Work/คนทำงานทุกคนต้องการความสำเร็จที่ปูทางไปสู่ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และขึ้นเป็นเบอร์ต้น ๆ ของบริษัทที่ใคร ๆ ในวงการต่างยอมรับ ทว่าความเป็นจริงไม่ได้ง่าย เพราะมีอุปสรรคมากมายที่ขวางอยู่                                               

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เกิดจากนิสัยของคนทำงานเอง อย่างเช่นการคิดว่า รอก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำ หรือการผัดวันประกันพรุ่ง

จากมุมมองของนักเขียนหนังสือว่าด้วยเคล็ดลับในการคว้าความสำเร็จในชีวิตการทำงาน ซึ่งเปิดบริษัทปรึกษาเรื่องนี้ด้วย นี่คือนิสัยที่ควรเลิกให้ไว เพราะถ้าพ่นพิษขึ้นมา ผลเสียจะร้ายแรงเกินคาดคิด

Melody Wilding ผู้เขียนหนังสือ Trust Yourself: Stop Overthinking and Channel Your Emotions for Success at Work กล่าวว่า อาการรอไปก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำอันตรายต่อหน้าที่การงาน

โดยเธอยกตัวอย่างพนักงานอนาคตไกลคนหนึ่งที่มีอาการนี้ พนักงานคนนี้คิดว่าทำงานใหญ่ ๆ เสร็จก่อนจึงไปพูดกับหัวหน้าเรื่องโอกาสเลื่อนขั้น

เขาคิดว่าให้ผลประกอบการบริษัทไตรมาสล่าสุดออกก่อนถึงไปเสนอไอเดียงานชิ้นใหม่ รอจนสิ้นปีถึงจะไปปรึกษาหัวหน้าเรื่องเวลางาน

และรอจนทุกคนในห้องประชุมพูดจบหรือห้องเงียบสักพักแล้วจึงพูดสิ่งที่คิดออกไป โดยเมื่อทำแบบนี้ติดเป็นนิสัยนาน ๆ เข้า พนักงานคนนี้ก็ต้องเจ็บใจที่ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องแซงหน้าไป

จนที่สุดเขากลายเป็นลูกค้าที่มาขอคำปรึกษาของนักเขียนรายนี้ เพื่อหาทั้งวิธีเยียวยาจิตใจ ทางออกจากปัญหา และสลัดอาการอไปก่อนให้หมดไป 

Melody Wilding วิเคราะห์ว่าอาการรอไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยทำ เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือกลัวกับสิ่งที่จะตามมา และความไม่พร้อมของตัวเองโดยให้ถึงเวลาสมควรก่อนเป็นข้ออ้าง ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

เลิกยึดติดความเป๊ะแบบผิด ๆ: วิธีแรกที่จะช่วยขจัดอาการ รอก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำ คือ เลิกเอาความพร้อม ความสมบูรณ์แบบ หรือจังหวะเวลามาเป็นข้ออ้าง ซึ่งตัวอย่างก็มีให้แล้วจากสถานการณ์ของพนักงานอนาคตไกลด้านบน

การรอมีแต่จะยิ่งทำให้อะไร ๆ ช้าลง ดังนั้น เมื่ออยากจะทำอะไรให้ก็ควรลงมือทำในทันที และอย่าด้อยค่าตัวเองว่าไม่ดีพอ จนไปปิดกั้นความกล้า ทั้งเรื่องหน้าที่การงาน และการยอมรับผลที่จะตามมา 

ทำทีละนิดทีละหน่อยค่อย ๆ ทยอยไป: ไม่ว่าทางจะไกลเท่าไรก็ล้วนเริ่มจากก้าวแรก เช่นเดียวกับโครงการใหญ่ก็ต้องเริ่มจากการจรดปากกา วาดแผนคร่าว ๆ แล้วทยอยต่อยอดจนงานสำเร็จเสร็จสิ้น

กรอบความคิดเดียวกันนี้ยังสามารถนำมาปรับใช้เพื่อสลัดอาการ รอก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำ ได้ด้วย โดยทุกครั้งเมื่อลังเลจะทำลงมือทำอะไรโดยเฉพาะเรื่องที่ยาก ๆ หรือโครงการใหญ่ ให้เริ่มจากเรื่องที่ง่าย ๆ และจุดเล็ก ๆ ก่อน

เพราะเมื่อเริ่มต้นได้แล้ว ก้าวต่อไปก็ตามมา จนกลายเป็นการลากเส้นต่อจุดช่วยให้ปิดจ็อบได้นั่นเอง และเมื่อทำจนติดเป็นนิสัย อาการรอก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำก็จะลดลง ๆ จนหายไปในที่สุด

เปิดใจกับคนใกล้ตัว: วิธีสุดท้ายแม้ไม่ถึงกับกำจัดอาการรอก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำ ให้หายไปหมดเป็นปลิดทิ้งได้ แต่ก็ช่วยคลายเครียดและลดความกังวลได้ นั่นคือ การเปิดใจหรือระบายกับคนใกล้ตัว 

ทุกครั้งที่พูดกับตัวเองว่ารอไปก่อนได้ จะทำให้เกิดอีกปัญหาตามมานั่นคือ ความคิดท่วมหัว ไม่รู้ไปทางไหนต่อหรือทำอย่างไรดี โดยวิธีง่าย ๆ ที่คลี่คลายสถานการณ์ คือ การระบายกับใครสักคน

อาจเป็นเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ คนในครอบครัว รวมไปถึงผู้บังคับบัญชา โดยการไปขอปรึกษาและระบาย

โดยนอกจากช่วยคลายเครียดและเป็นหนึ่งในวิธีลดอาการรอก่อนได้พรุ่งนี้ค่อยทำแล้ว ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์กับคนในบริษัทและครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย/cnbc


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer