Work/งานจะออกมาดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บรรยากาศในการทำงานและความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง โดยถ้าอย่างหลังไม่ราบรื่น ถึงขนาดทั้งสองฝ่ายสัมผัส
งานคงไม่ออกมาดีอย่างที่ต้องการ ซ้ำร้ายยังอาจทำให้ลูกน้องโดนไล่ออกหรือลาออกไปเอง จนส่งให้ทีมงานลดลงและคนที่เหลืออยู่ต้องเหนื่อยขึ้น
หนึ่งในวิธีรักษาความสัมพันธ์ ตัดไฟก่อนงานพังเพราะคนน้อย และทำให้คนในทีมพร้อมทุ่มกายเทใจทำงานให้เต็มร้อย คือการถามไถ่จากหัวหน้า ด้วย 5 คำถามต่อไปนี้
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?”: นี่เป็นคำถามแรกสุดที่หัวหน้าควรถามลูกน้องบ้าง เพราะสื่อให้เห็นให้รู้ว่า สนใจสารทุกข์สุกดิบและเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตของลูกน้องมากกว่าเรื่องงาน
คำตอบที่ได้มีหลายระดับ ตั้งแต่คำสั้น ๆ อย่าง “ก็ดีครับ/ค่ะ” ขยับสู่การระบายความอัดอั้น อย่าง “เหนื่อยอยู่เหมือนกันครับ/ค่ะ”ไปจนถึงกระทั่งระเบิดออกมา อย่าง “แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ครับ/ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบแล้ว หัวหน้าควรถามต่อ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ลดช่องว่างในที่ทำงานและแสดงความห่วงใยในฐานะคนที่ทำงานใต้ชายคาบริษัทเดียวกันให้ลูกน้องได้รู้
“เป้าหมายใหญ่คืออะไร?”: นี่เป็นคำถามที่บอกให้รู้ถึงแรงผลักดันและเป้าหมายในชีวิตของลูกน้อง โดยถ้าตรงกับบริษัทก็เป็นการดี เพราะเป็นสัญญาณว่าลูกน้องคนนั้นพร้อมทำงานให้เต็มที่
แต่ถ้าไม่ หัวหน้าก็ควรให้ปรึกษา และหาทางแก้ ทั้งด้วยการปลุกกำลังใจและช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ เพื่อให้งานยังเดินหน้าต่อไปด้วยดี พร้อมบรรยากาศในการทำงาน หรือที่คนยุคนี้เรียกว่า Vibe (ไวบ์) ที่ดีด้วย
“ติดขัดอะไรไหม?”: นี่เป็นคำถามอีกข้อที่ควรถามอย่างยิ่ง เพราะสื่อให้รู้ว่าหัวหน้าไม่ปล่อยให้ลูกน้องทำงานอย่างยากลำบาก ตามมีตามเกิด หรือเป็นหัวหน้าใจร้ายที่เอาแต่สั่งงานอย่างเดียว
หลังได้รู้แล้วลูกน้องติดขัดและยังขาดอะไร หัวหน้าควรช่วยจัดการอุปสรรคนั้น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งในรูปคำแนะนำ เงิน อุปกรณ์ และกำลังคน
“จุดไหนบ้างที่อยากรู้เพิ่ม?”: คำถามข้อนี้เป็นอีกข้อที่หัวหน้าควรถามลูกน้อง โดยถ้าเป็นลูกน้องอยู่มานาน จะช่วยเปิดโอกาสให้เขาหรือเธอได้เติบโต ประสิทธิภาพและฝีมือการทำงานที่ดีขึ้น ผ่านการฝึกอบรมต่าง ๆ
อันจะช่วยมัดใจให้พนักงานเก่ง ๆ อยู่ในบริษัทต่อไป ส่วนถ้าเป็นพนักงานใหม่ การถามว่า “จุดไหนบ้างที่อยากรู้เพิ่ม?” จะเป็นการช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี เพราะสื่อว่าทุกคนมีโอกาสก้าวหน้าได้เรียนรู้งานใหม่ ๆ และไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น
“อยากเสริมจุดไหนที่ยังขาดไปไหม?”: แม้นี่มักเป็นคำถามข้อสุดท้ายที่หัวหน้าส่วนใหญ่ถามลูกน้อง เพราะต้องวางใจในระดับหนึ่ง ทำงานกันมาสักพัก และตัวเองต้องเป็นคนเปิดกว้างพอสมควร
แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะคำตอบที่ได้อาจชี้ให้เห็นจุดที่หัวหน้าพลาดไป และตัดไฟก่อนปัญหาเล็ก ๆ ลุกลามใหญ่โต
พร้อมกันนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจ และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เปิดกว้างทางความคิดอีกด้วย/fastcompany
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ