ข้าวตราฉัตร ครองเบอร์ 1 เพราะมุ่งเน้นผลิตข้าวที่มีคุณภาพ สร้างนวัตกรรมใหม่ และพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน

ศูนย์วิจัยกรุงศรี มีการคาดการณ์ว่ารายได้ของผู้ผลิตข้าวถุงในปี 2567-2569 มีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำธุรกิจแบบครบวงจร (มีทั้งโรงสีและบริษัทส่งออกข้าว) ตามความต้องการบริโภคจากภาคครัวเรือน ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การแข่งขันยังมีทิศทางรุนแรงจากผู้เล่นรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

สอดคล้องกับข้อมูลจากข้าวตราฉัตรที่ระบุว่าตลาดข้าวถุงปัจจุบันมีราว 200 แบรนด์ ขณะที่มูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2-3% จากปีที่ผ่านมา สาเหตุจากมูลค่าต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น

คุณยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย “ข้าวตราฉัตร” บอกกับ Marketeer ว่า ปัจจุบันจำนวนแบรนด์ข้าวสารบรรจุถุงเฉพาะที่ขึ้นทะเบียนกับ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ประมาณ 200 แบรนด์ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว ยังไม่รวมแบรนด์ที่ไม่ได้จดทะเบียนกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดข้าวสารบรรจุถุงไทยในตอนนี้คล้ายกับตลาดน้ำดื่มที่มี Local Brands มากมาย แต่ต่างกันตรงที่ตลาดข้าวถุงแข่งกันดุด้วยเรื่องราคา”

แม้การแข่งขันจะเพิ่มขึ้นและมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ “ข้าวตราฉัตร” ยังคงครองมาร์เก็ตแชร์ถึง 17% เป็นเบอร์หนึ่งของตลาด และเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทย No. 1 Brand Thailand ติดต่อกันเป็นปีที่ 13

จุดแข็งสำคัญที่ทำให้แบรนด์ข้าวตราฉัตรยืนหนึ่งมาตลอด คือ คุณภาพ นวัตกรรม สินค้าที่หลากหลาย ช่องทางการกระจายสินค้า และข้อมูล Database ที่ครอบคลุม

คุณภาพ อย่างที่รู้กันดีว่า ข้าวตราฉัตรตั้งเกณฑ์ไว้ว่าจะต้องสูงกว่ามาตรฐานข้าวไทยทั่วไปที่ภาครัฐกำหนด สิ่งที่ข้าวตราฉัตรทำและยึดถือมาตลอดคือ “มาตรฐานแน่นอนทุกถุง เหมือนกันทั่วโลก” หมายความว่าทุกคนได้กินข้าวที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเหมือนกันหมด รวมไปถึงบริการการรับประกันสินค้า “Satisfaction Quarantee” (หรือเปลี่ยนสินค้าทันทีหากไม่พึงพอใจ) ที่สะท้อนถึงคุณภาพของแบรนด์ด้วยเช่นกัน

นวัตกรรม นอกจากการเป็นผู้นำในตลาดข้าวสารบรรจุถุง ที่มีการนำเทคโนโลยีการเก็บรักษาข้าวสารมาใช้เพื่อล็อกความสดใหม่ของข้าว ทำให้ข้าวนุ่มตลอดทั้งปี และเป็นเจ้าเดียวในไทยที่เก็บข้าวไว้ที่ความเย็น 15 องศา ซึ่งช่วยทำให้ข้าวมีความหอม นุ่ม เหนียว ตลอดปี แล้วข้าวตราฉัตรยังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ มิติ เช่น การขับเคลื่อนโครงการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Rice Product) หรือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่อย่าง ข้าวตราฉัตร Twist ฝาเกลียวถุงตั้ง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ทั้งเรื่องฟังก์ชันการใช้งานและการเก็บรักษา

สินค้าที่หลากหลาย ข้าวตราฉัตรมีสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกกลุ่มความต้องการ ทั้งกลุ่มข้าวหอมมะลิ กลุ่มข้าวราคาประหยัด หรือข้าวที่เหมาะสำหรับทำเมนูต่าง ๆ ตลอดจนข้าวดัชนีน้ำตาล (GI) ต่ำ หรือ “ฉัตรไลท์”  ตอบโจทย์ลูกค้า B2C และ B2B เรียกได้ว่าครบทุก Segment

ช่องทางการสื่อสารและการกระจายสินค้าที่ครอบคลุม ทุกวันนี้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้า ข้าวตราฉัตร ได้สะดวกมากขึ้น ทั้ง Modern Trade, Local Modern Trade, Traditional Trade และช่องทางออนไลน์และการทำ Delivery ที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 40% ซึ่งข้าวตราฉัตรมีการปรับตัวเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

รวมไปถึงช่องทางการสื่อสารที่ปรับตามเทรนด์ของผู้บริโภคที่เน้นเสพสื่อช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยสร้างแคมเปญคอนเทนต์ และเลือกใช้ Influencer ที่แตกต่างเพื่อเข้าถึงแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อย่างล่าสุดกับการเป็นสปอนเซอร์ให้กับบ้านทองหยอด และ วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เจ้าของเหรียญเงินแบดมินตันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ผ่านมา

ข้อมูล Database ที่ครอบคลุม ทั้งข้อมูลเทรนด์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ เพื่อให้แบรนด์เข้าใจอินไซต์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เพื่อพัฒนาสินค้า สื่อสารแบรนด์ และสร้างบริการที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด และข้อมูลสำหรับการจัดการจัดทุน วิเคราะห์ซัปพลายเชนทั้งหมด ตลอดจนข้อมูลสำหรับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเพาะปลูกใหม่ ๆ

โดยคุณยงยุทธกล่าวว่า ความท้าทายของการบริหารจัดการข้อมูลคือ จะ Transform ข้อมูลที่มีออกมาเป็น How To ได้อย่างไร และ How To หรือยุทธวิธีนั้นจะไปแก้ Pain Point ต่าง ๆ ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ข้าวตราฉัตรคิดและพัฒนาอยู่ตลอด

จากจุดแข็งที่กล่าวมาทั้งหมด ส่งผลให้ข้าวตราฉัตรกลายเป็น Trendserter ที่ต้องสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อ Lead ตลาดไปในทางที่ควรจะเป็น ทั้งการพัฒนาเกษตรกรรมเพื่อความยั่งยืน การผลิตสินค้าที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) ซึ่งก็คือการติดตามสินค้าตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตติดตามแต่ละส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จากซัปพลายเออร์ ผ่านกระบวนการผลิต และไปจนถึงผู้บริโภคในขั้นสุดท้าย

“เราไม่ใช่แค่พ่อค้าข้าว เราทำการเกษตรและต้องเป็นเกษตรยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จะเห็นว่าเราให้ความสำคัญเรื่อง Sustainability มาก ๆ ทั้งการตั้งโจทย์ว่าทำอย่างไรเพื่อให้กระบวนการปลูกข้าวตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายทางอย่างการขายข้าวจะสามารถลดการใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซมีเทน ปล่อยคาร์บอนต่าง ๆ ลดลง ทำอย่างไรให้เกษตรกร คู่ค้า และทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเติบโตไปพร้อมกันกับเรา”

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer