มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิก เกมส์ คือมหกรรมแห่งศักดิ์ศรีของดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า “โลก” ประเทศใดจะประกาศศักดาผงาดค้ำโลก ต้องแสดงตนเองให้เห็นผ่านการคว้าเหรียญรางวัลกลับประเทศให้ได้มากที่สุด เพื่อโชว์ให้ประเทศอื่นเห็นศักยภาพของชาติตน

โอลิมปิกเป็นการแข่งขันกีฬาที่เริ่มต้นมายาวนานถึงร้อยปี และหากจะหาจุดเริ่มต้นจริง ๆ คงต้องย้อนกลับไปก่อนคริสตกาลหรือ 2,700 ปีก่อน ที่การแข่งขันกีฬายังเป็นไปเพื่อบูชาเทพ กีฬาชนิดแรกที่ถือกำเนิดขึ้น คือ วิ่งระยะสั้น 200 หลา

แต่หากนับตามโอลิมปิกสมัยใหม่จัดขึ้นครั้งแรกปี 1896 สำหรับโอลิมปิก 2024 นี้ นับเป็นครั้งที่ 33 แต่ประเทศไทยเข้าร่วมครั้งแรกในโอลิมปิกฤดูร้อน 1952 เป็นปีแรก แต่ยังไม่มีเหรียญกลับบ้าน ใช้เวลายาวนานกว่า 44 ปี ถึงจะคว้าเหรียญทองแรกให้กับไทยได้

วันแรกที่เพลงชาติไทยกระหึ่มเวทีโลก

แม้เหรียญโอลิมปิกแรกของชาติไทยจะได้มาจาก “พเยาว์ พูลธรัตน์” กีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์ฟลายเวท ที่คว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันปี 1976 แต่ทองแรกของไทยเกิดในปี 1996

ราชอาณาจักรไทยได้ประกาศศักดาอย่างยิ่งใหญ่ ในชนิดกีฬามวยสากลสมัครเล่น จาก “สมรักษ์ คำสิงห์” ยอดกำปั้นจากเมืองขอนแก่น ธงชาติไทยถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา พร้อมกับเพลงชาติไทยบรรเลงขึ้นกระหึ่มสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้สมรักษ์กลายเป็นฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย

นับจากนั้นมาไทยก็ผงาดบนแท่นเหรียญทองในชนิดกีฬาอื่น ๆ ต่อเนื่อง

นับตั้งแต่ราชอาณาจักรไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน รวมเหรียญรางวัลแล้วทั้งสิ้น 36 เหรียญ แบ่งเป็น 10 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน (รวมเหรียญจากกุลวุฒิแล้ว) และ 17 เหรียญทองแดง

ตัวเล็ก แต่ใจใหญ่ คือไทยแท้

สรีระของคนไทยส่วนใหญ่เป็นไปตามแบบฉบับเอเชีย คือ รูปร่างเล็ก เพรียว บาง ความกำยำสู้คนยุโรปไม่ได้ ย่อมทำให้คนตัดสินตั้งแต่เริ่มว่าในชนิดกีฬาที่ต้องใช้พละกำลัง ไทยต้องชวดเหรียญแน่ แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค เพราะสิ่งหนึ่งที่คนไทยโดดเด่น คือ ใจที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

ปี 2004 คือเหตุการณ์ที่ยืนยันได้ดีที่สุด โอลิมปิกเริ่มต้นอีกครั้ง ณ กรุงเอเธนส์ เหรียญทองประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งจากกีฬาที่คนไทยไม่คาดคิด  เมื่อ “ปวีณา ทองสุก” นักยกน้ำหนักสาวไทย ต้องข้ามไปแข่งในรุ่น 75 Kg ทั้งที่เธอน้ำหนักเพียง 69 Kg

ยกครั้งแรกในท่าสแนทช์ ยังเป็นรองทีมชาติรัสเซีย แต่เธอก็สู้ไม่ถอย เรียกน้ำหนักเพิ่ม 30 กิโลกรัม เพื่อจะเอาชนะให้ได้ ซึ่งการเรียกน้ำหนักครั้งนั้นถือเป็นจำนวนที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ปวีณาใจเด็ดมาก ๆ และในท่าคลีนแอนด์เจิร์กเธอก็ทำได้จริง ๆ ยกไป 150 กิโลกรัม ทำลายสถิติโอลิมปิก ขณะที่รัสเซียยกได้ 147 กิโลกรัม และเมื่อเทียบน้ำหนักตัว ปวีณาก็มีน้ำหนักน้อยกว่าอีก จึงเอาชนะ คว้าทองมาครองได้สำเร็จ

 

ปีที่ไทยรุ่งโรจน์ที่สุดในโอลิมปิก

โอลิมปิกครั้งที่ 28 ณ กรุงเอเธนส์ 2004 นับเป็นปีที่คนไทยอิ่มใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ เมื่อนักกีฬาไทยได้คว้าเหรียญกลับบ้านถึง 8 เหรียญ ได้แก่ เหรียญทอง 3, เหรียญเงิน 1 และเหรียญทองแดง 4 จากสองชนิดกีฬา คือ มวยสากลสมัครเล่น และยกน้ำหนัก

เหรียญทอง

– มนัส บุญจำนงค์ มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท

– ร้อยเอกหญิง อุดมพร พลศักดิ์ ยกน้ำหนัก รุ่น 53 กิโลกรัม
– ร้อยเอกหญิง ปวีณา ทองสุก ยกน้ำหนัก รุ่น 75 กิโลกรัม

เหรียญเงิน
– วรพจน์ เพ็ชรขุ้ม มวยสากลสมัครเล่น รุ่นแบนตั้มเวท

เหรียญทองแดง

– เรือตรีหญิง อารีย์ วิรัฐถาวร ยกน้ำหนัก รุ่น 48 กิโลกรัม
– วันดี คำเอี่ยม ยกน้ำหนัก รุ่น 58 กิโลกรัม
– สุริยา ปราสาทหินพิมาย มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์มิดเดิลเวท

ซึ่งนับเป็นปีที่สว่างไสวที่สุดของสมาคมยกน้ำหนักไทยอีกด้วย เพราะหลังจากช่วงหัววันที่ “อุดมพร พลศักดิ์” สามารถคว้าเหรียญทองแรกให้กับยกน้ำหนักไทยได้สำเร็จ เหรียญทองและทองแดงจากอีก 3 สาวก็ตามมาติด ๆ นักยกน้ำหนักไทยยืนเด่นบนโพเดียมอย่างเหนือความคาดหมาย

 

แต่ในวันที่สุขใจ ก็ย่อมมีวันที่เสียใจ เป็นธรรมดา

เพราะ ‘รอยยิ้ม’ กับ ‘น้ำตา’ เป็นของคู่กัน

 

เหตุการณ์ที่สร้างน้ำตาทั่วผืนแผ่นดินไทย

เป็นวันที่คนไทยน่าจะจดจำได้ไม่ลืม เพราะเป็นวันที่หลายคนเกาะขอบหน้าจอเพื่อรอเชียร์ “แก้ว พงษ์ประยูร” ไอ้หนุ่มกำปั้นทองจากกำแพงเพชร ตอนโอลิมปิกเกมส์ 2012 เพราะปีนั้นไทยมีลุ้นเหรียญน้อยมาก คนต่างฝากความหวังไว้ที่มวย เพราะเป็นกีฬาที่เราโดดเด่นไม่เบา

แก้วเอาชนะนักชกตัวเต็งคนอื่น ๆ จนผ่านเข้าสู่รอบชิงเหรียญทอง พบกับนักชกชาวจีน “โจว ซื่อหมิง” ในวันนั้นผู้ชมเต็มสนาม ชาวต่างชาติไปรอชมกันคึกคัก เพราะซื่อหมิงคือแชมป์เก่า แต่คู่ชิงอย่างแก้วเป็นหน้าใหม่ที่พวกเขาไม่เคยเห็นฟอร์มมาก่อน ทุกคนจึงตื่นเต้นที่จะได้ชมไฟลต์นั้น

แต่ปีนั้นลอนดอนกลับเปลี่ยนกฎ จากที่มวยเวลาชกจะโชว์คะแนนข้างจอแบบเรียลไทม์ แต่เปลี่ยนเป็นประกาศผู้ชนะตอนยกมือ ไม่มีคะแนนอะไรแสดงให้เห็นระหว่างชกเลย

 

ในวันนั้น แม้ยกแรกจะยังดูสูสีบ้าง แต่พอเสียงระฆังดังลั่นสู่ยกถัดไป ทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แก้วเดินหน้าปล่อยหมัดเข้าใส่คู่ต่อสู้ไม่ยั้ง และเข้าเป้าทุกดอก มีช็อตรัวหมัดใส่ท้องที่สวยจนปลุกเสียงเชียร์กระหึ่มฮอลล์ ถูกใจผู้ชมเป็นอย่างมาก และทุกคนต่างคาดเดาผลลัพธ์ได้เลยว่า แก้วมาเพื่อล้มแชมป์จริง ๆ

แต่สุดท้ายกรรมการกลับยกมือให้ซื่อหมิงเป็นฝ่ายชนะไป ค้านสายตาคนทั้งโลก แม้เขาจะพ่ายแพ้เพราะการตัดสินของกรรมการ แต่สำหรับผู้ชมทั่วโลกแล้ว “แก้ว พงษ์ประยูร” คือ ผู้ชนะที่แท้จริง

ซึ่งในปีนั้นการแข่งขันกีฬามวยสากลตกเป็นประเด็นเกี่ยวกับการรับสินบน แฉกันไปมาอย่างอื้อฉาว

 

เพราะนักกีฬา ทุกคนคือ “ฮีโร่”

นักกีฬาเป็นตัวแทนของ ‘คนมีฝัน’ และ ‘การพยายาม’ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

กว่านักกีฬาทีมชาติทุกคนจะมาถึงวันนี้ได้  ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

พวกเขาทุกคนล้วนผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก สั่งสมประสบการณ์มาจนเราไม่สามารถจินตนาการถึงความทุ่มเทของพวกเขาได้แน่นอน

บางคนใช้เวลา 10 ปี เพื่อต่อยบนสังเวียนเพียง 10 นาที

ตัวอย่าง ขอเล่าถึงกำปั้นดุในตำนาน “สมจิตร จงจอหอ” นักมวยสู้ชีวิตชาวบุรีรัมย์ ที่เคยเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกถึงสองครั้ง แต่คว้าน้ำเหลวมาในครั้งแรก หลังพ่ายนักชกคิวบา กลับประเทศมือเปล่า ไม่ได้รับการต้อนรับ ไร้ซึ่งการเหลียวแล เขาฝืนทนกับคำดูหมิ่นจากความปราชัย จนคิดอยากจะเลิกอาชีพนักมวยไปแล้ว

 

แต่ด้วยใจที่รักในการชกมวย เขาจึงไม่สามารถทอดทิ้งสิ่งที่เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตของเขาได้ สมจิตรกลับมาตั้งหน้าฝึกซ้อม และพลิกมุมมองความคิดใหม่ เขานึกถึงวันที่ตัวเองพยายามอย่างมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ ช่วงคัดตัวทีมชาติ สมจิตรไม่มีผู้สนับสนุน เขาต้องไปอาศัยนอนตามม้านั่งห้างสรรพสินค้าเพื่อรอชกวันถัดไป

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น เขากลับเปลี่ยนเป็นภูมิใจในตัวเอง จนเรียกคืนความมั่นใจมาได้ สุดท้ายยอดนักชกก็คืนฟอร์ม กลับไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ที่จีน และให้สัมภาษณ์ในตอนรับเหรียญด้วยวลีดังว่า “ผมผ่านมาเยอะ เจ็บมาเยอะ ผมอยากให้ทุกคนสู้เหมือนผม”

“เมย์ รัชนก อินทนนท์” นักตบลูกขนไก่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยทั้งประเทศ จากในอดีตแบดมินตันดูจะเป็นกีฬาที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคย และไม่เคยให้ความสนใจ เพราะทีมชาติไทยไม่ค่อยมีชื่อเสียง

แต่แล้วเมื่อจู่ๆ มีดาวรุ่งที่พุ่งแรงเหมือนจรวดจนคนมองตามไม่ทันอย่าง “น้องเมย์”  ที่ชื่อของเธอถูกจารึกในทำเนียบแชมป์โลกหญิงเดี่ยวที่อายุน้อยที่สุด สร้างความมึนงงให้คนนอกวงการแบดมินตันเป็นอย่างมาก เพราะชื่อของเธอไม่ได้มาจากตระกูลดัง หรือเป็นลูกคนมีฐานะเลย

เพราะส่วนใหญ่นักกีฬาที่จะไปถึงระดับแชมป์ได้ มีค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมสูงมาก โดยเฉพาะกีฬาเช่นนี้ ต้องอาศัยทุนจากพ่อแม่เพราะวงการกีฬาไทยไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน ซึ่งตอนที่น้องเมย์พีคสุดนั้น ชื่อของบ้านทองหยอดที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และซัปพอร์ตเมย์ทุกอย่าง ก็อยู่ในความสนใจของผู้คนทันที

เมย์เป็นเพียงเด็กสาวจากครอบครัวที่ไม่ได้มีทุนทางสังคมมากเท่าคนอื่น ๆ แต่ด้วยพื้นฐานที่เป็นคนมุ่งมั่น ระเบียบวินัยสูง พรสวรรค์และพรแสวงขับเคี่ยวกันมาแบบสูสี ด้วยคุณสมบัตินี้ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าเด็กคนนี้อนาคตไกลแน่ และก็เป็นเช่นนั้น เมย์ใช้เวลาไม่นานก็คว้าแชมป์ประเทศไทยได้ตอนอายุ 14 ปีเท่านั้น และเดินสายกวาดรางวัลระดับโลกต่อเนื่อง ก่อนขึ้นเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุด

และไม่ปล่อยให้รอนาน แบดมินตันยังจารึกประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง เมื่อบ้านทองหยอดสโมสรเจ้าเดิม ได้ปั้นแฝดน้องคนละฝาที่คลานตามกันมาอย่าง “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์” นักแบดมินตันชายเดี่ยวที่เคยชิมลางในการแข่งขันระดับโลกมาตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน

วิวเป็นอีกหนึ่งต้นกล้าที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าจะไปได้ไกลเช่นกัน จากเด็กเจ้าเนื้อ จ่ำม่ำ ผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ ไปโรงพยาบาลบ่อยเสียจนต้องลุกขึ้นมาจับไม้แบดเพื่อออกกำลังกาย  และด้วยใจที่มุ่งมั่น ทุ่มเทสุดตัว ทำอะไรจริงจังเต็มที่ ฝีมือของวิวจึงสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วกว่าคนในวัยเดียวกัน และได้โอกาสลงแข่งในสนามใหญ่ ๆ ทันที

แต่ก็ยังไม่ใช่เด็กมหัศจรรย์ที่สำแดงอิทธิฤทธิ์มากมายอะไร วิวค่อย ๆ เติบโตไปทีละขั้น แต่ทุกก้าวย่างล้วนมั่นคง ฟอร์มของเขาทะยานขึ้นตามลำดับจนทะลุขีดสุด เดินสายกวาดเหรียญจากรายการแบดมินตันหลายทัวร์นาเมนต์

ล่าสุด กับการคว้าชัยแชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการแบดมินตันไทย ด้วยการคว้าเหรียญเงิน โอลิมปิก 2024 ในวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่คนไทยร่วมส่งแรงเชียร์ทั้งประเทศ และยินดีทั้งน้ำตากับเหรียญแรกในหน้าประวัติศาสตร์นี้

 

วันที่คว้าชัย ไทยร่วมกันดีใจ

วันที่พ่าย โอบกอดกันและกันไว้

เพราะเรา คือ คนไทยด้วยกัน

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer