วันนี้เราได้เห็นการจับมือครั้งใหม่ระหว่างบาร์บีคิวพลาซ่า กับ เลย์ เพื่อทำตลาดในรูปแบบ Co-Marketing ร่วมกัน ที่มากกว่าการ Collabs แบบเดิม ๆ ที่ทั้งบาร์บีคิวพลาซ่า และเลย์ เคยทำร่วมกับพาร์ตเนอร์อื่น ๆ ที่ไม่ได้สื่อสารและ Cross Promotion ร่วมกันทั้งหมด

ทั้งการออกเลย์ 2 รสชาติใหม่ ที่นำน้ำจิ้มดั้งเดิมและน้ำจิ้มหมูกระทะของบาร์บีคิวพลาซ่ามาพัฒนารสชาติ ได้แก่ รสน้ำจิ้มต้นตำรับ และรสบาร์บีกอนพ่นไฟในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น 4 เดือน

การออกเมนูใหม่ The Extra BBQ ซอสยิ่งเข้ม BBQ ยิ่งข้น ของบาร์บีคิวพลาซ่า ระยะเวลา 1 เดือน และแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น นำรหัสในถุงเลย์แลกซื้อดื่มเป๊ปซี่รีฟิล 1 แถม 1 การจัดกิจกรรมเลย์ก้อนเปย์ยกโต๊ะ Meet & Greet รับประทานบาร์บีคิวพลาซ่าฟรีกับนนน กรภัทร์

และการสื่อสารการตลาดร่วมกันผ่านโซเชียลมีเดียของทั้งคู่ รวมถึงการแรปร้านบาร์บีคิวพลาซ่า สาขาสยามสแควร์ วัน อยู่ในรูปแบบร้าน Store Model for Collaboration และวางจำหน่ายสินค้าเลย์รสชาติบาร์บีคิวพลาซ่าหน้าร้าน บางสาขาเพื่อสื่อสารการตลาดถึงความร่วมมือในครั้งนี้

สำหรับบาร์บีคิวพลาซ่า X เลย์ ในมุมการตลาดของทั้งคู่มีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนของเลย์เป็นการสร้างสีสัน และกระแสให้กับแบรนด์ผ่านการ Collabs เป็นรสชาติใหม่ ๆ พร้อมกับยอดขายที่เติบโตจากความอยากลองของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มจำนวนในการซื้อรับประทานจากความเป็นรสชาติที่ลิมิเต็ดอิดิชั่น และกิจกรรม Meet & Greet รับประทานบาร์บีคิวพลาซ่าฟรีกับนนน กรภัทร์

และยังเป็นการตอบรับการเติบโตของตลาดขนมขบเคี้ยวปีนี้กลับมาเติบโต 5% และตลาดมันฝรั่งทอดจะกลับมาเติบโตด้วยเช่นกัน

ส่วนบาร์บีคิวพลาซ่านอกเหนือจากการสร้างอินโนเวชั่น และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาอยู่ในไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น ความร่วมมือนี้ยังส่งเสริมให้บาร์บีคิวพลาซ่าอีกหลาย ๆ ประการ ได้แก่

1. สามารถพาแบรนด์ไปอยู่บนเชลฟ์ขนมขบเคี้ยวทั่วประเทศ และเข้าไปอยู่ในบ้านของผู้บริโภคในฐานะรสชาติของขนมขบเคี้ยว

2. เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญที่สร้างแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าที่อยู่มา 37 ปี ให้เป็นกระแสถูกพูดถึงเสมอ และยังตอกย้ำ Top of Mind ในใจลูกค้าเมื่อต้องการรับประทานอาหารตามร้านในศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ทำมาต่อเนื่องทั้งปี

ซึ่งในแต่ละปีบาร์บีคิวพลาซ่ามีแคมเปญหลัก ๆ ประมาณ 8-10 แคมเปญต่อปี ไม่รวมแคมเปญย่อยที่ทำขึ้นมาสร้างและตามกระแสในแต่ละช่วงเวลาอีกจำนวนมาก อย่างเช่น แคมเปญคีบกุ้ง เป็นต้น

3. ขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ จากเลย์ที่รับประทานสองรสชาติใหม่ และต้องการลองรับประทานบาร์บีคิวพลาซ่าในรูปแบบปิ้งย่าง พร้อมกับนำส่วนลดจากรหัสในซองมาใช้เพื่อแลกกับเป๊ปซี่รีฟิล 1 แถม 1 จากเดิมที่ลูกค้าหลักของบาร์บีคิวพลาซ่า คือ Family with Kids

4. สร้างการเติบโตด้านยอดขายและความถี่จากลูกค้าที่เข้ามาลิ้มลองเมนูใหม่ The Extra BBQ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้

โดย The Extra BBQ เป็นการนำแนวคิดมาจากรสชาติบาร์บีคิว ซึ่งเป็น 1 ใน 3 รสชาติยอดนิยมที่รองลงมาจาก รสออริจินัล และโนริสาหร่าย ด้วยการนำผงและซอสบาร์บีคิว สับปะรด พริก หอมใหญ่ มาเป็นส่วนประกอบของเมนูวางจำหน่ายทุกสาขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ซึ่งการออกเมนูใหม่ รัฐมองว่าเป็นหนึ่งในการสร้างมูฟเมนต์ใหม่ ๆ ที่จะสามารถดึงกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มให้เข้ามารับประทานในความถี่ที่เพิ่มขึ้น 10-20% และยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 10-20% เช่นกัน

 

อย่างไรก็ดี แคมเปญร่วมกับเลย์ แม้ผู้บริหารบาร์บีคิวพลาซ่าจะมองว่าจะมีวัตถุประสงค์สร้าง Engagement ให้กับแบรนด์เป็นหลัก แต่สิ่งที่ได้รับคือยอดจำหน่ายจากแคมเปญ ที่จะร่วมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะพาบาร์บีคิวพลาซ่าเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้

ในปีนี้ 2567 บาร์บีคิวพลาซ่าวางเป้าหมายรายได้ 3,800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 3,500 ล้านบาท บนความท้าทายของตลาดปิ้งย่างมูลค่า 9,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าตลาดที่ทรงตัวจากปีที่ผ่านมา บนการแข่งขันของตลาดร้านอาหารที่ดุเดือดจากผู้เล่นใหม่ ที่แข่งขันทั้งด้านราคา คุณภาพ และอื่น ๆ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินในกระเป๋าผู้บริโภคให้มากที่สุด

ซึ่งนอกเหนือจากแคมเปญการตลาดและการสร้างกระแสแบรนด์อย่างต่อเนื่องทั้งปีแล้ว ในปีนี้บาร์บีคิวพลาซ่ายังมีแผนรุกตลาดรอบด้าน ได้แก่

1. ขยายสาขาเพิ่มอีก 10-12 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 150 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% ต่างจังหวัด 30%

โดยให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสใหม่ ๆ จากการขยายสาขาไปต่างจังหวัด และเรียนรู้พฤติกรรมและวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ลงลึกมากขึ้น

ซึ่งการขยายสาขาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถสร้างรายได้ให้เติบโตจากเดิมที่ยอดขายใน Same Store (สาขาเดิม) มีการเติบโตเพียงเล็กน้อยได้อีกทาง

2. นำ Gon Express หรือโมเดลในรูปแบบฟู้ดทรักเข้าไปศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละพื้นที่ และใช้ทดลองตลาดเมนูใหม่ ๆ ก่อนที่จะนำมาขายในสาขาทั้งหมด

3. ปรับรูปแบบการให้บริการบางสาขาเป็น Digital Dine In มี QR Code ให้ลูกค้าใช้มือถือตัวเองสแกนสั่งอาหาร และชำระเงินด้วยตัวเองผ่านแพลตฟอร์ม Gon Gang ในไลน์ เพื่อเข้าถึง Journey ของลูกค้าตั้งแต่ที่บ้านจนถึงรับประทานจบที่ร้าน

ซึ่งสาขาที่ให้บริการในรูปแบบ Digital Dine นอกเหนือจากพนักงานหน้าร้านจะนำเวลาที่เคยบริการรับออเดอร์ไปให้บริการอื่น ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการรับประทานมากขึ้น ยังทำให้บาร์บีคิวพลาซ่ามีรายได้ต่อโต๊ะที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยต่อโต๊ะ 1,000 บาท หรือ 300-400 บาทต่อหัว จากความสนุกในการเลือกสั่งอาหารเอง

โดยปัจจุบันบาร์บีคิวพลาซ่ามีสาขาในรูปแบบ Digital Dine In ทั้งหมด 10 สาขา และต้องการขยายเป็น 30 สาขาในปีนี้

4. สร้างฐานลูกค้าสมาชิก Gon Gang เป็น 3.2 ล้านรายในสิ้นปี จากปัจจุบัน 2.9 ล้านราย และ Active 1.5 ล้านราย เพื่อเป็นดาต้าในการรู้จักกลุ่มลูกค้าตาม Persona ที่บาร์บีคิววางไว้ 11 Persona เพื่อนำดาต้าที่ได้มาใช้ในการสื่อสารการตลาดเฉพาะบุคคลและออกแคมเปญใหม่ ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

 

Marketeer FYI

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่ทำกลยุทธ์ Collabs กับขนม และร้านอาหาร

บาร์บีคิวพลาซ่า X เลย์ เป็นการ Collabs ที่ใช้เวลาพัฒนาสูตร 6-8 เดือน และไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่ Collabs กับอุตสาหกรรมของพาร์ตเนอร์อีกฝั่ง

เพราะที่ผ่านมาบาร์บีคิวพลาซ่า เคย Collabs กับมาชิตะ รสชาติเบค่อนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า ในปี 2561

และเลย์เคย Collabs กับ KFC ในรสรสไก่ทอดสูตรผู้พัน และ รสไก่วิงซ์แซ่บ ในปี 2563

Collabs กับ After Yum และ OngTong ในปี 2567


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer