บริดจสโตน ยืนหนึ่งเพราะส่งมอบผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง
ความสำเร็จอีกครั้งของ “บริดจสโตน” (Bridgestone) กับการคว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2024 ครองความเป็น “แบรนด์ยางรถยนต์” ยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศไทยจากการสํารวจความคิดเห็นของผู้บริโภคทั่วประเทศ ติดต่อกันยาวนานเป็นปีที่ 13
ในโอกาสนี้ Marketeer ได้รับเกียรติจาก คุณโชทาโร่ คิตะมุระ ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจยางรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็ก บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มาเผยเบื้องหลังการขับเคลื่อนกลยุทธ์ และแนวทางการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานภายใต้กรอบที่ว่า “ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ” บนพื้นฐานลูกค้าเป็นศูนย์กลางสำคัญ ควบคู่กับการสร้างคุณค่าร่วม เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียม บริการ และโซลูชั่นที่ทันสมัยและหลากหลายให้ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์การเดินทางอย่างลงตัว

ชู 3 จุดแข็ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน
“บริดจสโตนเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 57 ปี ถึงแม้ยางรถยนต์จะเป็นเพียงส่วนที่สัมผัสถนนขนาดแค่หนึ่งฝ่ามือ แต่ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน บริดจสโตนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่นตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตอบสนองเทรนด์การเดินทางของตลาดไทยที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา”
คุณคิตามุระกล่าวถึงจุดแข็งแรกของบริดจสโตน โดยสร้างความมั่นใจว่าคนไทยได้รับทั้งคุณภาพและความปลอดภัยที่เหนือกว่า ทำให้บริดจสโตนได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากคนไทย ซึ่งมาจากความแข็งแกร่งของแบรนด์บริดจสโตนที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer-Centric)
ในส่วนของ จุดแข็งที่สอง คือ บริดจสโตนได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยการให้ความสำคัญของลูกค้า โดยทำการศึกษาว่าลูกค้าที่ใช้ยางรถยนต์มีใครบ้าง แล้วต้องการฟังก์ชันแบบไหนที่เหมาะสมกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ทำให้บริดจสโตนไม่หยุดคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์ยางพรีเมียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การขับขี่บนมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยที่เหนือกว่า ยกตัวอย่างเช่น
- ลูกค้าที่ขับรถยนต์สไตล์ครอบครัว เน้นดีไซน์ที่โดดเด่นและมีความสปอร์ต สามารถขับขี่ได้ในเมือง บริดจสโตนได้ผลิตยาง BRIDGESTONE TURANZA T005A ซึ่งเป็นยางนุ่มเงียบและให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง และยาง BRIDGESTONE ALENZA 001 ที่ยึดเกาะได้ดีทั้งบนถนนแห้งและเปียก เน้นความปลอดภัยในทุกการเดินทาง
- ลูกค้าสายสปอร์ตและชื่นชอบความเร็ว กับยาง BRIDGESTONE POTENZA ที่เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจทั้งบนถนนแห้งและเปียก
- ลูกค้าสายผจญภัยที่เหมาะกับยาง BRIDGESTONE DUELER สำหรับการขับขี่แบบออนโรดและออฟโรด ด้วยสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนแห้งหรือถนนเปียก
- ลูกค้าที่ชื่นชอบความประหยัดและคุ้มค่า กับยาง BRIDGESTONE ECOPIA ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น

จุดแข็งที่สามคือการสร้างคุณค่าร่วมกับลูกค้าและสังคม บริดจสโตนได้นำ “ความยั่งยืน” มาใช้เป็นแกนหลักของการดำเนินธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ด้วยการบริหารจัดการครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การวิจัยและพัฒนา การผลิต การขนส่ง เครือข่ายการจัดจำหน่าย รวมถึงการนำวัสดุและยางรถยนต์ให้กลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อสร้างสังคมการเดินทางที่ยั่งยืนในอนาคต
ไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่น
พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า
ในฐานะของผู้นำตลาด ผู้บริหารบริดจสโตน วิเคราะห์ว่า ลูกค้าในปัจจุบันทุกคนต้องการและมองหาผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่นที่ทำให้คุณภาพชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานหรือประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ บริดจสโตนเองจึงให้ความสำคัญในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่นที่มีคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า
ทั้งนี้ เทรนด์การแข่งขันในปัจจุบัน “ยานยนต์ไฟฟ้า” (EV) มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจยานยนต์ต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ของโลกและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ซึ่งทิศทางการดำเนินงานของบริดจสโตนเองก็สอดรับกับเทรนด์ดังกล่าว โดยเริ่มในตลาดต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น
- พัฒนายาง BRIDGESTONE POTENZA SPORT ให้กับรถ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบสุดหรูคันแรกของ Maserati ในรุ่น Grecale Folgore ช่วยยืดอายุการใช้งานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและส่งมอบการควบคุมที่ดีทั้งบนถนนแห้งและถนนเปียก
- พัฒนายางพรีเมียมให้กับ Mercedes-Benz เพื่อส่งมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นและปลอดภัย
- ออกผลิตภัณฑ์ยาง BRIDGESTONE TURANZA T005 EV สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับคัดเลือกเป็นยางล้อมาตรฐานให้กับ MG เพื่อสมรรถนะการขับขี่แบบพรีเมียมและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในกระบวนการผลิตที่ใช้ทรัพยากรน้อยลงและในขณะขับขี่
โดยในอนาคต บริดจสโตนอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป
รุกกลยุทธ์ตลาดรักษาตำแหน่งแชมป์
พร้อมเดินหน้าสร้างคุณค่าร่วมให้กับลูกค้า
สำหรับกลยุทธ์รุกตลาดในปีนี้ บริดจสโตนได้นำเสนอแคมเปญการตลาดและส่งเสริมภาพลักษณ์ เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้า รวมถึงตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อยกระดับสมรรถนะการขับขี่และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า
ส่วนช่วงต้นปี ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง BRIDGESTONE DUELER ALL-TERRAIN A/T002 ที่เหมาะกับการขับขี่แบบออนโรดและออฟโรด ด้วยสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่ดีไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนแห้งหรือถนนเปียก และมาพร้อมขอบขาวในบางขนาด
รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าในกิจกรรม “มอเตอร์สปอร์ต” เพื่อสร้างวัฒนธรรมมอเตอร์สปอร์ตที่น่าตื่นเต้นเร้าใจผ่านแคมเปญระดับโลกอย่าง Master the Art of Ultra Performance, การแข่งขันรายการ Super GT, รายการ Indy500, การแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ (Bridgestone World Solar Challenge) รวมถึงความร่วมมือกับ Forza Motorsport
พร้อมสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลกอย่าง Lamborghini, MG และ Pacemax เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์พรีเมียมระดับโลก

คุณคิตามุระยังได้เสริมถึงกลยุทธ์ในการรักษาตำแหน่งแชมป์ เพิ่มเติมว่า
“บริดจสโตนปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงและสภาพการแข่งขันในตลาดยางรถยนต์ในประเทศ รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ บริการและโซลูชั่นที่มีคุณภาพและความปลอดภัย เหมาะสมกับการใช้งานตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในกลุ่มยางรถยนต์นั่งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ บริดจสโตนจึงสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ให้บริการลูกค้าและสามารถรับฟังความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า เราจะเดินหน้าสร้างคุณค่าร่วมให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เดินทางที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้าผ่านการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุสังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมกับการยกระดับสังคมแห่งการเดินทางที่ยั่งยืนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย สมกับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มอบให้บริดจสโตนเป็นแบรนด์ยางรถยนต์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในใจ”
นอกจากนี้ บริดจสโตน ยังมีกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่สุดพรีเมียมให้กับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น “BRIDGESTONE DRIVING EXPERIENCE: Unlock POTENZA Power” ที่ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกสู่การเป็นแบรนด์พรีเมียมระดับโลกที่ยั่งยืน ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
รวมถึงเดินหน้าขับเคลื่อนความปลอดภัยบนท้องถนนเพื่อสร้างสังคมแห่งความปลอดภัยและยั่งยืนผ่านโครงการอบรมเสริมความรู้ให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ (Bridgestone Driving License Program) ที่ได้ดำเนินการร่วมกับกรมการขนส่งทางบกมาตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นทั้งหมด 3 รุ่น ช่วงเดือนมิถุนายน กันยายน และพฤศจิกายน สำหรับผู้ที่ขับรถยนต์เป็นแต่ยังไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ เพื่อร่วมส่งเสริมและป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
–
Website : Marketeeronline.co /
