ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด ความสวยความงาม คือ สิ่งที่ผู้คนให้คุณค่าเสมอ ตลาดความงามไทย จึงเติบโตได้ไม่หยุด ด้วยมูลค่า 258,275 ล้านบาท เติบโต 11.6% (ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย) แม้จะได้รับผลกระทบในช่วง Covid-19 เนื่องจากผู้คนไม่ได้ออกไปข้างนอก ดีมานด์เมคอัพจึงลดลง แต่ก็ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ผู้เล่นหลายแบรนด์แข่งขันกันอย่างคึกคัก ต่างก็หาจุดแตกต่าง สร้างจุดขายเหนือคู่แข่ง

คุณหิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด กล่าวว่า ​หลังผ่านพ้นช่วงโควิดมาได้ สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด และจากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปิดรับเทรนด์การแต่งหน้าและสีสันใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดบิวตี้สโตร์คึกคัก เป็นผลให้บริษัทเติบโต 30% ในปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์แบ่งเป็นกลุ่มสกินแคร์ 35%, กลุ่มเมคอัพ 33%, น้ำหอม 14% และอื่น ๆ 18% โดยที่กลุ่มเมคอัพมีสินค้าลิปสติกที่กลับมาโตสูงสุดทั้งในแง่ปริมาณและยอดขาย

 

วัยไหนก็รักสวยรักงาม

เเม้ลูกค้ากลุ่มหลักจะเป็นกลุ่มอายุ 25-34 ปี เกินกว่า 50% แต่ความถี่ในการเข้าใช้บริการกลับน้อยกว่ากลุ่มเด็กที่มีอายุ 18-24 ปี ที่แม้จะยังเป็นสัดส่วนน้อยประมาณ 10% แต่ความถี่ในการเข้าใช้บริการประมาณ 5 ครั้งต่อปี มากกว่าลูกค้ากลุ่มหลักซึ่งอยู่ที่เฉลี่ย 4 ครั้งต่อปี  ทั้งนี้ มาจากกลุ่มเด็กเริ่มหันมาแต่งหน้าและดูแลบำรุงผิวเร็วกว่าในอดีต

ใช้กลยุทธ์ Brand exclusive ดึงลูกค้า

ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีสินค้า Exclusive กว่า 1,000 รายการ เพื่อสร้างความแตกต่าง โดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด

ล่าสุดเปิดตัว Kylie Cosmetics  เป็น Exclusive แบรนด์ เพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่จะจำหน่ายเฉพาะกับอีฟแอนด์บอยเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม มีจำหน่ายทั้งเมคอัพและน้ำหอมแบรนด์ Kylie อาทิ ลิปสติก, แป้ง, รองพื้น, คอนซีลเลอร์, อายไลเนอร์, มาสคาร่า

คุณหิรัญยังเปิดเผยว่า แบรนด์ Kylie cosmetic ใช้เวลาติดต่อมากกว่า 3-4 ปี จากที่ปกติเวลาติดต่อกับแบรนด์อื่นใช้เวลาปีถึงสองปีก็สามารถปิดดีลได้ แม้จะยากและใช้เวลานาน เพราะแบรนด์ยังไม่ได้เล็งจะเข้ามาทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่บริษัทไม่ลดละความพยายามจนสามารถติดต่อมาจำหน่ายยังประเทศไทยได้ การมีแบรนด์พรีเมียมเข้ามาเช่นนี้จะช่วยให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้ง่าย อีกทั้งขยายเซกเมนต์ในระดับบน

 

เครื่องสำอางแบรนด์ไทยฮิตใน TikTok โอกาสธุรกิจ

แบรนด์ไทยยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง สัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 20-30% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด จากคุณภาพสินค้าที่สูง หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ อีกทั้งกระแสแบรนด์ไทยที่เมื่อถูกจุดประกายแล้วจะกระจายไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะใน TikTok ที่เมื่อโด่งดังขึ้นมาจะมีลูกค้ามาถามหาที่หน้าร้านมากมาย จึงทำให้แบรนด์ไทยเหล่านี้แข่งขันกับแบรนด์นอกได้อย่างสูสี

แต่กระแสที่มาไวไปไวก็สร้างโจทย์ยากในการบริหารสต๊อกสินค้า ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนไปในเวลา 1-2 เดือนเท่านั้น ภายในช่วงเวลานี้จะต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอให้ได้

 

กลยุทธ์ AWARD marketing

อีฟแอนด์บอยมีการปรับกลยุทธ์ทำการตลาดเข้มข้นขึ้น จัด EVEANDBOY BEST SELLING AWARDS 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4  งานประกาศรางวัลผลิตภัณฑ์ความงามยอดขายสูงสุดแห่งปีจากอีฟแอนด์บอย ที่ใช้กลยุทธ์ Award Marketing สร้างการรับรู้ตอกย้ำภาพจำ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผลิตภัณฑ์และแบรนด์คู่ค้า ตลอดจนเพื่อสร้างความภูมิใจและความสัมพันธ์อันดีกับพาร์ตเนอร์แบรนด์

โดยปีนี้แบ่งรางวัลออกเป็น 5 ประเภท รวม 108 รางวัล ได้แก่ น้ำหอม (FRAGRANCE), เครื่องสำอาง (Makeup), ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (SKINCARE), ผลิตภัณฑ์ของใช้/ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายและอาหารเสริม (PERSONAL CARE/BODY AND SUPPLEMENTS) และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและอุปกรณ์ต่าง ๆ (HAIR AND ACCESSORIES) จากผลิตภัณฑ์กว่า 100,000 บิวตี้ไอเทม มั่นใจดันยอดขายสินค้าที่ได้รับรางวัลโตเพิ่ม 30%

นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด EVEANDBOY BEAUTY AND THE BEST นำเสนอโปรโมชัน กระตุ้นยอดขายให้กับบิวตี้ไอเทมที่ได้รับรางวัล โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเมมเบอร์จะได้รับคะแนนเพิ่ม 10 คะแนนต่อ 1 สินค้า สำหรับการซื้อสินค้าในกลุ่มที่ได้รับรางวัล BEST SELLING AWARDS 2023 ทั้งช้อปปิ้งผ่านช่องทางหน้าสาขาทั้ง 30 สาขา, เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน EVEANDBOY ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. – 20 มิ.ย. 2567

ด้านจำนวนสาขามีอยู่ครอบคลุมทั้งหมด 30 แห่ง ทั้งรูปแบบ Free standing ทั้งที่อยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ คิดเป็นสัดส่วนในต่างจังหวัด 25% หรือ 8 สาขา ในหัวเมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่บริษัทยังมองหากลุ่มเมืองรองที่มีศักยภาพไปด้วย นอกเหนือจากนั้นอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

เตรียมเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ ณ สยามสแควร์

Disruptive Customer Experience เปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่ เข้าถึงง่ายแบบ Friendly Access ให้ลูกค้าได้ลองเล่นบิวตี้ไอเทมอย่างสนุกสนาน พร้อมการจัดวางและนำเสนอสินค้าแบบ Mix Brand Category สอดรับเทรนด์การช้อปปิ้งในปัจจุบันของลูกค้าที่นิยมช้อปปิ้งเครื่องสำอางแบบมิกซ์แอนด์แมตช์ มาพร้อมรูปแบบดีไซน์ร้าน Innovative Multi Media

“Key success ของเรา คือ customer centric คิดถึงลูกค้าก่อนเสมอ การทำธุรกิจบิวตี้รีเทลเริ่มคิดจากเราเองไม่ได้  แต่ต้องเดาใจลูกค้าให้ถูก ธุรกิจนี้แข่งกันที่ความหลากหลาย ครบครัน และรวดเร็ว  ต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าที่มาและไปไวมาก เพียงข้ามเดือนเท่านั้น” คุณหิรัญกล่าวสรุป

.

อีฟแอนด์บอย บิวตี้สโตร์พันล้านที่เริ่มจากสองพี่น้อง

ก่อตั้ง พ.ศ.2547สาขาแรกที่ จ.มหาสารคาม
สาขารวม 30 สาขา กรุงเทพฯและปริมณฑล 22 สาขา ต่างจังหวัด 8 
ยอดขายแบ่งเป็น
สกินแคร์ 35% เมคอัพ 33% น้ำหอม 14% อื่นๆ 18%
สัดส่วนยอดขายแบรนด์ไทย 30% สินค้า exclusive 1,000 รายการ ออฟไลน์

87%

ออนไลน์

13%

กลุ่มลูกค้า
50%

อายุ 25-34 ปี

ซื้อสินค้า 4 ครั้งต่อปี

10%

อายุ 18-24 ปี

ซื้อสินค้า 5 ครั้งต่อปี

5%

ลูกค้าต่างชาติ

ดึงแบรนด์ Kylie จำหน่ายที่เดียวในไทย 
2563 2564 2565
รายได้ 2,233 1,846 2,754
กำไร 400 276 498
ตลาดความงามในไทย 258,275 โต 11.6%

ที่มาผลประกอบการ : DBD

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer