Trend: สิ่งใดก็ตามที่มีคุณอนันต์ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน เป็นสำนวนไทยเตือนให้ใช้สิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่างระมัดระวัง และต้องหูตากว้างไกลเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
ยิ่งในปัจจุบันที่ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เข้าถึงง่าย มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง และกระจายไปได้อย่างรวดเร็วผ่านเครือข่ายการสื่อสารที่ครอบคลุมทั่วถึง เราก็ยิ่งต้องรู้ทันเทคโนโลยี

ท่ามกลางข่าวคนตกเป็นเหยื่อเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น และผู้ที่ออกมาเตือนถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างระมัดระวัง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคือบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาเอง
OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT เอไอสั่งการผ่านข้อความ ประกาศว่าจะชะลอการปล่อย Voice Engine เอไอเลียนเสียงหรือ Voice Cloning ในวงกว้างเอาไว้ก่อน

เพราะกังวลว่าจะตกไปเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพในปี 2024 ที่มีการเลือกตั้งสำคัญ ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงพฤศจิกายน
และอยากให้บริษัทเทคโนโลยีมาร่วมกันออกฟีเจอร์ป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานระหว่างประเทศออกมาตรการควบคุมการใช้ เอไอทางเสียง เพื่อไม่ให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นภัยคุกคามสังคม

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลัง OpenAI พัฒนา Voice Engine ตั้งแต่ปี 2022 พร้อมความก้าวหน้าต่าง ๆ ที่อาจเปิดช่องให้มิจฉาชีพนำไปใช้ เช่น ใช้เวลาเพียง 15 วินาทีในการเลียนเสียง
ซึ่งนอกจากเนียนจนยากที่จะแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงเอไอหรือคนจริงแล้ว ยังสามารถออกแบบให้เสียงเอไอเหล่านั้นมีสำเนียงภาษาอังกฤษตามสำเนียงพูดของคนประเทศต่าง ๆ เช่น สำเนียงคนฝรั่งเศส

และสร้างเสียงพูดภาษาอื่น ๆ เช่น จีนกลาง สเปน และญี่ปุ่น เยอรมัน จึงหมายความว่าสามารถนำไปใช้ปล่อยลงไปในโทรศัพท์ และใช้ร่วมกับเทคโนโลยีปลอมแปลงเชิงลึก หรือ Deepfake อื่น ๆ เช่น ภาพและวิดีโอ ได้ง่ายจนน่าตกใจนั่นเอง
ทั้งที่มีการนำไปใช้ในทางที่ดี เช่น ศูนย์วิจัยทางประสาทวิทยาในสหรัฐฯ ที่ช่วยทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถทางการเปล่งเสียงกลับมาพูดได้อีกครั้ง
และกรมประชาสัมพันธ์ไอซ์แลนด์ที่ใช้ Voice cloning ควบคู่กับ Deepfake สร้างเสียงและภาพวิดีโอของนักแสดงตลกดังของประเทศมาใช้ในแคมเปญอวยพรปีใหม่เมื่อมกราคมที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวของ OpenAI ยังมีขึ้นท่ามกลางภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านโทรศัพท์ หรือที่ชาวไทยเรียกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และภัยคุกคามจาก Voice Cloning จนนักร้องต้องรวมตัวกันเรียกร้อง
Artist Right Alliance กลุ่มตัวแทนของนักร้องดังระดับโลกกว่า 200 คน ไล่จากรุ่นใหม่อย่าง Billie Eilish ตามด้วยรุ่นกลางอย่าง Katy Perry และไปถึงรุ่นใหญ่อย่าง Stevie Wonder ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการออกกฎควบคุมการใช้ Voice Cloning

ในวงการเพลง หลังเสียงบรรดานักร้องถูกปลอมขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้อนุญาต ไม่ได้ค่าสิขสิทธิ์เสียง ท่ามกลางความพยายามของค่ายเพลงที่ต้องการประหยัดงบการทำเพลง ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบศิลปิน
อย่างไรก็ตาม มีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนและคัดค้าน Voice Cloning โดยฝ่ายแรกเป็นฝ่ายปกครองในรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ซึ่งผ่านกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์ทางเสียงและภาพของศิลปิน
หรือกฎหมาย ELVIS เพื่อป้องกันไม่ให้เสียเปรียบหรือเป็นเหยื่อจากเอไอภาพและเสียงเมื่อมีนาคม ที่จะมีผลบังคับใช้กลางปี 2024
ส่วนฝ่ายที่คัดค้านเห็นว่าไม่ควรปิดกั้นการใช้ Voice Cloning เพราะจะเป็นอีกวิธีช่วยให้วงการเพลงพัฒนา ผ่านความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี

จากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Voice Cloning จะถูกนำไปใช้วงกว้างไปถึงไหน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะควบคุมการใช้กันอย่างไร และกรอบการควบคุมต่าง ๆ จะมีมากกว่าปัจจุบัน
เช่น การใส่ลายน้ำทางเสียงเพื่อสืบหาผู้ทำคนแรก และห้ามไม่ให้นำไปใช้ในเรื่องที่อาจเป็นอันตราย อย่างทางการเงิน ได้มากน้อยแค่ไหน
ท่ามกลางเทรนด์เกี่ยวเนื่องอีกอย่างที่น่าจะปรากฏให้เห็นมากขึ้น นั่นคือ การสอนวิธีแยกแยะ Deepfake ให้ประชากรของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก/bbc, theguardian, cnn
–
