ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย รายงานผลการศึกษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียน หรือ ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) ประจำปี 2024 ที่จัดทำขึ้นร่วมกับบริษัท Boston Consulting Group
รายงานเผยว่า อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังคงเป็นความกังวลหลักของผู้บริโภคในประเทศไทย โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 64% ระบุว่าสิ่งนี้เป็นข้อกังวลหลัก นอกจากนี้ อีก 60% ระบุว่าค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้นถึง 58% ทำให้ต้องลดค่าใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นลง ในขณะที่ 45% แสวงหาแหล่งรายได้รอง และ 44% มองหาข้อเสนอและส่วนลดในการช้อปปิ้ง
ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 42% ใช้จ่ายกับสิ่งของจำเป็นมากขึ้น ในขณะที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์และสนใจลงทุนเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอน แต่ผู้บริโภคชาวไทยกลับให้ความสำคัญกับการจับจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์มากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย
1. เทรนด์การใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์เพิ่มขึ้น
ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 40% กล่าวว่า พวกเขาใช้จ่ายมากขึ้นกับการซื้อประสบการณ์ในปีที่ผ่านมา เช่น การเดินทาง รับประทานร้านอาหารรสเลิศ คอนเสิร์ต อีเวนต์และงานเทศกาล การใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z (ร้อยละ 56) และ Gen Y (ร้อยละ 45)
ข้อมูลจากวีซ่า ประเทศไทย ระบุว่าผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบีวีซ่ามีการใช้จ่ายในสินค้าหรูหราลดลง 9% และ Gadgets ลดลง 5% รวมถึง Jewellery ลดลง 5% แต่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อซื้อประสบการณ์กลับเพิ่มขึ้น 3% การใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ที่เป็นหมวดใหญ่ที่สุดคือการรับประทานอาหาร รองลงมาคือการเดินทาง และกิจกรรมความบันเทิง เช่น คอนเสิร์ตและงานเทศกาลซึ่งเป็นประเภทการใช้จ่ายที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดที่ 57%
2. กระแสการเดินทางต่างประเทศยังคงมาแรง
การเดินทางระหว่างประเทศยังคงเป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 58% ระบุว่าได้เดินทางไปยังต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนในปีที่ผ่านมา ผลการวิจัยของ ACSS 2024 เผยให้เห็นว่าคนยังชื่นชอบจุดหมายปลายทางในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย
ข้อมูลของวีซ่า ประเทศไทย ยังยืนยันแนวโน้มการท่องเที่ยวในต่างประเทศนี้ การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบการใช้จ่ายบัตรเครดิตในต่างประเทศเป็นรายปีของผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี วีซ่า โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมอื่น ๆ ทั่วโลกได้แก่ ญี่ปุ่น จีน (รวมถึงฮ่องกง) และฝรั่งเศส
3. คนรุ่นใหม่สร้างความสมดุลระหว่างการใช้จ่ายกับการออมและการลงทุน
แม้การใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคในประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นออมเงินอย่างแข็งแกร่ง โดย 57% ของผู้บริโภค ระบุว่ามีเงินสำรองฉุกเฉินที่รองรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อยสามเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคอาเซียนถึง 54% สิ่งที่น่าสังเกตคือ คนรุ่นใหม่ (Gen Y และ Gen Z) ให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่งคั่งผ่านการออมและการลงทุนมากกว่าคนในช่วงอายุที่มากกว่า
โดย 55% ลงเล่นในกลุ่มหุ้น
45% ลงทุนในคริปโต
42% ลงทุนกองทุนรวม
โดยที่คนรุ่นใหม่จะโฟกัสที่การลงทุนในด้านเทคโนโลยี 31% และ Healthcare 11%
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ยังเปิดเผยว่าการเปิดบัญชีเงินฝากของกลุ่ม Gen Z เพิ่มขึ้น 52% ในขณะที่จำนวนบัญชีเงินฝากที่ถือครองโดยกลุ่ม Gen Y เพิ่มขึ้น 27% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จำนวนนักลงทุน Gen Z เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า โดยเพิ่มขึ้น 129% ในขณะที่นักลงทุน Gen Y เพิ่มขึ้น 23% โดยเม็ดเงินลงทุนโดยคนรุ่นใหม่ในการลงทุนตรงในต่างประเทศเติบโตขึ้น 10% และการลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุนที่จดทะเบียนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 14%
–
