Trend/ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้คนได้รับการจารึกในการสร้างประวัติศาสตร์ และเป็นคนสำคัญ ย่อมต้องมาจากการสร้างเรื่องสำคัญ เช่น เป็นคนแรก และคว้าความสำเร็จครั้งใหญ่หลังผ่านอุปสรรคความยากลำบากมา

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคนที่อยู่นอกสายตา เป็นตัวแทนของกลุ่มที่แทบไม่มีใครรู้จัก และกล้าฝันใหญ่ สำหรับโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส จูเลี่ยน อัลเฟรด คือหนึ่งในนักกีฬาที่สร้างประวัติศาสตร์

จูเลี่ยน อัลเฟรด

โดยสาเหตุสำคัญลำดับต้น ๆ คือ คว้าเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ให้ เซนต์ ลูเซีย และเป็นเหรียญทองอีกด้วย ส่วนที่เหลือถัดจากนั้น คือการฝ่าดราม่าชีวิต

จนทำให้เรื่องราวของเธอไม่ต่างจากหนังประวัติชีวิตนักกีฬาที่มีคนเขียนบทเอาไว้ เพื่อเรียกน้ำตาและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน

จูเลี่ยน อัลเฟรด เกิดในกรุงคาสตรีส์ เมืองหลวงของ เซนต์ ลูเซีย ประเทศเกาะในทะเลแคริบเบียน ซึ่งมีประชากรอยู่เพียงราว 180,000 คน ในวัยเด็ก เธอตอบคำถามของครูเรื่องอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้นว่า

“อยากเป็น อูเซน โบลต์ คนต่อไป” หลังดูอดีตนักวิ่งทีมชาติจาไมกาคนดัง และดูเหมือนว่ามีแววเป็นไปได้

อูเซน โบลต์

ครูพลศึกษาเห็นแววของ จูเลี่ยน อัลเฟรด หลังเธอวิ่งชนะนักเรียนหญิงด้วยกันและนักเรียนชายแบบทิ้งห่าง

แม้ช่วงแรก ๆ ต้องวิ่งเท้าเปล่าและวิ่งทั้งชุดนักเรียน แถมสนามในประเทศก็ไม่พร้อม แต่เธอก็เริ่มไล่ตามฝัน โดยมีครูพละคนเดิมคอยสนับสนุน และคว้าความสำเร็จระดับเยาวชนได้บ้างแล้ว

แต่ชีวิตก็ส่งบททดสอบใหญ่มาวัดใจ และ จูเลี่ยน อัลเฟรด ก็ยอมแพ้ โดยอายุได้ 12 ปีเธอถอนตัวจากแข่งขันทุกระดับ หลังพ่อเสียชีวิตจนหมดกำลังใจ

ทว่าก็เป็นครูพละคนเดิมนั่นเองที่เข้ามาปลอบและปลุกไฟให้เธอกลับมาลงลู่วิ่งอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เริ่มจริงจังกับการทำสิ่งที่พูดไว้กับครูเมื่อถูกถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร

จูเลี่ยน อัลเฟรด เก็บกระเป๋าไปเรียนต่อมัธยมปลายในจาไมกา ประเทศของไอดอลของเธอ ที่เป็นเบอร์ต้น ๆ ในวงการวิ่ง และคู่ปรับของสหรัฐฯ มหาอำนาจในกีฬาประเภทนี้

จากนั้นนักวิ่งอนาคตไกลที่เคยหันหลังให้ลู่วิ่งหลังเสียพ่อ ยังคงลุยสานฝัน โดยเธอเก็บกระเป๋าอีกครั้ง คราวนี้มีที่หมายอยู่ในสหรัฐฯ

จูเลี่ยน อัลเฟรด เรียนต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเทกซัสในสหรัฐฯ แม้เริ่มดังในเซนต์ ลูเซีย หลังคว้าเหรียญกีฬาหมู่เกาะแคริบเบียน และกีฬาประเทศเครือจักรภพ

รวมไปถึงเหรียญเงินโอลิมปิกเยาวชน และลงแข่งวิ่งในรายการใหญ่ ๆ แต่ในระดับโลกแล้วแทบไม่มีคนรู้จักเธอ เพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้นักวิ่งหญิงที่ดังสุดคือ ชาคาร์รี่ ริชาร์ดสัน ของทีมชาติสหรัฐฯ ที่คว้าแชมป์โลกมาแล้ว

ชาคาร์รี่ ริชาร์ดสัน

แล้วจุดไคลแมกซ์ของเรื่องราวในชีวิตของ จูเลี่ยน อัลเฟรด ก็มาถึง โดย 3 สิงหาคม 2024 เธอผ่านเข้าถึงรอบชิงเหรียญทองวิ่ง 100 เมตรหญิง โอลิมปิกที่ฝรั่งเศส

ก่อนเวลาแข่งบรรยากาศไม่เป็นใจ เพราะมีทั้งหมอกและฝน โดยระหว่างรอ จูเลี่ยน อัลเฟรด ดูคลิปวิ่งของ อูเซน โบลต์ เพื่อสร้างกำลังใจ และยังปลุกไฟด้วยการจินตนาการถึงการคว้าเหรียญทอง

หลังสภาพอากาศดีขึ้นเวลาแข่งก็มาถึง โดย จูเลี่ยน อัลเฟรด เป็นม้านอกสายตาของทั้งผู้ชมในสนาม และผู้ชมการถ่ายทอดสด

เพราะนอกจากไม่ได้ออกตัวเป็นคนแรกแล้ว ชาคาร์รี่ ริชาร์ดสัน ยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นม้าตีนปลาย ปล่อยให้คู่แข่งแซงขึ้นไปก่อนแล้วพลิกเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกอีกด้วย

แต่หลังวิ่งไปครึ่งทาง จูเลี่ยน อัลเฟรด ก็ขึ้นนำและนำต่อไปจนเข้าเส้นชัยแบบชนะขาด ด้วยเวลา 10.72 วินาที โดยมี ชาคาร์รี่ ริชาร์ดสัน และ เมเลสซา เจฟเฟอร์สัน จากสหรัฐฯ มาเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

หลังคว้าเหรียญทอง ซึ่งเป็นทั้งเหรียญแรกและเหรียญทองแรกให้ เซนต์ ลูเซีย ซึ่งลงแข่งโอลิมปิกมาตั้งแต่ปี 1996 จูเลี่ยน อัลเฟรด วัย 23 ปี ดีใจจนคุมตัวเองไม่อยู่และร้องไห้ด้วยความปีติ

เธอให้สัมภาษณ์ว่า เป็นความสำเร็จใหญ่สุดในอาชีพ ขอขอบคุณโค้ช และหวังว่าพ่อผู้ล่วงลับจะร่วมยินดีกับความสำเร็จนี้อยู่บนสรวงสวรรค์/theguardian


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer