วิถีเทพ เปิดประวัติห้างแรกนครสวรรค์ อดีตคู่แข่ง แฟรี่ แลนด์ วันนี้ยังคงสบายดีไหม

เมื่อ แฟรี่ แลนด์ ห้างท้องถิ่นที่อยู่คู่นครสวรรค์มาอย่างยาวนาน ประกาศขายห้างพร้อมที่ดินผ่านนายหน้าในราคา 550 ล้านบาท หลังจากที่เคยประกาศปิดในส่วนดีพาร์ทเมนต์สโตร์ในปี 2566 เพื่อปรับเป็นพื้นที่ให้เช่า ด้วยเหตุผลสินค้าในดีพาร์ทเมนต์สโตร์ของแฟรี่แลนด์มีราคาสูงลูกค้าไม่ค่อยซื้อ

การประกาศขายแฟรี่ แลนด์ด้วยราคา 550 ล้านบาท ผ่านนายหน้า ถือเป็นการปิดฉากธุรกิจอย่างเป็นทางการถาวรในอนาคตอันใกล้ เพราะในเฟซบุ๊กของแฟรี่แลนด์เริ่มนำสินทรัพย์เล็กๆ ที่ตัวเองมีอยู่ เช่น เก้าอี้ เชลฟ์สินค้าออกมาประกาศ รวมถึงนำสินค้าที่คงเหลืออยู่ออกมาขายลดราคาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านั้น

ถ้ามองไปที่อดีต แฟรี่ แลนด์ ถือเป็นหนึ่งในห้างคู่บุญที่อยู่คู่นครสวรรค์มาอย่างยาวนานกว่า 37 ปี และในอดีต แฟรี่ แลนด์ เป็นห้างท้องถิ่นที่ท้าชิงกับห้างวิถีเทพสรรพสินค้า ซึ่งห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในนครสวรรค์ ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2523 ด้วยโลเคชั่นที่อยู่ในเมืองและอยู่ห่างกันไม่มากนัก

ซึ่งในวันนี้วิถีเทพ สรรพสินค้ายังดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับโรงแรมวิถีเทพ เปิดอยู่ข้างห้าง และในปี 2546 มีการขยายธุรกิจเพิ่มอีก 1 แห่งในพื้นที่ใหม่ ในรูปแบบศูนย์การค้าสมัยใหม่ขนาดใหญ่ ในชื่อวี-สแควร์ ที่มีทั้งบิ๊กซี โรงหนังเมเจอร์ และร้านค้าแบรนด์ต่างๆ ดึงดูดลูกค้าเข้ามา

พร้อมกับรีโนเวตวี-สแควร์ พลาซ่า อีกครั้งในปี 2562 เพื่อตั้งรับการเปิดตัวของเซ็นทรัล นครสวรรค์ ที่ในช่วงเวลาแรกมีแผนเปิดตัวก่อนปี 2567

ส่วนวิถีเทพ สรรพสินค้ายังคงเน้นจุดขายห้างสรรพสินค้าในเมืองที่มีจุดเด่นซูเปอร์มาร์เก็ต และสินค้าราคาถูก เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อมาดูที่รายได้ของวิถีเทพสรรพสินค้า และวี-สแควร์ พลาซ่า จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะพบว่า ธุรกิจทั้งคู่ยังคงมีรายได้และกำไร

 

วิถีเทพ สรรพสินค้า

2562    รายได้รวม 350.76 ล้านบาท กำไร 2.41 ล้านบาท

2563    รายได้รวม 315.25 ล้านบาท กำไร 2.04 ล้านบาท

2564    รายได้รวม 319.91 ล้านบาท กำไร 2.17 ล้านบาท

2565    รายได้รวม 275.14 ล้านบาท กำไร 1.91 ล้านบาท

2566    รายได้รวม 286.23 ล้านบาท กำไร 1.65 ล้านบาท

 

วี-สแควร์ พลาซ่า

2562    รายได้รวม 425.11 ล้านบาท กำไร 60.11 ล้านบาท

2563    รายได้รวม 340.63 ล้านบาท กำไร 29.07 ล้านบาท

2564    รายได้รวม 322.55 ล้านบาท กำไร 32.27 ล้านบาท

2565    รายได้รวม 424.39 ล้านบาท กำไร 36.90 ล้านบาท

2566    รายได้รวม 448.72 ล้านบาท กำไร 49.73 ล้านบาท

การที่ วิถีเทพ สรรพสินค้า และวี-สแควร์ พลาซ่ายังคงมีผลกำไรจากรายได้ Marketeer มองว่ามาจากการปรับตัวและหาจุดเด่นของตัวเองเพื่อแข่งขัน

 

เพราะนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงจาก GPP : Gross Provincial Products หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดกว่า 109,316 ล้านบาท เป็น GPP ที่มากเป็นอันดับ 3 ในภาคเหนือ  รองจากเชียงใหม่ และกำแพงเพชร ผ่านประชากร 1.02 ล้านคน ที่มีรายได้เฉลี่ย 20,527 บาทต่อคนต่อครัวเรือน และมีอัตราการว่างงาน 0.26% เท่านั้น อ้างอิงจากสำนักงานสถิตินครสวรรค์

 

ซึ่งการมี GPP ที่สูง และประชากรจำนวนมาก เป็นหนึ่งเหตุผลที่ CPN นำเซ็นทรัล เข้ามาเปิดบริการในนครสวรรค์ ผ่านจุดเด่นการสร้างคอมมูนิตี้ในรูปแบบมิกซ์ยูส ทั้งโรงพยาบาล ศูนย์การค้า โรงแรม และที่พักอาศัย เพื่อดึงดูดนักช้อปให้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า เพื่อคาดหวังว่าจะสามารถสร้างทราฟิกเฉลี่ย 2.5 หมื่นคนต่อวัน จาก 6 จังหวัดได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท พิจิตร ลพบุรี กำแพงเพชร

และการเข้ามาของ เซ็นทรัล นครสวรรค์ อาจจะสร้างผลกระทบทั้งทางบวกและลบให้กับ วิถีเทพ สรรพสินค้า และวี-สแควร์ พลาซ่า ในอนาคตได้ เพราะเซ็นทรัล นครสวรรค์ อยู่ห้างจาก วี-สแควร์ พลาซ่าในระยะทางไม่เกิน 3 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากวิถีเทพ สรรพสินค้า สรรพสินค้าประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น

ซึ่ง วิถีเทพ สรรพสินค้า และ วี-สแควร์ พลาซ่า จะต่อกรกับห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัล นครสวรรค์ ไปได้แค่ไหน ดูกันต่อไป

Marketeer FYI

3 เหตุผลที่ทำให้ห้างท้องถิ่นในต่างจังหวัดไม่ได้ไปต่อ

1.ห้างสรรพสินค้าปรับสู่ศูนย์การค้าไม่ทัน

ห้างในอดีตจะเป็นห้างในรูปแบบดีพาร์ทเมนต์สโตร์เป็นหลัก ที่จำหน่ายสินค้าที่ห้างเป็นผู้หามาขาย เพื่อให้ลูกค้าช้อปและกลับบ้าน มากกว่าการมีโซนต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า และอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากในดีพาร์ทเมนต์สโตร์

ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการศูนย์การค้าที่ไม่ได้มีเพียงเข้ามาซื้อของและกลับบ้าน แต่เป็นที่สามารถทำธุระอื่นๆ และพักผ่อนหย่อยใจในรูปแบบที่หลากหลาย เช่นร้านอาหาร ธนาคาร ร้านค้าแบรนด์ต่างๆ และอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่มากกว่า เป็นต้น

ซึ่งถ้าห้างท้องถิ่นไม่มีจุดแข็งของตัวเองที่มากพอ หรือปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมการช้อปของคนรุ่นใหม่ไม่ทัน หรือไม่ถัดในการปรับตัวจากดีพาร์ทเมนต์สโตร์สู่ศูนย์การค้าอาจจะทำให้ปิดตัวลงจากสภาพคล่องในด้านต่างๆ

เพราะผู้ประกอบธุรกิจสรรพสินค้าในรูปแบบดีพาร์ทเมนต์สโตร์เพียงอย่างเดียวจะมีโมเดลธุรกิจซื้อมาขายไป เป็นหลัก

แต่ธุรกิจศูนย์การค้าจะมีโมเดลของการบริหารอสังหาริมทรัพย์เข้ามา จากการเปิดให้ร้านค้า แบรนด์ และธุรกิจต่างๆ ที่สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่เปิดบริการในศูนย์การค้า

ทำให้ห้างท้องถิ่นบางรายที่ไม่ถนัดในการทำศูนย์การค้าต้องประสบกับสภาวะไม่สามารถปรับตัวได้ หรือปรับตัวเป็นศูนย์การค้าได้ไม่ดีพอลูกค้าเข้ามาใช้บริการลดลงตามมา

 

2.การแข่งขันที่รุนแรงของศูนย์การค้าเชน เช่นเซ็นทรัล เดอะมอลล์ และไฮเปอร์มาร์เก็ต อย่างโลตัส บิ๊กซี และอื่นๆ ขยายไปต่างจังหวัดเพื่อแย่งชิงลูกค้า จากจุดขายความครบครันและมีความทันสมัยมากกว่า เพื่อดึงดูดร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ เข้ามาเปิดบริการ ที่จะเป็นอีกแม่เหล็กที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ตของตัวเอง แทนห้างท้องถิ่น

 

3.พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซื้อของใช้ใกล้บ้าน และสั่งซื้อจากออนไลน์มากขึ้น จากการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าของใช้ส่วนตัว ขนม เครื่องดื่ม อาหารพร้อมทาน พร้อมปรุง และอื่นๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ที่เน้นการซื้อของใกล้บ้านครั้งละไม่มากนัก แทนการเดินทางไปห้างท้องถิ่นที่ต้องเดินทางไกลกว่าเพื่อซื้อครั้งละมากๆ เพื่อเก็บไว้ใช้งานนานๆ เหมือนในอดีต

และผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมการสั่งสินค้าจากอีคอมเมิร์ซที่มองเห็นความสะดวกในการซื้อโดยไม่ต้องเดินทาง สามารถเปรียบเทียบราคา และอาจจะมีราคาที่ถูกกว่าการเดินไปซื้อที่ห้างจากแคมเปญลดราคาต่างๆ

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer