Life/1 ใน 3 ของเวลาชีวิตในแต่ละวันคืองาน ส่วนที่เหลือคือพักผ่อนและการใช้เวลากับครอบครัว ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการให้ดี โดยอะไรที่ใช้ได้ดีในบริษัท
และส่งผลดีต่อหน้าที่การงาน อาจต้องลด หรือละวางไว้บ้างเมื่อกลับเข้าบ้าน
ยึดเหตุผลเป็นใหญ่: นิสัยอย่างแรกที่ใช้ได้ดีในบริษัทและหน้าที่การงาน แต่ต้องลดลงมาบ้างเมื่อกลับเข้าบ้าน คือ การใช้เหตุผลเป็นที่ตั้ง โดยเมื่อทำงานนิสัยนี้ขาดไม่ได้เลย
เพราะการพิจารณาเหตุและผลให้รอบคอบ เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีสุด ขณะเดียวกันถูกต้องก็ควรทำมากกว่าถูกใจ ทว่าเมื่อกลับบ้าน การใช้ตรรกะต้องลดลงไปบ้าง และหัวใจควรมีบทบาทมากกว่าสมอง
Fastcompany วิเคราะห์เรื่องนี้ผ่านทัศนะของนักจิตวิทยาว่า การยึดแต่หลักเหตุผลจะทำให้คนกลายเหมือนหุ่นยนต์ที่ทุกอย่างต้องเป็นไปกฎ และตามแผนที่วางไว้
ซึ่งมีแต่จะทำให้คนในบ้านอึดอัด ตรงข้ามกับลดราวาศอกและยอมตามใจเพื่อให้ถูกใจบ้าง ซึ่งจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ได้มากกว่า
สวมบทบอสใจร้าย: การมีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหัวหน้าหรือมีตำแหน่งสูงในบริษัท คือเรื่องสมควรทำ
เพราะจะสามารถจัดการปัญหาเล็ก ๆ ไม่ให้ลามเป็นมะเร็งร้ายบ่อนทำลายธุรกิจ และเมื่อต้องตัดสินใจ ต้องมองที่บริษัทหรือองค์กรมากกว่าตัวคน
จึงไม่แปลกที่ผู้บริหารเก่ง ๆ มักถูกมองเป็นหัวหน้าใจร้ายเสมอ ในสายตาพนักงาน โดยเฉพาะคนที่ถูกสั่งปลดแต่เมื่อกลับบ้านนิสัยแบบนี้ควรทิ้งไว้ที่หน้าประตู
เพราะสมาชิกในครอบครัวคือคนที่เรารัก ต้องมีผ่อนหนักผ่อนเบา จะเข้มงวดตลอดไม่ได้ และการออกคำสั่งเป็นเรื่องไม่ควรทำอย่างยิ่งกับการรักษาความสัมพันธ์
เพราะผลที่ได้จะไม่เป็นธรรมชาติ เช่น การกอดแบบถูกสั่งให้ทำกับที่ทำโดยธรรมชาติ อย่างหลังย่อมดีกว่าและช่วยให้ความสัมพันธ์ยืดยาวกว่า
นี่ทำให้หัวหน้าที่ดุ ๆ ในบริษัทแทบทุกคน กลับเปลี่ยนไปเป็นคุณพ่อคุณแม่ใจดีเมื่ออยู่บ้านและอยู่กับลูก ๆ
ฮุบหน้าที่ตัดสินใจ: นิสัยอีกอย่างที่ดีกับงาน คือความเด็ดขาด โดยถ้าเป็นพนักงานตัวเล็ก ๆ เพิ่งเริ่มทำงาน นิสัยดังกล่าวจะทำให้คุณก้าวหน้าได้เร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
ส่วนถ้าเป็นผู้บริหาร ความเด็ดขาดยิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ จนอาจกล่าวได้ว่าผู้บริหารต้องเด็ดขาดจนถึงขั้นต้องเผด็จการในบางครั้ง
เพราะเมื่ออำนาจตัดสินใจอยู่ในมือ จึงไม่ต้องถามความเห็นใครและใส่ใจความรู้สึกผู้อื่น แม้อาจถูกมองว่าดูไม่เป็นประชาธิปไตยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ความเด็ดขาดอาจใช้ไม่ได้ที่บ้าน เพราะการฮุบหน้าที่ตัดสินใจไว้เพียงฝ่ายเดียว คนในบ้านย่อมมองว่าคุณไม่ฟังเสียงพวกเขา และเป็นปัจจัยลบที่ทำลายความสัมพันธ์
ตั้งแต่ในระดับคู่รัก สามีภรรยา ไปจนถึงครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลายรุ่นใต้หลังคาเดียวกัน ดังนั้น สิ่งควรทำคือพบกันครึ่งทาง หรือถามความคิดเห็นคนส่วนใหญ่ในบ้าน
เน้นเป้าหมายตลอด: นิสัยสุดท้ายที่ควรทำในบริษัท เพราะส่งเสริมความก้าวหน้าคือการมุ่งเน้นไปที่เป้าหมาย เพราะจะทำให้คุณและทีมงานสามารถหาวิธีการที่เหมาะสมมาทำให้งานลุล่วง
อย่างไรก็ตาม นิสัยการเน้นงานและเป้าหมายเป็นหลัก ควรทิ้งไว้ที่โต๊ะทำงานในบริษัท เพราะเมื่อกลับบ้านคุณต้องหันมาใส่ใจกับคน ทะนุถนอมจิตใจ
และคุณก็ไม่สามารถใช้ตัวเลขใด ๆ มาวัดประสิทธิภาพ (KPI) คนที่คนรักได้ ดังนั้นเมื่อคนในบ้านทำพลาด และไปไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้
หรือกระทั่งล้มเหลว สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การดุด่า การกระตุ้นเพื่อให้เค้นศักยภาพให้ผลงานออกมาดีกว่าเดิม แต่เป็นการปลอบประโลมและให้กำลังใจ จนสามารถลุกขึ้นไปสู้ต่อในสังเวียนชีวิตนอกบ้านได้อีกครั้ง/fastcompany
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ