กูร์เมต์ มาร์เก็ต และ กูร์เมต์ อีทส์ ถึงเวลาปรับโฉม อีกหนึ่งหมัดเด็ดของ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค

ในยุค Retail Disruption ห้างสรรพสินค้าจะปรับตัวอย่างไร?

พื้นที่ของห้างสรรพสินค้าในอนาคตจะต้อง “ใหญ่ขึ้น” หรือ “เล็กลง” คงยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด  แต่ในวันนี้เพื่อความอยู่รอดกับคู่แข่งหน้าใหม่ที่น่ากลัวอย่าง e-Market Place และ Social Commerce ดังนั้น ห้างสรรพสินค้าระดับยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยเลือกที่จะปรับกลยุทธ์และรูปแบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าด้วยการเน้น “การสร้างประสบการณ์” ซึ่งห้างที่อยู่ในรูปแบบโซเชียลมีเดียไม่สามารถตอบสนองให้กับลูกค้าได้

ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ กลุ่มเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ที่ลุกขึ้นปรับตัวครั้งใหญ่ในรอบ 4 ทศวรรษ ด้วยการทุ่มงบ 30,000 ล้านบาท พลิกโฉมสู่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ มหัศจรรย์ มหาศาล ที่มหานครแห่งใหม่ (CAPITAL OF LIFE WONDERS) ภายใต้คอนเซ็ปต์  “A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE : ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว”

เดอะมอลล์ บางแค ถือเป็นห้างลำดับที่ 4 ที่ปรับโฉมและเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2566  จากห้างเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 30 ปี มาในโฉมใหม่ที่มีคำว่า “ไลฟ์สโตร์” พ่วงเข้ามาด้วย หมายถึงห้างสรรพสินค้าที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

ความทรงจำของคนฝั่งธนเมื่อนึกถึงเดอะมอลล์ บางแค เมื่อ 30 ปีก่อน  คือภาพที่พ่อแม่พาลูกเล็ก ๆ ไปเล่นสวนน้ำ เดินกินอาหารในฟู้ดคอร์ตที่มีเสียงน้ำตกล้อมรอบตัว  แต่ในวันนี้โฉมใหม่ของเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค  กลายเป็นห้างทันสมัยที่สามารถพบเห็นได้ในเมืองอย่างพารากอน

ศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ด บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงที่มาของภาพลักษณ์ใหม่นี้ว่า “ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไปแล้ว  ประกอบกับเมืองขยายขึ้น ซึ่งเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค ถือเป็นอีกหนึ่งสาขาที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์  ในทำเลที่มีศักยภาพ เรามองว่าที่นี่คือศูนย์กลางของเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก”

จากการสำรวจพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เดินห้างเดอะ มอลล์ บางแค  แยกเป็นกลุ่ม Single Working 60%, กลุ่มครอบครัว  20% ที่เหลือคือกลุ่ม Silver Age  ซึ่งไม่ว่าทุกช่วงอายุหรือไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันแต่สิ่งหนึ่งที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น คือความเป็น Foodie หมายถึงเรื่องอาหารการกินที่คนยุคใหม่มองเป็นเรื่องสำคัญซึ่งสะท้อนถึงชีวิตที่มีความสุขกับเรื่องอาหาร

ดังนั้น เดอะมอลล์ไลฟ์สไตร์ บางแค ในส่วนของกูร์เมต์ มาร์เก็ต และกูร์เมต์ อีทส์ จึงปรับโฉมใหม่ภายใต้แนวคิดที่ล้อไปกับคอนเซ็ปต์หลักของศูนย์การค้าคือ “A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE” ที่พยายามเสนอประสบการณ์แปลกใหม่เรื่องการกินที่มีเฉพาะที่แห่งนี้ และเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา

กูร์เมต์ มาร์เก็ต และกูร์เมต์ อีทส์ ตั้งอยู่ชั้น G การปรับโฉมครั้งนี้ได้เพิ่มพื้นที่รวมกว่า 12,000 ตร.ม. ซึ่งศุภวุฒิกล่าวถึงโฉมใหม่ของทั้งกูร์เมต์ มาร์เก็ตและกูร์เมต์ อีทส์ นั้นอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์  3 เรื่องคือ

1. Urban คือการนำสิ่งที่ดีจากในเมืองมาสู่ชานเมือง เพื่อลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเข้าเมืองอีกต่อไป 2. Nature เรื่องความเป็นธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องที่เดอะ มอลล์ กรุ๊ปให้ความสำคัญที่สุดจนกลายเป็น DNA ที่ฝังลึกในจิตวิญญาณ  3. Life ต้องทำให้อาหารกลายเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของลูกค้า

“ต้องบอกว่าเรากำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินเข้ามาในกูร์เมต์ มาร์เก็ต ไม่ใช่เพื่อมาซื้อสินค้าอีกต่อไปแล้ว เรากำลังทำที่นี่ให้เป็นแหล่ง Foodtertainment  คือการมาซื้อประสบการณ์ และสนุกกับการซื้อ ดังนั้น ในกูร์เมต์ มาร์เก็ตเและกูร์เมต์ อีทส์ เราจะเน้น 4 เรื่องคือ

“1. ประสบการณ์ใหม่ ๆ 2. สินค้าที่เราคัดสรรมาให้ครบครัน ทั้งในแง่ความ Specialty และ Exclusivity อาทิ โซนต่าง ๆ ให้ง่ายต่อการเลือกซื้อสินค้าและแบรนด์ต่าง ๆ ที่คัดสรรมาให้เป็นพิเศษ 3. บรรยากาศในซูเปอร์ มาร์เก็ตต้องสนุก 4. Community เรายังให้ความสำคัญและคุณค่าในการทำงานร่วมกับชุมชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ทุกภาคส่วนเพื่อการเติบโตและพัฒนาที่ยั่งยืนไปด้วยกัน”

ณ วันนี้ กูร์เมต์ มาร์เก็ต กำลังทำหน้าที่ Foodtertainment  บนพื้นที่กว่า 6 พัน ตร.ม. เต็มไปด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  โดยศุภวุฒิยกตัวอย่าง เช่น

“เรื่องแรกที่เราปรับตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค อย่างเช่นเด็กที่ชอบกินผลไม้ แต่เขาไม่อยากกินทั้งลูกเราเลยจัดโซน “The Fruit & Vegetable Butchery” ในคอนเซ็ปต์ “You Pick We Cut” โดยมีเคาน์เตอร์  “You Pick We Cut” หมายถึงลูกค้าไปหยิบผลไม้อะไรมาก็ได้ เราจะบริการตัดแต่งให้พร้อมรับประทาน  หรืออยากทำเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ Smoothies หรืออยากรับประทานมะม่วงแต่ไม่อยากซื้อน้ำปลาหวานเราจะ MIX ให้เอง ส่วนคนรักเนื้อสัตว์เราก็มีเคาน์เตอร์ You Hunt We Cook ที่มีคอนเซ็ปต์แบบเดียวกัน โดยมีเมนูให้เลือกกว่า 70 เมนู ที่ปรุงโดยเชฟมืออาชีพ ในราคาที่จับต้องได้”

อีกโซนหนึ่งที่ดูเหมือนจะคึกคักมากเป็นพิเศษคือ The TALAD ไอเดียนี้มาจากการที่ศุภวุฒิได้ย้อนไปวัยเด็กที่คุณแม่พาไปเดินตลาดเยาวราช  เขาจึงนำของดีของเด็ดจากตลาดดัง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมารวมไว้ที่แห่งนี้  อาทิ เกี้ยมฉ่าย กานาฉ่าย ของร้านเจ๊แดง เยาวราช,  เต้าหู้ดำราชบุรี,  ลอดช่องวัดเจษฯ,  ข้าวแกงแม่ปุกจากตลาด อตก. เป็นต้น

Exclusive Brand หรือสินค้าที่มีขายเฉพาะที่กูร์เมต์ มาร์เก็ตแห่งนี้เท่านั้น ก็เป็นอีกหนึ่งไม้เด็ดที่สามารถดึงดูดเหล่า Foodies สายเนื้อด้วยการเปิดโซน The Butcher พร้อมนำเข้า James Madison  เนื้อเกรดพรีเมียม จากแหล่งที่ดีที่สุด 5 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ และอาร์เจนตินา รวมถึงการหั่นเนื้อตามที่ลูกค้าต้องการ

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่เดอะมอลล์ทำไว้ได้ดีจนกลายเป็นตำนานแห่ง Exclusive Brand ในเรื่องผลไม้ ซึ่งศุภวุฒิเล่าว่า

“เมื่อ 5-6 ปีก่อน ผมเอาทุเรียนนนท์มาขายที่นี่ ลูกละแสนบาทก็ยังขายได้  ในวันนี้เราไม่ใช่แค่นำผลไม้ที่ดีที่สุดมาขายแล้ว  แต่เข้าไปเราเลือกถึงต้นที่ดีที่สุดในฟาร์มนั้น ๆ ด้วย  ยกตัวอย่าง มะพร้าวลุงแดงคือสวนออแกนิกที่เราคิดว่าดีที่สุด ในวันนี้เราลงไปเลือกว่าต้นไหนคือต้นที่ดีที่สุดในสวนนี้ เพราะตอนนี้ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงทุกสวนได้หมด  เราจึงต้องปรับกลยุทธ์ เป็น very selective ไปอีกขั้น”

การสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้ายังไม่หมดแค่นั้น  โซน SEAFOOD เอาใจคนรักอาหารทะเลด้วยการจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่ทุกวัน ส่งตรงมาจากประมงพื้นบ้าน รวมถึงอาหารซีฟู้ดจาก 7 คาบสมุทร , Plant-Based ที่รวบรวมสินค้ากว่า 200 รายการ, Nail Shop Tokyo บริการทำเล็บสัญชาติญี่ปุ่น และ Pet Club สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงที่มีสินค้าทั้งอาหาร เครื่องใช้ และเสื้อผ้า ฯลฯ

ในส่วนโฉมใหม่ของ กูร์เมต์ อีทส์ ถูกยกระดับเป็น Food and Lifestyle Destination  บนพื้นที่กว่า 6,000  ตร.ม. ครบครันด้วยร้านอาหารชั้นเลิศที่ดีที่สุดจากทั่วโลกกว่า 350 ร้านค้า

“ในจำนวนร้านอาหารทั้งหมดใน กูร์เมต์ อีทส์ นั้น มีร้านที่น่าสนใจที่คิดว่าจะเป็นแม่เหล็กได้ อาทิ ร้านผัดไทยไฟทะลุ  หรือร้านทองสมิทธ์ ที่เปิดขายเฉพาะในเมือง  นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้ง 2 ร้านจะมาขายนอกเมืองให้คนฝั่งธนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีร้านฉวาง (แม่อวย) อาหารใต้ชื่อดังย่านพรานนก ที่ไม่เคยแตกสาขาเลย ก็มาเปิดขายข้าวแกงในราคาเดียวกับที่ขายอยู่ที่พรานนก”

ศุภวุฒิ เล่าถึงคอนเซ็ปต์กูร์เมต์ อีทส์ ว่ามีหลายอย่างที่เป็นแนวคิดใหม่ที่ท้าทายมาก  เช่น การนำโซน Food Court จำนวน 40 ร้านไปไว้ด้านหน้าของห้างที่ถือเป็นทำเลที่ดีที่สุด และเป็นครั้งแรกที่รวบรวมสตรีทฟู้ดชื่อดังระดับมิชลิน บิบ กูร์มองต์ อาทิ ผัดไทยไฟทะลุ, คนชงคนปรุง, บุญเลิศบะหมี่เกี๊ยวหมูย่างซีอิ๊ว, นายอ้วน เย็นตาโฟบะเต็ง เสาชิงช้า เกตุโอชา และเอลวิส สุกี้ เป็นต้น

ส่วน Take Home Shop ตั้งอยู่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ต ได้เพิ่มพื้นที่ให้มากถึง 4 พัน ตร.ม. โดยมีจุดที่น่าสนใจคือ Take Home Local ที่รวบรวมร้านดังในตำนานกว่า 50 ร้าน อาทิ หวานดำรง (แม่บุญช่วย), น้อยเบเกอรี่, ก้องน้ำตาลสดบ้านแพ้ว, หมูทอด ปลาทอดเมืองอุบล เป็นต้น ปิดท้ายด้วย Food Hall เช่น บุญตงกี่ ทองสมิทธ์ ซูชิทามะ เป็นต้น ที่ปรับลุคใหม่ในพื้นที่เล็กกระชับแต่ดูทันสมัยขึ้น

สุดท้ายกับสิ่งที่เดอะ มอลล์ ไม่เคยละเลยคือการสร้างชุมชน เพื่อให้คู่ค้าเติบโตไปพร้อม ๆ กับห้าง

“เรื่องที่เราให้ความสําคัญมาตลอดคือการเสริมสร้างชุมชน ทุกวันนี้ทีมงานยังลงสวนไปพบเกษตรกร พบผู้ประกอบการรายย่อยว่า มีอะไรที่ต้องปรับปรุงบ้าง  ผมว่าฝ่ายจัดซื้อของเราไม่เหมือนที่อื่น ที่อื่นที่ซื้อมาขายไป แต่เราทำมากกว่า ทุกวันนี้ทีมจัดซื้อของเรายังลงสวนไปพบเกษรกรเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน เช่น แพ็กเกจจิ้งไม่ดี  เราก็เข้าไปช่วยแนะนำ นี่เป็นเรื่องการสร้างความยั่งยืนที่เป็นหนึ่งใน DNA ของเดอะมอลล์”

สุดท้ายคือ บทสรุปของการปรับโฉมใหม่แบบ 360 องศาครั้งนี้ ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง ศุภวุฒิบอกว่า ช่วงไตรมาสแรกของการเปิด เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางแค อ้างอิงตัวเลขจากฝ่ายวิจัยพบว่าคอนเซ็ปต์ใหม่ของ กูร์เมต์ มาร์เก็ต และกูร์เมต์ อีทส์ สร้างความพอใจให้กับลูกค้าเพิ่มเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เดิมลูกค้ากลุ่ม First Jobber หรือกลุ่มเด็กวัยรุ่นเดิมมาเดินห้างเพียง 1% แต่หลังจากที่ปรับโฉมใหม่กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 10%

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online