์ 10,000 SKU แบ่งเป็นเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ 10% เช่น Clio และ rom & nd  การนำเข้ายังคงเน้นสินค้าเกาหลี และสินค้าที่ไม่มีจำหน่ายที่อื่น  ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100-400 บาท ในปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ 200-400 บาท สินค้าในร้านพยายามเซตให้เป็นราคาที่ใกล้เคียงกับในเกาหลี สูงกว่าไม่เกิน 5%

โดยแบรนด์ที่บริษัทจะพิจารณานำเข้ามาจำหน่ายในไทย ขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบกันหลายประการ คือ คุณภาพสินค้า ตอบโจทย์ลูกค้าหรือไม่ และต้องอยู่ใน category ที่มี Market size ใหญ่ และจังหวะของกระแสอิงกับซีรีส์เกาหลี หรือไอดอลคนดังล้วนมีอิทธิพลทั้งหมด

กลุ่มลูกค้าเด็กขึ้น เพราะเด็กหญิงเริ่มแต่งหน้าเร็วขึ้น

การที่เด็กหญิงเริ่มแต่งหน้าเร็วขึ้น ทำให้ช่วงอายุของลูกค้า มัลตี้ บิวตี้ เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จากที่เคยอยู่ที่ 18-25 ปี ปรับเป็น 15 ปี โดยเริ่มจากการซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Colour เมคอัพ อย่าง ลิปกลอส

ปัจจุบันในภาพรวมกลุ่มลูกค้าของมัลตี้ บิวตี้ คือ วัยรุ่นอายุ 18-30 ต้น แต่บริษัทกำลังพยายามขยับช่วงอายุไปในกลุ่มสามสิบปลาย โดยการเพิ่มสินค้ากลุ่ม Personal Care มากขึ้น ยอดซื้อต่อบิล (basket size) อยู่ที่ราว  600-800 บาท

แม้กลุ่มลูกค้าสัดส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิงเกิน 95% แต่ปลายปีที่ผ่านมา พบสัดส่วนลูกค้าชายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มาอยู่ที่ 5-10%

เมคอัพยังเป็นคอนทริบิวหลัก

กลุ่มสินค้า Colour เมคอัพ ยังคงเป็นพอร์ตใหญ่ของมัลตี้ บิวตี้ ขับเคลื่อนยอดขายมากกว่า 50% ของยอดขายทั้งหมด ด้านสกินแคร์ 40% ตามด้วย Personal Care, น้ำหอม และ accessory 10% แบ่งเป็นแบรนด์เกาหลี 70% ไทย 30%

ปัจจุบันเปิดให้บริการครบรอบ 7 ปี ทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ ซอย 5, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เมกาบางนา, แฟชั่นไอส์แลนด์, ยูเนี่ยนมอลล์, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และเดอะมอลล์ บางแค ขนาดพื้นที่ร้านโดยเฉลี่ย 100-200 ตารางเมตร

Top 3 สาขาที่มียอดขายสูงสุด คือ สยามสแควร์, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และยูเนี่ยนมอลล์ ตามลำดับ แม้ยูเนี่ยนมอลล์ จะเปิดเป็นสาขาหลัง แต่ได้แทรฟฟิกที่สูงตรงทาร์เก็ต 100% ทำให้เพอร์ฟอร์แมนซ์ดีกว่าทุกสาขา

 

ขยายสาขาเพิ่ม 3 แห่ง

ปี 2567 เตรียมขยายสาขาเพิ่มใหม่ 3 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใช้งบลงทุน 10-15% ของยอดขาย ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดตั้งเป้าใช้เวลาสองปีเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์ ระบบหลังบ้าน การสื่อสารกับลูกค้า เล็งไว้ในหัวเมืองเป็นหลัก เพื่อกระจายและเข้าถึงลูกค้า

พัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ (Electronic Commerce) หรือการซื้อขายสินค้าบนออนไลน์ โดยเฉพาะ แอปพลิเคชันของร้านมัลตี้ บิวตี้ (Multy Beauty) ช่วยเพิ่มความสะดวกและสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ แข่งขันกับร้านค้าปลีกอื่น ๆ ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมีมาสัดส่วนสูงถึง 15% ของตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้า

ทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายของร้าน มัลตี้ บิวตี้ ในปี 2023 เติบโตพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่า ประมาณ 300 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2024 ร้านมัลตี้ บิวตี้ จะเติบโตได้มากกว่า 2 เท่า และโตต่อเนื่อง 2 เท่าทุกปี

กลยุทธ์รุก ตลาดเครื่องสำอาง ในปี 2024 เน้นการสื่อสารกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะ เรียลคอนเทนต์ (Real Content) และเรียลรีวิว (Real Review) รวมถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด (Promotional Event) ในเทศกาลต่าง ๆ วางงบโฆษณา 2% ของยอดขาย

ปลายปีนี้เตรียมนำเข้าแบรนด์เครื่องสำอางมาเปิดใหม่ 2 แบรนด์ และในอนาคตอาจได้เห็นการแต่งตั้งพรีเซนเตอร์ที่จะสร้าง Impact อย่างมหาศาลให้กับ มัลตี้ บิวตี้

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer