แต่ละวันในการทำงาน เหล่าคนทำงานต้องพบเจอผู้คนมากมาย ทั้งเพื่อนร่วมออฟฟิศที่ต้องประสานงานกัน คู่ค้าระหว่างการเจรจาธุรกิจ และลูกค้าที่เป็นแหล่งรายได้ หรือแม้กระทั่งตัวแทนหน่วยราชการในกรณีที่ต้องทำงานระดับประเทศ
ทว่ายังมีอีกคนที่คนทำงานต้องพบเจอ และเป็นคนที่สำคัญต่ออนาคตในบริษัทเสียด้วย นั่นคือหัวหน้างาน ซึ่งโดยตำแหน่งแล้วมีหน้าที่สั่ง ตรวจสอบ และมอบหมายงาน
โดยถ้าทำงานเข้าตา หัวหน้าก็จะให้คะแนนประเมินประสิทธิภาพการทำงาน (KPI) ลูกน้องสูง ๆ ซึ่งส่งผลต่อโบนัสปลายปีและการเลื่อนขั้น
ส่วนถ้าตรงกันข้าม ผลงานออกมาไม่ดี หัวหน้าก็จะให้คะแนน KPI ลูกน้องน้อย และโบนัสปลายปีกับโอกาสเลื่อนขั้นย่อมน้อยลงตามไปด้วย
ทว่าโลกการทำงานซับซ้อนกว่านั้น ซึ่งตัวแปรที่มองข้ามไม่ได้เลยก็มาจากตัวหัวหน้าเอง เพราะลูกน้องไม่สามารถเลือกหัวหน้าได้ และถ้าโชคร้าย คนทำงานก็ต้องเจอกับหัวหน้าแบบร้าย ๆ หรือทรงแบด ที่เป็นอุปสรรคกับการทำงาน
ต่อไปนี้คือหัวหน้าทรงแบด 4 แบบที่คนทำงานต้องเจอกันอยู่ในปัจจุบัน

บอสตามงานรัว ๆ ต้องยื่น Check list: หัวหน้าทรงแบดแบบแรกที่เหล่าคนทำงานเจอกันอยู่บ่อย ๆ คือ หัวหน้าประเภทที่ชอบส่งเมล หรือใช้ช่องทางต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่ Email ข้อความและ LINE ในการตามงานแบบรัว
หัวหน้าทรงแบดแบบนี้ ซึ่งเปรียบได้กับเฮลิคอปเตอร์บินวนเฝ้าติดตามพร้อมเสียงหึ่ง ๆ อยู่ไม่ห่าง เพิ่งปรากฏให้เห็นช่วงทำงานแบบช่วงโลกติดล็อกดาวน์
และต่อเนื่องมาสู่การทำงานแบบผสมผสาน สลับระหว่างที่บ้านกับเข้าบริษัท เน้นที่ความสะดวกเป็นหลัก (Hybrid First)
ผลกระทบของการมีหัวหน้าแบบนี้คือ ความหวาดระแรง และไม่มีสมาธิในการทำงาน โดยวิธีการรับมือ คือ การเปิดกรอบการทำงาน และนัดเวลาการตรวจสอบงานไว้ให้ไปพิจารณาล่วงหน้าก่อนทำงาน
วิธีรับมือดังกล่าว จะช่วยลดความถี่ในการติดตามงาน กระตุ้นคุณให้ทำงานตามเป้าที่วางไว้ และมีสมาธิในการทำงานอีกด้วย
บอสล่องหน ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า: หัวหน้าทรงแบดแบบถัดมาที่ทำให้ลูกน้องปวดหัวปวดใจเมื่อต้องทำงานด้วยคือหัวหน้าล่องหน ที่มักหายตัวไปนาน ๆ ติดต่อไม่ค่อยได้ ทั้งด้วยสาเหตุจำเป็น ติดธุระ มีงานอื่นรัดตัว
หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นช่องทางในการอู้งาน หัวหน้าแบบนี้เป็นอุปสรรคกับงาน เพราะเมื่อคนตัดสินชี้ขาดคนสุดท้ายไม่อยู่ กว่าจะปิดจ็อบได้แต่ละงานจึงลำบากยากเย็นเหลือเกิน
วิธีรับมือกับหัวหน้าแบบนี้ คือลูกน้องต้องถามตั้งแต่เริ่มงานเลยว่าฝั่งหัวหน้าอยากให้งานเป็นแบบไหน กรอบเวลาที่ต้องทำงานให้เสร็จ และช่องทางการติดต่อ
พร้อมกันนี้ฝั่งลูกน้องก็ต้องถามหัวหน้าถึงช่องทางการติดต่อและนัดเวลาที่หัวหน้าสะดวกไว้ด้วย โดยวิธีการดังกล่าวจะทำให้ฝ่ายหัวหน้าบันทึกลงตารางเวลาของตัวเองไว้ ลดการหายหน้าไปจากบริษัท
และตระหนักว่าตนสำคัญกับงานและบริษัท หรือมอบหมายให้ใครทำงานแทน เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้มากที่สุด
บอสช่างติ ต้องพลิกเป็นโอกาสพัฒนา: หัวหน้าทรงแบดแบบถัดมา เป็นฝันร้ายของลูกน้อง นั่นคือ หัวหน้าที่ชอบติ ปัดตกมันทุกเรื่อง และดูเหมือนว่าไม่เคยจะพอใจกับผลงานของลูกน้องเสียที
หากมองโลกในแง่ร้าย หัวหน้าช่างติคือคนที่บั่นทอนกำลังใจอย่างร้ายกาจ แต่ถ้ามองในแง่ดี นี่ก็เป็นประโยชน์และดีกับงานได้เช่นกัน
เพราะแสดงให้เห็นว่าหัวหน้าใส่ใจกับการตรวจงานและชี้ให้เห็นจุดบอดหรือข้อผิดพลาดที่ลูกน้องมองข้ามไป ดังนั้น วิธีรับมือกับหัวหน้าช่างติ คือ การแก้ไขข้อผิดพลาดที่หัวหน้าชี้มา และตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนส่งงาน
เชื่อเถอะ หากทำดีจนหาที่ติไม่ได้ หัวหน้าก็คงจะชมว่าคุณเป็นลูกน้องคนเก่งเข้าสักวัน และคำชมที่หาได้ยากแบบนี้ จะเป็นเหมือนกำลังใจถังใหญ่เลยทีเดียว
บอสทำตัวท็อกซิก ต้องถามไปตรง ๆ: หัวหน้าทรงแบดแบบสุดท้าย คือหัวหน้าที่มักทำตัวเป็นพิษ (Toxic) ผ่านการวิจารณ์เรื่องส่วนตัวและไม่เกี่ยวกับงาน เช่น รูปร่าง และดูเหมือนว่าลูกน้องที่ตกเป็นเป้าทำอะไรก็ผิดตลอด
หากเจอหัวหน้าประเภทนี้ ให้รวบรวมความกล้าไปถามตรง ๆ เพื่อให้หยุดการกระทำไม่เหมาะสม และถ้าเขาหรือเธอยังไม่หยุด ก็มีสองทางให้ฝั่งลูกน้องเลือก หนึ่งคือแจ้งผู้ที่ตำแหน่งเหนือหัวหน้าคนนี้ขึ้นไป
และอีกหนึ่งคือลูกน้องเป็นฝ่ายถอนตัวไป โดยอย่างแรกจะทำให้หัวหน้าจอมท็อกซิกหยุดป่วนลูกน้อง แต่ก็ต้องแลกด้วยความสัมพันธ์ร้าวฉาน
ส่วนอย่างหลัง แม้เหมือนเป็นการยอมแพ้ แต่ก็ดีกับตัวลูกน้องเอง เพราะเป็นการพาตัวเองออกมาจากที่อึดอัดแล้วไปอยู่ที่ที่ปลอดภัยกว่านั่นเอง/fastcompany
–
